ตอนที่ 1,478 เป็นเจ้าลงมือก่อน
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินยั้งมือไว้ไมตรีไม่ใช่น้อย
เพราะเขากลัวว่าตนเองจะลงมือกับไป๋ชินอวิ๋นรุนแรงมากเกินไป
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่เจอหน้ากันเพียงไม่นาน ไป๋ชินอวิ๋นจะสามารถพัฒนาฝีมือได้อย่างก้าวกระโดดเช่นนี้
ยังจะมีผู้ใดกล้าแต่งงานกับนางอีก?
หากไป๋ชินอวิ๋นยังคงมีนิสัยเช่นนี้ต่อไป คืนส่งตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ เจ้าบ่าวคงถูกฆ่าตายแน่ ๆ
เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรีบจัดการนางให้ได้
เขายืนปักหลักรัวกระสุนปืนกลมือออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของไป๋ชินอวิ๋น
คำตอบที่ได้รับทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจ
เพราะกระสุนจากปืนกลมือไม่ระคายผิวไป๋ชินอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
แม้จะถูกยิงรัว มวลอากาศรอบกายปั่นป่วนรุนแรง แต่คมกระสุนที่สามารถสังหารเทพเจ้าระดับสูงได้นั้น กลับไม่สามารถทำอะไรไป๋ชินอวิ๋นได้เลย…
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตจนดวงตาแทบจะหลุดออกจากเบ้า
ดูเหมือนไป๋ชินอวิ๋นจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า
ปืนกลมือกระบอกใหม่ที่หลินเป่ยเฉินนำกระบอกเก่าไปแลกเปลี่ยนมานั้น มีอานุภาพสามารถยิงใส่เทพเจ้าระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา และหากยิงอย่างต่อเนื่อง เทพเจ้าผู้นั้นก็จะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือคมกระสุนทั้งหมดไม่สามารถทำอันตรายไป๋ชินอวิ๋นได้เลยสักนิด
แม้แต่รอยขีดข่วนสักรอยก็ยังไม่มี
ไป๋ชินอวิ๋นยืนมองดูด้วยความสงบ
กระสุนที่ถูกยิงเข้าใส่นางกระเด็นกระดอนกลับออกไป
เพียงพริบตาเดียว ปืนกลมือก็รัวยิงกระสุนออกมาหลายพันนัด จนปากกระบอกปืนเผาไหม้มีควันลอยโขมง
หลินเป่ยเฉินทราบดีว่าตนเองจะปล่อยให้ล่าช้าไปมากกว่านี้ไม่ได้
“ระวังตัว ข้าจะเอาจริงแล้วนะ”
หลินเป่ยเฉินร้องตะโกนเสียงดังฟังชัดพร้อมกับระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา
“กระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้า”
นี่คือกระบวนท่าการโจมตีรุนแรงที่สุดจากคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรเท่าที่หลินเป่ยเฉินสามารถใช้ได้ในขณะนี้
ปืนกลมือหายไป ในมือของหลินเป่ยเฉินกลับมาปรากฏเป็นกระบี่เงินเล่มเดิมอีกครั้ง
คมกระบี่ตวัดวูบ
ลำแสงกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้า
เงากระบี่พุ่งออกจากตัวคน
เงากระบี่ที่พุ่งออกจากตัวหลินเป่ยเฉินนั้น เป็นเงากระบี่จากกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่งถึงกระบวนท่ากระบี่ที่สิบสี่ พวกมันสอดประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หลอมรวมกลายเป็นลำแสงที่แทบไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
พลังศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทุกทิศทาง
เงากระบี่เหล่านั้นมีอานุภาพการโจมตีไม่ต่างจากคมกระบี่จริง ๆ
และร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็หลอมรวมเข้ากับกระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้าเช่นกัน
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของไป๋ชินอวิ๋น “เจ้าสามารถใช้กระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้าได้แล้วหรือ?”
