ตอนที่ 604 ที่แท้ก็คือหัวหน้าถาน(2)
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ไปพบจ้าวจินหลงแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับที่พัก แต่เข้าไปที่โรงถ่ายทำไห่เฉิงแทน จุดประสงค์ที่พวกหล่อนมาที่นี่ในครั้งนี้ นอกจากต้องการตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางในไห่เฉิงแล้ว ก็ยังอยากตามหานักแสดงหญิงเพื่อมาถ่ายทำโฆษณาของพวกเธอเอง
“มู่หลาน ฉันได้ยินมาว่าเฉาจิ้งอยู่ที่โรงถ่ายทำไห่เฉิง พวกเราเชิญหล่อนมาถ่ายทำโฆษณานี้ได้ไหม” หลี่เสวี่ยเยี่ยนเพิ่งดูละครของเฉาจิ้ง จึงค่อนข้างชอบบทบบาทที่หล่อนเล่น
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วเอ่ย “เอาสิคะ ถึงเวลาพวกเราก็ลองเชิญหล่อนดูก็ได้”
จนกระทั่งหลายคนมาถึงโรงถ่ายทำ หลังพบบุคคลที่รับผิดชอบแล้วก็อธิบายจุดประสงค์ของการมา
ผอ.สวีรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินจุดประสงค์ในการมาของฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ เพียงแต่สถานีโทรทัศน์ไห่เฉิงออกอากาศโฆษณาครั้งแรกเมื่อปีก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนมือใหม่ในการทำโฆษณาเหมือนกัน “คุณบอกว่าอยากจะเชิญนักแสดงหญิงจากโรงถ่ายทำของเราไปถ่ายโฆษณาเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ผอ.สวี ไม่รู้ว่าแบบนี้จะได้หรือเปล่าคะ โรงถ่ายทำของคุณอนุญาตให้นักแสดงรับงานนอกหรือเปล่าคะ?”
สมัยนี้นักแสดงยังเป็นเพียงงานแขนงหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ดาราเหมือนอย่างยุคสมัยในอนาคต ดังนั้นฉินมู่หลานจึงไม่มั่นใจว่านักแสดงสามารถรับงานนอกได้หรือเปล่า
ผู้อำนวยการสวีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างตรงประเด็น “ไม่ทราบว่านักแสดงจะได้รับเงินเท่าไหร่ หลังจากได้รับงานโฆษณาเหรอครับ?”
ฉินมู่หลานทราบว่านักแสดงในยุคปัจจุบันรับเงินเดือนประมาณห้าสิบหยวน รายได้จากการถ่ายทำโฆษณาหนึ่งตัวอยู่ที่ประมาณห้าสิบถึงหกสิบหยวนเท่านั้น ไม่ได้ต่างจากค่าจ้างของพนักงานทั่วไปมากนัก แต่เธอก็ไม่ได้ขี้เหนียว บอกไตามตรง “โฆษณาขของพวกเรามีความยาวประมาณสามสิบวินาที ค่าตอบแทนสามร้อยหยวน รวมถึงแถมเครื่องสำอางของแบรนด์มู่เสวี่ยเราให้อีกหนึ่งชุดค่ะ”
“อะไรนะ…เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
ผู้อำนวยการสวีรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เวลาการถ่ายทำโฆษณาเพียงสามสิบวินาทีนั้นสั้นมาก แต่กลับได้ถึงสามร้อยหยวน ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดนาน
“ครับ ได้แน่นอน ไม่ทราบว่าพวกคุณอยากเลือกนักแสดงคนไหนครับ?” การทำเงินได้ขนาดนี้หายากมาก เขาจึงย่อมไม่ปฏิเสธ
ฉินมู่หลานเห็นว่าอีกฝ่ายตอบตกลงอย่ารวดเร็ว เธอก็บอกตามตรงว่าพวกเธออยากได้ตัวเฉาจิ้ง
“พวกคุณอยากให้เฉาจิ้งไปถ่ายอย่างนั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมจะตามตัวหล่อนมาให้เลยครับ”
หลังจากเฉาจิ้งออกมา หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นคนในทีวีตัวเป็น ๆ รู้สึกว่าแปลกใหม่มาก
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็จ้องมองเฉาจิ้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
