ตอนที่ 1,471 ทางเลือกที่ไม่เสียใจ
เด็กหนุ่มในชุดขาวย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน
ปรากฏว่าเขามาถึงได้สักครู่ใหญ่แล้ว
แต่ที่เพิ่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ก็เพราะอยากจะเห็นความแข็งแกร่งและที่มาที่ไปของบุรุษลึกลับผู้นี้
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินได้เห็นแล้วเล็กน้อย
“เขาเป็นสหายของข้า”
หลินเป่ยเฉินมองเด็กสาวผมแดง “เสี่ยวไป๋ ช่วยเห็นแก่หน้าข้าได้หรือไม่?”
เด็กสาวผมแดงย่อมต้องเป็นไป๋ชินอวิ๋นผู้หายตัวไปเป็นเวลานาน
เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกัน นอกจากเรื่องระดับพลังที่เปลี่ยนไปแล้ว หน้าอกหน้าใจของไป๋ชินอวิ๋นที่เคยแบนราบก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
บัดนี้ นางกลับมามีหน้าอกภูเขาไฟดังเดิมแล้ว
ไป๋ชินอวิ๋นกลับมามีรูปร่างหน้าตาเป็นเหมือนคนเดิมที่หลินเป่ยเฉินเคยรู้จัก
อย่าบอกนะว่าเมื่อพลังฟื้นฟูกลับมา หน่มน้มของนางก็กลับมาใหญ่โตด้วยเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินได้แต่คิดด้วยความสงสัยอยู่ในใจ
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังลมปราณที่แผ่ออกมาจากตัวไป๋ชินอวิ๋นเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ราวกับว่านี่เป็นพลังที่แผ่ออกมาจากคนละคนก็ไม่ปาน
แม้แต่บุคลิกของนางก็ไม่เหมือนเดิม
หลินเป่ยเฉินจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาพบเจอไป๋ชินอวิ๋น นางมีบุคลิกเป็นคุณหนูเจ้าสำราญ ขี้เล่น รักสนุก แต่บัดนี้ ไป๋ชินอวิ๋นกลับกลายเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งพันปี สีหน้าแววตาเย็นชา ร่างกายปลดปล่อยรังสีอำมหิตคุกคามผู้คน
“ที่แท้ก็เป็นสหายของหลินเป่ยเฉินนี่เอง”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋ชินอวิ๋นด้วยความดีใจ ไม่ต่างจากเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง “แน่นอนว่าข้าย่อมไว้หน้าเจ้า… เพียงแต่ข้าขอถามเจ้าสักหน่อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ข้าน่าจะพอเดาได้”
เขาหันมามองหน้าฉู่จิวอี้และถามว่า “ท่านแซ่ฉู่ใช่หรือไม่?”
เพื่อช่วยชีวิตบุรุษลึกลับ ฉู่จิวอี้ถึงกับยอมสละมือของตนเองหนึ่งข้าง ขณะนี้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อมีละอองน้ำสาดพรมเข้ามาที่ข้อมือ ความเจ็บปวดก็หายไปและไม่กี่ลมหายใจต่อมา ความรู้สึกเย็นเยือกและชาดิกเกิดขึ้น รู้ตัวอีกที มือของนางก็งอกคืนกลับมาใหม่แล้ว
“ทะ…ท่านทราบได้อย่างไร?”
ฉู่จิวอี้เบิกตาโต มองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ
นางไม่รู้จักหลินเป่ยเฉิน
แต่สัญชาตญาณของนางบอกว่าเด็กหนุ่มรูปหล่อในชุดขาวผู้นี้น่าจะเป็นคนดี
“เพราะว่าท่านมีหน้าตาเหมือนใครคนหนึ่งมากเกินไป”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “คนคนนั้นก็มีแซ่ฉู่เช่นกัน และนางก็มีบุตรสาวอายุไล่เลี่ยกับบุตรสาวของท่าน”
ฉู่จิวอี้มีสีหน้ามึนงงพิศวง
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าบุรุษลึกลับและถามว่า “ฉินโซว ท่านจะซ่อนตัวไปอีกนานเพียงใด?”