นางวาดมือแทนกระบี่ขึ้นปัดป้องโดยทันที
เงาร่างของผู้คนพัวพันกันอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้น ภาพทุกอย่างกลับหยุดชะงัก
เงากระบี่ทั้งหมดหลอมรวมกลับเข้าสู่ร่างของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง
ไป๋ชินอวิ๋นหยุดนิ่งอยู่กับที่ เสื้อผ้าฉีกขาดหลายส่วน เผยให้เห็นถึงบาดแผลที่อยู่ใต้เสื้อผ้า ชุดมือกระบี่ของนางย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงสด
“แข็งแกร่ง”
ความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในแววตาของไป๋ชินอวิ๋น “สมแล้วที่เป็นกระบวนท่าที่สิบห้าจากคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน… นี่สินะคือความร้ายกาจของกระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้า หลินเป่ยเฉิน พลังที่เจ้าได้มาจากการครอบครองตำแหน่งเซียนกระบี่ดูเหมือนจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งมากกว่าที่ข้าคำนวณเอาไว้ ตัวข้าเองนั้นฝึกกระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้ามาได้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะสามารถใช้ได้อย่างชำนาญ… ไม่แปลกใจเลยที่องค์ราชันย์จะให้ความสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้”
“คราวนี้เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด”
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ว่าพลังอัคคีเทวะของตนเองถูกเผาผลาญไปจากร่างกายกว่าสามในสี่ส่วน นี่แสดงให้เห็นว่ายิ่งกระบวนท่ากระบี่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงส่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเผาผลาญพลังในร่างกายมากเท่านั้น เขารีบสลับพลังปราณธาตุในร่างกายมาเป็นพลังปราณธาตุทองคำอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวว่า “ฟังข้าให้ดีนะ พวกเรามาช่วยกันล้างแค้นเว่ยหมิงเฉินด้วยกันเถอะ อย่าได้ก่อกวนอีกเลย”
ไป๋ชินอวิ๋นส่ายศีรษะ
“เจ้าคงคิดว่าข้ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ไม่ใช่ นี่เป็นความต้องการของข้าเอง”
น้ำเสียงของเด็กสาวหนักแน่นมั่นคง “หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่มีทางต่อกรกับองค์ราชันย์ได้หรอก องค์ราชันย์ได้ครอบครองพลังความแข็งแกร่งที่แม้แต่เจ้าก็คงนึกไม่ถึง และเพื่อเห็นแก่มิตรภาพของพวกเราในอดีต ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ต่อองค์ราชันย์เสียเถอะ หากเจ้ายังดื้อดึงเช่นนี้ต่อไป เจ้าและกองทัพของเจ้าคงได้ถูกกวาดล้างหมดสิ้นแน่”
ระหว่างที่พูดอยู่นี้ บาดแผลบนร่างกายไป๋ชินอวิ๋นก็สมานตัวหายดีเรียบร้อยแล้ว
“นั่นมันเรื่องของข้า”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธคำแนะนำของไป๋ชินอวิ๋นโดยไม่ลังเลเป็นครั้งที่สอง พร้อมกันนั้น เขาก็ยกมือทำท่าดันแว่นโดยไม่รู้ตัว
พลังปราณธาตุทองคำเป็นพลังประจำตัวใต้เท้าฉาง เมื่อสลับมาใช้งานพลังปราณธาตุทองคำ หลินเป่ยเฉินจึงมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับใต้เท้าฉาง
อัตราความเร็วในการฟื้นตัวของไป๋ชินอวิ๋นรวดเร็วเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้
นี่คือคู่ต่อสู้ที่อันตราย
นอกจากมีฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งแล้ว ร่างกายยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ไป๋ชินอวิ๋นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะจัดการได้ง่าย ๆ อย่างที่คิด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้… พวกเราก็มาสู้กันต่อเถอะ การใช้กระบวนท่ากระบี่ที่สิบห้าเมื่อสักครู่ คงเผาผลาญพลังของเจ้าไปไม่น้อย ฮ่า ๆๆ เจ้าจะใช้กระบวนท่านี้ได้อีกสักกี่ครั้งกันเชียว? รอให้เจ้าหมดพลังเมื่อไหร่ ข้าก็คงสามารถหักแขนหักขาเจ้าได้ตามใจชอบแล้ว”
น้ำเสียงของไป๋ชินอวิ๋นมีความเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
นางต่อยหมัดออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
ให้ตายเถอะ นี่เขามาอยู่ในตำหนักชั้นในได้สามบทแล้ว สุดท้ายก็ยังเอาชนะไป๋ชินอวิ๋นไม่ได้อยู่ดี ตกลงว่าเขายังเป็นพระเอกของนิยายเรื่องนี้อยู่อีกหรือไม่? เหตุไฉนกว่าจะเอาชนะเด็กสาวได้จึงยากเย็นถึงเพียงนี้ มีหวังคนอ่านคงได้ด่านักเขียนว่าเขียนวนเวียนอยู่นั่นแหละ เนื้อเรื่องไม่เดินหน้าไปไหนสักทีแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินบ่นข้อความทั้งหมดนี้อยู่ในใจ เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่าวันนี้เขาคงเอาชนะไป๋ชินอวิ๋นไม่ได้ง่าย ๆ อีกแล้ว
สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ต้องนำของสิ่งหนึ่งออกมาใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เด็กหนุ่มระเบิดเสียงคำรามว่า “ชุดเกราะเทพอาชา จงออกมา…”
ทันใดนั้น ชิ้นส่วนชุดเกราะทองคำพลันลอยตัวขึ้นมาในอากาศ ก่อนที่ชิ้นส่วนทั้งหมดนั้นจะประกอบลงบนร่างกายของหลินเป่ยเฉินได้อย่างแม่นยำ
นี่ย่อมเป็นชุดเกราะอมตะ
เพียงแต่หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนชื่อใหม่เท่านั้น
เขาถือกระบี่เงินอยู่ในมือ โคจรพลังปราณธาตุทองคำอย่างเกรี้ยวกราดและโจมตีออกไป
สวบ!
