บทที่ 1229 ตอนพิเศษ (90.2)
“น้องสาวผู้นี้ของเจ้าดูอ่อนแอบอบบาง นึกไม่ถึงว่านางจะไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน” หยางชิงซือกล่าว “โชคดีที่เจ้าฉลาด ไม่ได้ถูกนางหลอกเอาได้”
“เริ่มแรกที่นางมาเล่นกับข้า ข้ายังนึกดีใจ นางดูเหมือนกระต่าย ไม่มีพิษมีภัยทั้งต่อมนุษย์และสัตว์ นึกไม่ถึงว่านางจะไม่ใช่กระต่ายแต่เป็นหมาป่าห่มหนังแกะ หากวันนั้นข้าไม่เห็นสาวที่นางซื้อตัวให้มาวางยาพิษในสำรับอาหาร คงไม่รู้ว่านางร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ เดิมทีข้าคิดจะนำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อ แต่พี่จิ่งบอกว่าเขาจะจัดการเอง ข้าไม่ต้องห่วง”
“เช่นนั้น พี่จิ่งของเจ้าก็มีเมตตาจริง ๆ ข้าเห็นพวกนางยังอยู่ดีมีสุข ไม่ได้รับผลใด ๆ แม้แต่น้อย”
“ในเมื่อมอบให้พี่จิ่งแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาจะจัดการได้ดี อีกอย่าง ถึงแม้จะปล่อยพวกนางไปก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียข้าก็แต่งเข้าสกุลลู่แล้ว ภายหน้าคงไม่ได้ไปมาหาสู่กับจวนถังกั๋วมากนัก พวกนางคงไม่กล้ามาสร้างปัญหาอะไรให้”
“เจ้ากล่าวได้มีเหตุผล”
หลายวันต่อมาเป็นวันที่ครึกครื้นสำหรับสกุลลู่
หลิวจิ่วจู๋มีสหายที่ดีอย่างหยางชิงซืออยู่เคียงข้าง พี่สาวน้องสาวสกุลลู่ดูแลนางเป็นอย่างดี อีกทั้งสิงเจียซือผู้เป็นพี่สะใภ้ก็ขึ้นชื่อเรื่องเข้ากับคนง่าย ในเวลาเพียงไม่กี่วัน นางก็ได้ลิ้มรสชาติความรักของครอบครัวอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
สิงเจียซือในยามนี้กำลังคลอดลูกแล้ว
ทุกคนในสกุลลู่รวมตัวกันอยู่นอกห้องคลอด ฟังเสียงสิงเจียซือคลอดอยู่ข้างใน
“ท่านหมอ เหตุใดลูกสะใภ้ไม่ส่งเสียงร้องเล่า? ปกติการคลอดบุตรนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก ลูกสะใภ้ควรจะกรีดร้องเสียงดังจึงจะถูก” มู่ซืออวี่เอ่ยถามหมอหลวง
หมอหลวงกล่าวด้วยท่าทีเคารพนบนอบ “พระชายาวางใจ พระชายาน้อยไม่เป็นไร นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง เพราะนางกัดผ้าหนา ๆ เอาไว้ ไม่ยอมให้ตนเองส่งเสียงออกมา”
“ฉาวอวี่ เจ้าเข้าไปดู ภรรยาเจ้าคลอดลูกเจ็บปวดมากเพียงใด ไยนางใส่ใจภาพลักษณ์ของตนเพียงนี้ เจ้าบอกนางว่าการคลอดไม่ใช่เรื่องง่ายดาย พวกเราเป็นห่วง นางไม่จำเป็นต้องอดทน ส่งเสียงร้องออกมาเลย ไม่เช่นนั้นเมื่อตนเองหายใจลำบากย่อมคลอดลูกยากขึ้นแล้ว”
“นี่… ห้องคลอดเป็นสถานที่ไม่สะอาด หากท่านอ๋องน้อยเข้าไปคงไม่ค่อยดีต่อเขา” หมอหลวงข้าง ๆ เอ่ยขึ้น
“สกุลลู่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “เช่นนั้น ลูกสะใภ้ที่กำลังจะคลอดทายาทให้สกุลเราจะอยู่ในที่ที่ไม่สะอาดได้อย่างไร?”
