ตอนที่ 640 หัวบรอกโคลี่
ระหว่างที่ลังเล เสียงรถก็ดังขึ้นจากข้างนอกประตู
เอ้อร์เลิ่งรีบวิ่งออกไปดูก็เห็นรถของเย่ไป๋จอดอยู่หน้าประตู
พ่อแม่ของเย่ไป๋ลงมาจากรถ ตามด้วยเย่ไป๋และเย่เชี่ยนน้องสาว
เอ้อร์เลิ่งเห็นครอบครัวของเย่ไป๋ เขาก็ร้องอย่างดีใจว่า “หมอเย่ พวกคุณมากันแล้ว?”
เย่ไป๋ถาม “จั่นเผิง ปู่รองล่ะ?”
“อยู่ในบ้าน บ้านเซี่ยเพิ่งรับอวี้หลงกลับไป ตอนนี้ที่บ้านไม่มีคนไข้แล้ว เหลือแค่ผมกับผู้อาวุโสเย่”
เย่เจิ้งหัวพาภรรยาและลูก ๆ เข้ามาในบ้านแล้วเรียกว่า “อารอง”
ผู้อาวุโสเย่ในห้องทำงานไม่ได้ตอบรับ แต่เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยเดินเข้ามาหา
“เจียเหอ เซี่ยเซี่ย พวกเธอก็อยู่ด้วย?”
แม่ของเย่ไป๋เห็นหลินเซี่ยก็จับมือเธออย่างสนิทสนม “เซี่ยเซี่ย ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีไหมจ๊ะ?”
หลินเซี่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “คุณป้า ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ฉันสบายดี”
ได้ยินคำพูดที่หลินเซี่ยเรียกหล่อนแล้ว แม่ของเย่ไป๋ก็หัวเราะ “แม่หนู อย่าเรียกฉันว่าป้าสิ”
หลินเซี่ย “…”
นี่คือว่าที่แม่สามีของอาหญิงของเธอ จะเรียกว่าป้าไม่ได้
เธอหัวเราะอย่างเก้อเขิน ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หญิงสาวสะสวยอ่อนเยาว์แบบนี้ เธอจะเรียกอีกฝ่ายว่าคุณย่าก็คงไม่ได้กระมัง
โชคดีที่แม่ของเย่ไป๋เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว ยิ้มถามว่า “ตอนนี้กี่เดือนแล้ว?”
“ห้าเดือนแล้วค่ะ” หลินเซี่ยตอบ
“เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ”
“เข้าไปในบ้านกันเถอะ” พ่อแม่ของเย่ไป๋เข้าไปในห้องโถง แต่พบว่าผู้อาวุโสเย่ไม่อยู่
จากนั้นก็ไปหาที่ห้องทำงาน
ผู้อาวุโสเย่นั่งอยู่หน้าโต๊ะกำลังอ่านหนังสือแพทย์เล่มใหญ่
“อารอง ทำอะไรอยู่? พวกเราควรกลับบ้านได้แล้วนะครับ” เย่เจิ้งหัวยิ้มพูด
ผู้อาวุโสเย่มีสีหน้าเฉยชา “กลับบ้านอะไร? ที่นี่ก็เป็นบ้านของฉัน”
เย่เจิ้งหัวพูด “ไปฉลองปีใหม่กับพวกเราทางโน้นเถอะครับ หลานสะใภ้กับเสี่ยวเชี่ยนก็มารับอารองด้วย”
“ไม่ไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” ผู้อาวุโสเย่เป็นคนหัวรั้น เขานั่งอ่านหนังสือแพทย์อยู่เหมือนเดิมด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว “ฉันอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว ฉันเคยชินกับความเงียบ พวกเธอกลับไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
“อารอง เมื่อก่อนพวกเราหาอารองไม่เจอ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ปล่อยให้อารองฉลองปีใหม่คนเดียวแล้ว”
เย่เจิ้งหัวพยายามพูดโน้มน้าว แต่ผู้อาวุโสเย่ก็ไม่ยอมกลับบ้านกับพวกเขา
บอกว่าเขากับเอ้อร์เลิ่งอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว
แม่ของเย่ไป๋เห็นว่าผู้อาวุโสยังคงยืนกราน จึงบังเกิดความคิด ถอนหายใจแล้วพูดกับเขาด้วยสีหน้าอมทุกข์
“อารอง ถ้าอารองไม่ยอมกลับ อาจชวดเรื่องมงคลของเสี่ยวไป๋ไปเลยก็ได้นะคะ”
ผู้อาวุโสเย่ “???”