บุรุษลึกลับร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย หลังจากนิ่งเงียบอยู่อึดใจใหญ่ เสียงแหบแห้งของเขาจึงได้กล่าวตอบมาว่า “ท่านมองออกด้วยหรือ?”
แล้วเขาก็ยกมือขึ้นปลดหน้ากากออกจากใบหน้า เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง
หากไม่ใช่เพราะว่าหลินเป่ยเฉินสามารถจดจำรูปลักษณ์ของฉินโซวได้ขึ้นใจ เขาก็คงหลงเข้าใจว่าบุรุษที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าคนนี้ ไม่ใช่คนเดียวกับฉินโซวอดีตผู้ดูแลหอการค้าใหญ่ในดินแดนทวยเทพ
ฉินโซวจอมเสเพลผู้ไม่สนใจความตายของภรรยา
หลังจากไม่ได้พบเจอหน้ากันนาน ฉินโซวลดน้ำหนักไปเยอะทีเดียว
จากร่างกายที่เคยอวบอ้วน ก็กลายเป็นผอมสูง ใบหน้าที่เคยมีแต่ชั้นไขมันก็กลับกลายเป็นหล่อเหลา
แต่ดวงตาของฉินโซวเต็มไปด้วยความเย็นชาและความขมขื่น ซึ่งไม่มีทางพบเห็นได้เลยในแววตาของคุณชายตระกูลใหญ่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยและใจร้ายอำมหิต
แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉินโซวเล่นละครตบตาผู้คนมาโดยตลอด
“ตอนที่อยู่ในดินแดนทวยเทพ ข้าก็พอจะคาดเดาได้อยู่บ้าง เสียดายที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน นักฆ่าเงาผู้นั้นคือท่านใช่หรือไม่?” หลินเป่ยเฉินมองหน้าชายฉกรรจ์และกล่าวต่อ “นอกจากท่านแล้ว ยังจะมีผู้ใดเกลียดชังเผ่าเทพตะวันถึงเพียงนี้อีก? ยังจะมีผู้ใดสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อกวาดล้างเผ่าเทพตะวันได้เช่นนี้?”
ฉินโซวไม่พูดคำใด
หลินเป่ยเฉินกล่าวออกมาอีกครั้ง “ในขณะนั้น ข้าสงสัยว่านักฆ่าเงาคือท่าน ข้าจึงแอบสืบข้อมูลเกี่ยวกับท่าน โชคร้ายที่ไม่พบเจอเบาะแสใด ๆ เลย แต่ข้าจำได้ดีถึงการกระโดดหายไปในเงามืดของนักฆ่าเงาผู้นั้น และท่านก็หายตัวไปจากดินแดนทวยเทพ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่แผ่นดินตงเต้าแห่งนี้”
ฉินโซวยังคงไม่พูดคำใด
แขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับขั้นพลังในอดีต ขณะนี้ ฉินโซวมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า
อัตราการเติบโตของขั้นพลังรวดเร็วผิดปกติ
ผิดปกติราวกับว่าเขาเปลี่ยนเส้นเอ็นเลาะกระดูก จนกลายมาเป็นนักเวทผู้ใช้ค่ายอาคมมือฉมังในเวลาเพียงไม่นาน
“ข้าสามารถไปได้แล้วหรือไม่?”
ฉินโซวมองหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวต่อ “บุญคุณที่ท่านช่วยเหลือในครั้งนี้ ข้าจะต้องตอบแทนในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินเข้าใจดีถึงความเจ็บปวดของฉินโซว
“ท่านยังไปไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ข้ายังมีคำถามคิดถามท่านเป็นการส่วนตัว”
“เชิญถาม”
ฉินโซวเงยหน้าขึ้นด้วยความร้อนรนใจ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจี๋ยนอยากทราบเรื่องอันใด?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว
ประโยคนี้เปิดเผยข้อมูลไม่น้อย
นี่แสดงว่าฉินโซวทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในดินแดนทวยเทพเป็นอย่างดี
“ท่านกำลังแก้แค้นให้แก่พี่สะใภ้ฉู่ฮันหลานใช่หรือไม่?”
“ท่านตั้งใจทำให้ตนเองถูกขับไล่ออกจากตระกูล เพื่อที่ท่านจะได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดแก้แค้นเผ่าเทพตะวัน และจะได้ไม่ต้องทำให้ตระกูลของท่านได้รับความเดือดร้อนไปด้วย?”
“เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ครอบครัวและมิตรสหายของท่านก็จะต้องได้รับความเดือดร้อน แม้ว่าการกระทำของท่านจะทำให้บิดามารดาของพี่สะใภ้ฉู่เจ็บปวดใจ แต่ท่านคิดว่าเมื่อตนเองกลายเป็นหมาป่าเดียวดาย ตนเองก็จะสามารถแก้แค้นเผ่าเทพตะวันได้อย่างสะดวกมากขึ้น…”
“ที่ข้ากล่าวมาทั้งหมดนี้ถูกต้องหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่ฉินโซว
ฉินโซวชำเลืองมองไปยังไป๋ชินอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างกาย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามข้อนี้
หลินเป่ยเฉินรู้ดีถึงความกังวลของอีกฝ่าย จึงพูดว่า “ไม่ต้องห่วง บอกมาเถอะ ข้ารับประกันว่าครอบครัวของท่านและมิตรสหายของท่านจะได้รับการคุ้มครองจากเรื่องนี้เป็นอย่างดี และท่านก็ควรจะรู้ไว้ว่าบัดนี้เผ่าเทพตะวันล้มตายหายสาบสูญไปเกือบทั้งหมด ความแค้นของท่านได้ถูกชำระล้างเรียบร้อยแล้ว”
ฉินโซวส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในดินแดนทวยเทพ และข้าก็รู้ด้วยว่าเผ่าเทพตะวันแทบจะสูญสลายไปหมดสิ้นด้วยน้ำมือของท่านที่ภูเขาไป๋ฝ่าเจี้ยน แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากหลายที่ท่านยังไม่รู้”
“อย่างเช่นเรื่องอะไรล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถาม
ฉินโซวตอบ “บอกไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความเศร้า “แต่ตัวตนของท่านถูกเปิดเผยแล้ว ปิดบังต่อไปก็ไร้ประโยชน์”
ฉินโซวนิ่งเงียบ
หลินเป่ยเฉินพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไป “ต่อให้ข้าไม่เปิดโปงตัวตนของท่านออกมา ต่อให้ท่านช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ได้สำเร็จ แต่พวกมันก็จะต้องตามแกะรอยพวกท่านได้แน่นอน ถึงวันนี้ท่านจะหลบหนีได้สำเร็จ แต่แม่ลูกคู่นี้จะต้องถูกตามแกะรอยจนพบตัว ท่านจะสามารถปกป้องพวกนางไปได้ตลอดเลยหรือ?”
ฉินโซวถอนหายใจยาวแรง
วันนี้เขาทำความผิดพลาดครั้งใหญ่จริง ๆ
แต่นี่เป็นทางเลือกที่ฉินโซวไม่เสียใจเลย
หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉินโซวก็จะยังตัดสินใจทำเช่นเดิม
แม้ว่าสตรีผู้นี้จะไม่ใช่คนคนเดียวกัน และแม้ว่าพวกนางจะอยู่กันคนละภพภูมิ
แต่ทันทีที่เห็นหน้าฉู่จิวอี้ ฉินโซวก็นึกถึงภรรยาผู้เสียชีวิตของตนเองขึ้นมาทันที
บางทีในบ่ายวันนั้น ภรรยาของเขาก็คงมีสีหน้าหมดหวังและแววตาขอร้องอ้อนวอนเช่นนี้ แต่โชคร้ายที่วันนั้นไม่มีผู้ใดไปปรากฏตัวช่วยเหลือนาง
ฉู่จิวอี้กับฉู่ฮันหลานมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก
และบุตรสาวของฉู่จิวอี้ที่ชื่อเจิ้งเซวียนเซวียนก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับฉินเฉียนเซวียนบุตรสาวของเขาอยู่หลายส่วน
นี่คือเรื่องที่บังเอิญมากเกินไปจริง ๆ
ความรู้สึกผิดจากความตายของภรรยากัดกินหัวใจฉินโซวเรื่อยมา มันช่วยสลายความเย็นชาในหัวใจของเขา และทำให้ฉินโซวตัดสินใจช่วยเหลือสองแม่ลูกคู่นี้ในที่สุด