ไม่นานหลังจากลู่ฉาวอวี่เข้าไป เสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องของเด็กทารกที่ทำลายความเงียบ
“คลอดแล้ว… คลอดแล้ว… เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ” หมอทำคลอดกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ดียิ่งนัก” ลู่จื่อชิงกล่าว “ขอข้าอุ้มเขาได้หรือไม่?”
“ตกรางวัล” มู่ซืออวี่เอ่ย “พ่อบ้าน บ่าวรับใช้จวนลู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนงานประจำหรือคนงานชั่วคราว วันนี้ล้วนได้รับพรจากเรื่องน่ายินดีของเรา ทุกคนจะได้เงินเดือนเป็นสามเท่า!”
พ่อบ้านกล่าวยิ้ม ๆ “เช่นนั้นข้าน้อยต้องขอบคุณพระชายาแทนพวกเขาแล้ว”
สิงเจียซือให้กำเนิดหลานชายคนโตสกุลลู่ ทั่วทั้งสกุลลู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
หลังจากนั้นไม่นาน ของขวัญพระราชทานก็ถูกส่งมาจากพระราชวัง ทั้งหมดล้วนมอบให้สิงเจียซือผู้มีความชอบในการให้กำเนิดทายาท
ไม่เพียงเท่านั้น เด็กยังได้รับสร้อยคล้องกุญแจทองคำ บนสร้อยกุญแจสลักรูปเสือซึ่งเป็นสัตว์ประจำราศี
สองเดือนต่อมา ทุกเรื่องทางสกุลลู่ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นกับเซี่ยเฉิงจิ่นต้องกลับไปยังอาณาจักรเฟิ่งหลิน
เมื่อพวกเขาตัดสินจะจากไป ทุกคนในสกุลลู่จึงจัดพิธีอำลา บุรุษดื่มสุราพูดคุยกัน สตรีก็พูดคุยกันอยู่อีกห้องเป็นเวลานาน จนกระทั่งถูกเสียงร้องของฉาวอวี่ตัวน้อยทำให้มึนงงถึงได้กลับเข้าห้องพักผ่อน
หลังแยกจากกันครานี้ ลู่จื่ออวิ๋นกับเซี่ยเฉิงจิ่นไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อใด
มู่ซืออวี่และลู่อี้นั้นเป็นอิสระแล้ว สามารถไปหาพวกเขาสามีภรรยาได้ ลู่ฉาวอวี่กับลู่ฉาวจิ่งเป็นเสาหลักของคนรุ่นใหม่ เรื่องสำคัญ ๆ ในราชสำนักยังต้องมีพวกเขาคอยช่วยวางแผนกับฮ่องเต้ ไม่อาจไปที่อื่นตามใจได้ การแยกจากกันครั้งนี้ พี่น้องฝาแฝดรู้ว่าไม่รู้อีกกี่ปีพวกเขาจึงจะได้พบกัน ถึงยามนั้นเกรงว่าจะไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว บนศีรษะคงมีผมหงอกผมขาว ใบหน้าสวยงามทั้งสองที่มีความคล้ายคลึงกันถึงแปดส่วนก็คงจะมีริ้วรอยแล้วเช่นกัน
“อวิ๋นเอ๋อร์ อยากกลับมายามใดก็กลับมา พี่จะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”
“วางใจเถอะท่านพี่ ข้าจะไม่ผิดต่อตนเอง พวกเราไม่ได้กลับไปอาณาจักรเฟิ่งหลินนานแล้ว ถึงเวลาควรกลับไปดูแล หากลูก ๆ ปกครองอาณาจักรเฟิ่งหลินได้ดีแล้ว เช่นนั้น เขาก็จะสละราชสมบัติโดยเร็ว พวกเราก็สามารถท่องเที่ยวดูทิวทัศน์กับท่านแม่ได้”
“พวกเจ้าท่องเที่ยวดูทิวทัศน์ขุนเขาเขียวน้ำใสได้จริง ๆ ทิ้งให้พวกเราลำบากตรากตรำอยู่แต่ในเมืองหลวง”
“ท่านพี่มีความสามารถมากจึงต้องตรากตำ ข้าเชื่อว่าราษฎรทั่วหล้าจะต้องซาบซึ้งใจต่อท่าน รออีกหนึ่งร้อยปีให้หลัง ไม่แน่ว่าท่านยังจะถูกสร้างเป็นรูปปั้นให้คงเคารพบูชา”
ลู่ฉาวอวี่จิ้มไปที่หน้าผากลู่จื่ออวิ๋นหนึ่งที “เป็นแม่คนแล้ว เหตุใดยังพูดจาเรื่อยเปื่อยเช่นนี้”
“ท่านพี่ ที่ข้าไม่อาจตัดใจจะพรากจากมากที่สุดก็คือท่าน ท่านเป็นแฝดข้า นับตั้งแต่เราอยู่ในท้องท่านแม่ก็ไม่เคยจากกัน หลายปีมานี้ ท่านเป็นเหมือนเทพที่คอยคุ้มครองข้าจนเติบใหญ่ อยู่เคียงข้างข้าจนเติบใหญ่ ท่านพี่ ท่านจักต้องปกป้องตนเองให้ดี เรื่องในราชสำนักไม่เคยจบสิ้น ข้าไม่อยากให้เรื่องใดท่านล้วนแบกไว้ที่ตนอย่าโง่เขลา ท่านจักต้องฝึกคนรุ่นหลังให้มากขึ้น สิ่งที่ควรปล่อยวางก็ปล่อยวางเสียบ้าง อย่าได้โลภกระหายอำนาจ…”
“ฮองเฮาแห่งอาณาจักรเฟิ่งหลินแนะนำพี่ชายว่าอย่าได้โลภอำนาจ เช่นนั้นเจ้าว่าการที่พวกเจ้ากลับไปยังอาณาจักรเฟิ่งหลินและเข้าไปในพระราชวังนับว่าโลภในอำนาจด้วยหรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่หัวเราะเบา ๆ “เอาละ ท่านยายตัวน้อย เจ้าเริ่มพร่ำบ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ข้าว่าน้องเขยคงไม่ชอบคำบ่นของเจ้า ถึงตอนนั้นหากเขาส่งเจ้ากลับเมื่อถึงเวลา จำไว้ว่าให้มาหาพี่ พี่จะผ่าเขาด้วยดาบเดียวออกเป็นแปดส่วน”
เซี่ยเฉิงจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ข้ากล้าที่ใด? พี่ภรรยาอย่าได้ยุแยงให้พวกเราสามีภรรยาบาดหมางกันเลย”
ทุกคนในสกุลลู่ส่งลู่จื่ออวิ๋นกับสามีออกไป
ลู่จื่อชิงร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยอยู่ในอ้อมกอดซ่งหานจือ
เดิมทีมู่ซืออวี่รู้สึกเศร้าเพียงเล็กน้อยแต่ถูกการร้องไห้ของลู่จื่อชิงทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายขึ้นมา
“เอาละ ลูกสาวไปแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ยกับลู่อี้ “ร้านไพ่นกกระจอกของข้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ยามพวกเรากลับไป พวกเขาคงไม่ได้รื้อร้านไพ่นกกระจอกของพวกเราแล้วกระมัง?”
“ผู้ใดจะกล้าแตะร้านไพ่นกกระจอกของเจ้ากัน?” ลู่อี้เอ่ย “เพียงแต่ ได้อาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีขุนเขาสวยน้ำใสมานาน จู่ ๆ กลับมาเมืองหลวงก็ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง เช่นนั้นพวกเราก็เก็บข้าวของกลับไปพบกับฉีเซียวและไท่ซ่างหวงเถิด! เรื่องสำคัญของชีวิตของเด็ก ๆ สำเร็จลุล่วงแล้ว เรื่องอื่น ๆ ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของเราอีกต่อไป ภายหน้าพวกเขามีลูกแล้ว หากมีเวลาก็พาไปให้พวกเราดู หากไม่มีเวลาเขียนจดหมายมาก็ใช้ได้แล้ว”
ลู่อี้กับมู่ซืออวี่ก็ไปแล้วเช่นกัน
สกุลลู่ที่เดิมทีคึกคักร้างผู้คนลงไปมาก
ความครึกครื้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาราวกับเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง บัดนี้ถึงคราวต้องตื่นจากฝันแล้ว ทุกคนต่างก็ใช้ชีวิตในเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองอย่างสงบสุข วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า…