ส่วนฉินมู่หลานนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนัก เธอมองเฉาจิ้งพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูสวยและอ่อนโยนมาก จึงรู้สึกว่าไม่มีปัญหากับการถ่ายทำโฆษราเครื่องสำอาง
เฉาจิ้งก็ทราบเรื่องที่ผู้อำนวยการสวีเล่าให้ฟังระหว่างทางมาที่นี่แล้ว หล่อนเองก็อยากรับงานนี้มากเหมือนกัน เพราะค่าตอบแทนตั้งสามร้อยหยวน เท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของหล่อนเลยด้วยซ้ำ หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้กับการถ่ายทำโฆษณาเพียงแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น
“สหายที่รัก ผู้อำนวยการโรงถ่ายทำได้บอกฉันแล้ว ฉันเต็มใจรับงานนี้อย่างมากเลยค่ะ”
เมื่อพูดเรื่องนี้จบ เฉาจิ้งก็หันมองฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ ด้วยท่าทีเป็นกังวล หล่อนพบว่าสหายที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นวัยสาวหรือวัยกลางคนก็ล้วนดูดีทั้งนั้น โดยเฉพาะสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ที่สวยกว่านักแสดงในโรงถ่ายทำเสียอีก หล่อนจึงรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรรับงานนี้หรือเปล่า
“มู่หลาน เฉาจิ้งเนี่ยสวยมากเลยเนอะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเป็นคอละครโทรทัศน์ตัวยง จึงประทับใจในตัวเฉาจิ้งมาก
ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะไม่เคยดูละครเรื่องนั้นมาก่อน แต่ก็พอจะรู้จักนักแสดงชายที่แสดงคู่กับเฉาจิ้ง ขณะเดียวกันก็รู้จักเฉาจิ้งเพราะละครที่แสดงก่อนหน้านี้เช่นกัน นับว่าหล่อนค่อนข้างมีชื่อเสียง เธอจึงไม่คัดค้านแต่อย่างใด “ใช่ หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นค่ะ”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวเช่นนั้น เฉาจิ้งก็ก้าวเดินมาข้างหน้า แล้วเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางของเฉาจิ้ง ฉินมู่หลานก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่านักแสดงในยุคปัจจุบันเข้าถึงง่ายเพียงใด
ผู้อำนวยการสวีก็ดีใจมากเช่นกัน การที่นักแสดงจากโรงถ่ายละครของเขาได้รับโอกาสเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีกับหล่อนอยู่แล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่มีอะไรต้องยุ่งเกี่ยว แต่แล้วฉินมู่หลานก็หันไปมองผู้อำนวยการสวีอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “ผอ.สวีคะ ไม่ทราบว่าโรงถ่ายทำของคุณสามารถจัดฉากถ่ายทำได้ไหมคะ พวกเราจะจ่ายให้ในราคาที่เหมาะสมเลยค่ะ”
ผู้อำนวยการสวีไม่คิดว่าพวกเขาก็สามารถหางานได้เหมือนกัน อดไม่ได้ที่จะถามเพิ่มเติมอีกสักหน่อย หลังจากทราบเรื่องค่าตอบแทนคนงานของพวกเขาแล้ว ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ
“ตกลงค่ะผู้อำนวยการสวี ถ้าอย่างนั้นพวกเราตกลงกันตามนี้นะคะ ตอนนี้มาลงนามสัญญากันเถอะค่ะ”
ฉินมู่หลานนำเงื่อนไขสัญญาที่ร่างเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ออกมา แล้วส่งไปให้ผู้อำนวยการสวีและเฉาจิ้ง พลางยิ้มแล้วจับมือกับพวกเขา “หวังว่าพวกเราจะทำงานกันได้อย่างราบรื่นนะคะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็บอกพวกเขาถึงการเตรียมตัวในขั้นตอนต่อไปอีกครั้ง “ในส่วนเรื่องเนื้อหาของโฆษณา ฉันจะให้เอาไว้ที่นี่ พวกคุณรับผิดชอบแค่เรื่องถ่ายทำพอค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะไปแจ้งให้ทีมงานทราบในภายหลัง”