“เรื่องนี้? เกี่ยวอะไรกับฉัน?” ผู้อาวุโสเย่ถาม
“พวกเรารอให้อารองกลับไปเจรจาเรื่องมงคลของไป๋กับตระกูลเซี่ยอยู่นะคะ อารองเป็นผู้ใหญ่ของตระกูลเย่ ถ้าอารองไม่ออกหน้ามาพูดเรื่องงานมงคลของผู้เยาว์ในบ้าน คนตระกูลเซี่ยจะมองพวกเรายังไงคะ?”
แววตาของแม่ของเย่ไป๋ไหวระริก พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันได้ยินมาว่าตอนเฉินเจียเหอแต่งงานกับหลินเซี่ย คุณปู่และคุณย่าของเขาเป็นคนไปเจรจากับคุณย่าของเซี่ยเซี่ย เรื่องถึงได้ตกลงกันลงตัว ตระกูลเซี่ยให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทมาก พวกเขารู้ว่าอารองเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในตระกูลเรา ถ้าอารองไม่ไป พวกเขาก็จะเข้าใจผิดว่าพวกเราที่เป็นคนรุ่นหลังอกตัญญู และอาจเข้าใจผิดว่าอารองไม่ใส่ใจเรื่องเด็ก ๆ ในบ้าน คิดว่าครอบครัวของพวกเราไม่รักใคร่กลมเกลียวกัน เซี่ยอวี่จะต้องไม่เต็มใจแต่งเข้ามาแน่นอน”
เย่เชี่ยนจับแขนของผู้อาวุโสเย่แล้วเริ่มออดอ้อน “คุณปู่รอง กลับบ้านเถอะนะคะ ถ้าคุณปู่รองไม่กลับ พวกเราจะย้ายมาฉลองปีใหม่ที่นี่เสียเลย อย่างไรเสียนี่ก็ช่วงปีใหม่ พวกเราไม่ควรแยกกันฉลอง”
ผู้อาวุโสเย่ถูกคนในครอบครัวตื๊อจนทนไม่ไหว ได้แต่รับปากอย่างจำยอม
เขาเหลือบมองออกไปข้างนอกแล้วพูดเสียงเบา “ฉันไปแล้ว เอ้อร์เลิ่งจะทำยังไง? ฉันต้องพาลูกศิษย์ฉันไปด้วย”
เย่ไป๋พูดพร้อมกับยิ้ม “จั่นเผิงมีที่ไปแล้ว อารองคิดว่าเจียเหอและเซี่ยเซี่ยเฝ้าอยู่หน้าบ้านทำไมล่ะครับ? พวกเขารอรับจั่นเผิงกลับบ้าน จั่นเผิงคงกลัวว่าอารองจะเหงาถึงลังเลไม่ยอมไปสักที”
“สองคนนั้นยังไม่ไปอีกเหรอ?” ผู้อาวุโสเย่ได้ยินแล้วก็กลอกตา “ทำไมเธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
กลายเป็นเขาที่กลัวว่าจะทิ้งเอ้อร์เลิ่งไว้คนเดียวจึงไม่ยอมไปเสียนี่
เย่ไป๋ยิ้มพูด “เดี๋ยวผมไปเก็บของให้นะครับ”
เฉินเจียเหอที่รออยู่ข้างนอกได้ยินว่าผู้อาวุโสเย่ยอมไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของเย่ไป๋แล้วก็โล่งใจได้เสียที
เอ้อร์เลิ่งวิ่งเข้ามาถามความเห็นจากผู้อาวุโสเย่ “อาจารย์ครับ ผมจะไปฉลองปีใหม่ที่บ้านต้าเหอ พวกเราจะเริ่มทำงานวันไหนครับ?”
ผู้อาวุโสเย่ตอบ “หลังจากวันที่สามค่อยกลับมาทำงาน”
“รับทราบ”
เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยพาเอ้อร์เลิ่งออกเดินทางอย่างมีความสุข
เพราะตอนกลางคืนเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยต้องกลับบ้านตระกูลเฉินเพื่อกินมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่า ดังนั้นจึงพาเอ้อร์เลิ่งกลับบ้านตระกูลเซี่ยก่อน
ซึ่งเรื่องนี้ คุณแม่เซี่ยได้กำชับเอาไว้แล้ว
คุณแม่เซี่ยเอ็นดูเอ้อร์เลิ่งเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ได้พูดกับหลินเซี่ยว่าให้พาเอ้อร์เลิ่งมาที่บ้านเพื่อฉลองปีใหม่ด้วยกัน
หลินจินซานกับเอ้อร์เลิ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ตอนกลางคืนจึงให้เอ้อร์เลิ่งพักกับหลินจินซาน
เมื่อทั้งสามมาถึงบ้านตระกูลเซี่ย ที่บ้านได้เตรียมอาหารมื้อค่ำส่งท้ายปีเก่าไว้แล้ว
หลินเซี่ยกลับถึงบ้านก็เห็น ‘บรอกโคลี่’ สองต้นกำลังสาละวนอยู่ในลานบ้าน เธอนิ่งไปชั่วขณะ
ตอนที่พวกเธอหันกลับมา หลินเซี่ยค่อยเห็นอย่างชัดเจนว่า ‘บรอกโคลี่’ สองต้นนั้นก็คือย่ากับแม่ของเธอ
“ว้าว คุณย่า ย่ากับแม่ไปดัดผมมาเหรอคะ?”