กระบี่เงินทะยานตัวผ่านอากาศเสียบทะลุผิวหนังผู้คน
ปลายกระบี่ที่แหลมคมเสียบทะลุมือขวาของไป๋ชินอวิ๋น
โลหิตพุ่งกระฉูดออกมา
ครั้งนี้ โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาแล้วจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินมีแววตาเย็นชา ชักกระบี่ออกมาและแทงกระบี่ซ้ำเข้าไปอีกครั้ง
ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามของไป๋ชินอวิ๋นแสดงออกถึงความเจ็บปวด นางรีบเปลี่ยนกระบวนท่าการต่อสู้และไม่คิดรับมือกับกระบี่เงินอีก
“นี่เจ้ามีพลังปราณธาตุสองชนิดอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังปราณธาตุจากร่างกายของหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไป๋ชินอวิ๋นก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
หลินเป่ยเฉินไม่ตอบรับคำใดและเหวี่ยงกระบี่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
กระบี่เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับมังกรสะบัดหาง
ในที่สุด ไป๋ชินอวิ๋นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว
เพียงพริบตาเดียว มือ แขนและขาของนางก็มีบาดแผลเต็มไปหมด
แต่นางยังคงตอบโต้กลับมาอย่างดุเดือด
โดยใช้อาวุธหลายชนิด
แต่ไม่มีอาวุธชนิดใดจะสามารถต้านทานกระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินได้เลย
หลินเป่ยเฉินโจมตีด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น
ในเมื่อเจรจาไม่เป็นผล เขาก็มีแต่ต้องจับตัวไป๋ชินอวิ๋นกลับไปอย่างมีชีวิต โดยต้องทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียก่อน
“อย่าโทษข้าก็แล้วกันที่ลงมือรุนแรงมากเกินไป…”
หลินเป่ยเฉินยังคงทิ่มแทงกระบี่อย่างต่อเนื่องพลางกัดฟันพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ครั้งนี้เป็นเจ้าเริ่มลงมือด้วยความรุนแรงก่อน ภารกิจของข้าคือต้องสังหารเว่ยหมิงเฉินให้ได้ เดี๋ยวข้าจะกลับมารักษาเจ้าทีหลังก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
อีกหลายลมหายใจผ่านไป
ไป๋ชินอวิ๋นถูกบีบให้ล่าถอยไปเรื่อย ๆ
สภาพของนางย่ำแย่ยับเยิน
หลินเป่ยเฉินใช้กระบวนท่าสุดท้ายแทงกระบี่เข้าใส่หน้าอกฝั่งขวาของไป๋ชินอวิ๋น ตำแหน่งที่ปลายกระบี่กำลังจะทิ่มแทงเข้าไปนั้น คือตำแหน่งที่จะส่งผลให้เด็กสาวสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมด…
บัดนี้ ไป๋ชินอวิ๋นมีเลือดท่วมตัว หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน
แต่ทันใดนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวดทรมานของไป๋ชินอวิ๋น พลันปรากฏรอยยิ้มอย่างสะใจไม่มีเหตุผล
สวบ!
เสียงวัตถุมีคมแทงทะลุผิวหนัง
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ก้มหน้าลง
ปลายหอกเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าอกฝั่งขวาของเขา โลหิตสีทองคำไหลหยดลงสู่พื้นหิน
พลังทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกายสลายหายไปราวกับเป็นลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม
เคร้ง!
กระบี่เงินตกลงสู่พื้นหิน
“เป็นไปได้ยังไง?”
หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อ
เขาสวมใส่ชุดเกราะอมตะ ต้องเป็นหอกชนิดใดกันจึงสามารถแทงทะลุชุดเกราะอมตะเข้ามาได้ด้วยความรวดเร็วถึงเพียงนี้?