ฉินมุ่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “อย่างนั้นก็ดีค่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะกลับมาใหม่นะคะ”
หลังจากพวกฉินมู่หลานและคนอื่นกลับไป เฉาจิ้งก็หันไปมองผู้อำนวยการสวีด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเอ่ยว่า “ผอ.คะ งานที่พวกเราทำมีรายได้สูงขนาดนี้เลยเหรอคะ มันดีมากเลยค่ะ”
“ใช่แล้ว ฉันเองก็ไม่ถึงเลยว่าพนักงานในโรงถ่ายทำคนอื่นจะมีงานทำด้วย”
ทั้งสองได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย แต่สีหน้าก็ล้วนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
อีกด้านหนึ่ง ทางด้านฉินมู่หลานและคนอื่นกลับไปถึงที่พักหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือรู้สึกเป็นกังวลใจนิดหน่อย “มู่หลาน ไม่รู้ว่าจะมีข่าวตอบกลับจากทางสำนักงานพาณิชย์หรือเปล่านะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีมู่หลานอยู่ ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนเชื่อในตัวฉินมู่หลานมาก การเดินทางมาไห่เฉิงในครั้งนี้มีเธออยู่ด้วย จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน
เมื่อได้ฟังหลี่เสวี่ยเยี่ยนพูดแบบนี้ ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไม่กังวลใจอีกต่อไป และฉินมู่หลานก็ยังนั่งด้วยท่าทางสงบเขียนบทโฆษณาและสโลแกนสินค้าอยู่ เธอเคยร่างสิ่งพวกนี้เอาไว้แล้ว จึงใช้เวลาไม่นานนัก
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น พวกฉินมู่หลานกำลังจะเข้าไปที่โรงถ่ายทำ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจ้าวจินหลงจะเข้ามาหา
จ้าวจินหลงเห็นพวกเขา ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “สหายฉิน หัวหน้าของพวกเราอยากจะพบพวกคุณ เพื่อคุยเรื่องการร่วมงาน ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสะดวกเข้าไปที่สำนักงานของเราไหมครับ”
“ได้ค่ะ สะดวกอยู่แล้ว”
ฉินมู่หลานและอีกสามคนพยักหน้าตอบตกลงอยู่แล้ว หลังจากไปถึงสำนักงานพาณิชย์ ในที่สุดก็ได้พบกับถานอี้
“หัวหน้าถาน เจอกันอีกแล้วนะคะ”
ถานอี้ได้ยินแบบนี้ ก็รีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “สหายฉิน ก่อนหน้านี้พวกคุณติดต่อผมก็ได้นะครับ” พูดจบเขาก็รีบเชิญให้พวกเธอนั่งลง
เขาไม่ได้มัวพูดพร่ำทำเพลง กล่าวเข้าประเด็นโดยตรง
“สหายฉิน พวกเราตรวจสอบแบรนด์เครื่องสำอางของพวกคุณแล้วครับ ทราบว่าเครื่องสำอางของพวกคุณขายดีมาก ผลลัพธ์ที่ออกมาก็โดดเด่นด้วย เพราะฉะนั้นทางห้างสรรพสินค้าโหย่วอี้ในไห่เฉิงของเราจึงต้องการตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางของมู่เสวี่ยเป็นกรณีพิเศษครับ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ตกลงค่ะ เนื่องจากทางฝั่งของคุณก็มีความตั้งใจเช่นนั้นเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีค่ะ”
หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ลงนามในหนังสือสัญญาได้อย่างราบรื่น