“ชุนฟางดัดให้พวกเราต่างหากล่ะ” คุณแม่เซี่ยจัดแต่งทรงผมของตัวเองด้วยความตื่นเต้น แล้วถามหลินเซี่ยว่า “สวยไหม?”
หลินเซี่ยมองไปที่ทรงผมบรอกโคลี่ของพวกเธอ เธอยิ้มอย่างถนอมน้ำใจ “สวยค่ะ”
คุณย่ามีผมน้อย การดัดผมแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ ดัดแล้วยังทำให้ดูมีชีวิตชีวา แต่คุณแม่ของเธอดัดผมแบบนี้แล้วทำให้ดูแก่เกินไป
ในฐานะเจ้านาย เธอรู้สึกไม่พอใจทักษะการดัดผมของชุนฟางเป็นอย่างมาก
หล่อนเรียนจบแล้วแท้ ๆ ยังไม่รู้จักออกแบบทรงผมให้เข้ากับวัยอีกเหรอ?
คนอายุสี่สิบกว่ากลับดัดทรงผมของคนอายุหกสิบกว่าให้ คิดได้ยังไงกัน?
ชุนฟางมีความแค้นกับว่าที่แม่สามีของตัวเองหรือเปล่า?
หลินเซี่ยมองหลิวกุ้ยอิงที่กำลังตากผ้าปูเตียงอยู่พลางยิ้มถาม “แม่ ชุนฟางดัดผมให้แม่แบบนี้ถูกใจไหมคะ?”
หลิวกุ้ยอิงตากผ้าปูเตียงเสร็จ หันกลับมามองหลินเซี่ยแล้วตอบอย่างอารมณ์ดี “ถูกใจสิ ชุนฟางบอกว่าจะม้วนเป็นลอนใหญ่ให้ แต่แม่ว่ามันทันสมัยเกินไป เลยให้ม้วนแบบเดียวกับคุณย่า”
หลินเซี่ย “!!!”
เป็นแบบนี้นี่เอง
หลินเซี่ยติงอย่างหมดคำจะพูด “ดูจากข้างหลังแม่เหมือนคนวัยเดียวกับคุณย่าไม่มีผิด รู้หรือเปล่าคะ?”
เซี่ยเหลยกำลังแล่ปลาอยู่ในลานบ้าน ได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยก็แย้งอย่างไม่เห็นด้วย “เซี่ยเซี่ย ลูกพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ แม่ลูกจะม้วนผมทรงไหนก็ดูดีทั้งนั้น”
หลินเซี่ยได้ยินอย่างนั้นก็ทำเสียงจุ๊ ๆ “อะไรกัน เดี๋ยวนี้พ่อพูดเก่งจังเลยนะคะ”
เห็นพ่อกับแม่รักใคร่กันดี หลินเซี่ยก็มีความสุข “พ่อกับแม่มีความสุขก็พอแล้ว”
เฉินเจียเหอพาเอ้อร์เลิ่งเข้าไปส่งในบ้านเสร็จแล้วก็เดินออกมาข้างนอก พูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย พวกเราควรไปได้แล้ว”
“ได้ งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
ได้ยินหลินเซี่ยบอกว่าจะไป ทุกคนก็หยุดงานในมือ เซี่ยอวี่ที่ดูทีวีในบ้านเดินออกมา
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ
“โธ่เอ๋ย ปีนี้เป็นปีแรกที่ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้า แต่กลับไม่ได้ฉลองด้วยกันเสียอย่างนั้น”
เซี่ยเหลยก็รู้สึกเสียดายมาก เขาเช็ดมือแล้วเดินเข้ามาหาลูกสาว ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่าง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
พวกเขารู้ว่าลูกสาวแต่งงานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปฉลองปีใหม่ที่บ้านแม่สามี
เฉินเจียเหอเห็นพ่อตาแม่ยายอาลัยอาวรณ์ลูกสาว เขาชะงักฝีเท้า หันมาพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าคุณไม่อยากกลับ พวกเรามาฉลองปีใหม่กันที่นี่ก็แล้วกัน”
เขาเสนอ “ผมจะไปรับหู่จือมาทางนี้ พวกเราฉลองปีใหม่กันที่นี่ก็ได้”
หลินเซี่ยลังเล “แบบนี้…คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่?”
“ไม่หรอก ที่ไหนก็เหมือนกัน พรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับบ้านก็ได้” เฉินเจียเหอมีสีหน้าจริงจัง ไม่คล้ายพูดเล่น “เดี๋ยวผมไปรับหู่จือเอง”
คุณแม่เซี่ยได้ยินคำพูดของเฉินเจียเหอก็เดินเข้ามาแล้วส่ายหัว “แบบนี้ไม่ได้นะ เจียเหอ พาเซี่ยเซี่ยกลับไปเถอะ ปู่ย่ากับพ่อแม่ของเธอล้วนรออยู่ทางนั้น ให้เซี่ยเซี่ยมาฉลองปีใหม่ที่นี่ไม่เหมาะสมหรอก”
เซี่ยไห่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพูดอย่างไม่พอใจ “แม่ ทำไมแม่หัวโบราณแบบนี้ เหมาะสมไม่เหมาะสมอะไรกัน? พวกเขาอยากอยู่ที่นี่ก็ปล่อยให้อยู่ไปสิ”
เซี่ยไห่บอกไว้ว่าจะให้ลินดามากินข้าวเย็นด้วย เขากำลังจะไปรับคน ถ้ามีเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยมาด้วย บรรยากาศก็น่าจะคึกคักกว่าเดิม
คุณแม่เซี่ยอธิบายด้วยท่าทียืนกราน “ไม่เกี่ยวกับเรื่องหัวโบราณ ในเมื่อแต่งงานออกไปแล้วก็ต้องไปฉลองปีใหม่ที่บ้านแม่สามี ฉันได้ยินมาว่าปีใหม่ปีที่แล้วพวกเธออยู่ที่บ้านเกิด ปีนี้ผู้ใหญ่ที่บ้านก็คงจะรอพวกเธออยู่ อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังเลย บ้านแม่สามีกับที่นี่อยู่ใกล้กันแค่นี้ พวกเธอจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น”
คุณแม่เซี่ยยังตักหมูสามชั้นผัดผักดองกับข้าวผัดแปดเซียนใส่ถ้วยให้เฉินเจียเหอเอากลับไปด้วย
นางพูดกับเฉินเจียเหอว่า “เอ้อร์เลิ่งอยู่ที่นี่ พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะดูแลเขาอย่างดี เขารู้จักกับแม่ของเธอและจินซาน อยู่ที่นี่ได้ไม่เกร็งหรอก”
เอ้อร์เลิ่งดูจะไม่เกร็งจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้เขาใส่ผ้ากันเปื้อนเข้าไปช่วยงานในครัวแล้ว
คุณแม่เซี่ยยืนกรานไม่ให้พวกเขาอยู่ หลินเซี่ยจึงตามเฉินเจียเหอไปบ้านตระกูลเฉิน
เมื่อคนออกไปแล้ว คุณแม่เซี่ยก็เช็ดน้ำตาอย่างอดไม่ได้
เซี่ยไห่เห็นคุณแม่เซี่ยร้องไห้ก็เหน็บว่า “แม่ ทำอะไรของแม่น่ะ เจียเหอยอมให้เซี่ยเซี่ยฉลองปีใหม่ที่นี่แล้ว แม่ก็ยังจะไล่เขาไป คนไปแล้วกลับมาร้องไห้เสียนี่”
“แกนี่ทึ่มจริง ๆ เซี่ยเซี่ยแต่งงานแล้วก็เท่ากับว่าเป็นคนตระกูลเซี่ย สองบ้านล้วนอยู่ที่เมืองไห่เฉิง ถ้าเรารั้งคนไว้ คิดว่าเหมาะสมงั้นหรือ? เซี่ยเซี่ยไม่ไป เจียเหอก็ไม่ไป บ้านเฉินจะมองพวกเรายังไง?” คุณแม่เซี่ยเช็ดน้ำตา ถลึงตาให้เซี่ยไห่ “เอาล่ะ ไปทำงานเถอะ ดูอย่างเอ้อร์เลิ่งซิ พอมาถึงก็รู้จักไปช่วยงานในครัว มีแต่แกนั่นแหละที่รู้จักแต่กิน”
เซี่ยไห่ “!!!”
“ผมจะไปรับลูกสะใภ้ของแม่ ไม่มีเวลาทำงานหรอก”
เซี่ยไห่พูดจบก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินฮัมเพลงออกไป