หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่127 หัวใจที่ถูกปลุกปั่น

บทที่127 หัวใจที่ถูกปลุกปั่น

บทที่127 หัวใจที่ถูกปลุกปั่น

“ไปดีๆนะน้องหก!”

เมื่อครู่หลานเยาเยาเรียกนางว่าพี่สามต่อหน้าเย่แจ๋หยิ่ง ตอนนี้นางจึงไม่สามารถเรียกหลานเยาเยาว่าพระชายาเย่ได้

หลานจิ่นเอ๋อมองตามนางไปพร้อมรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงกลับทุ้มต่ำมือก็บีบผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น

ตอนเงยหน้ามองขึ้นมาอีกครั้ง!

นางก็เก็บรอยยิ้มก่อนหน้าของนางไปและยังคงมีความแดงที่แก้มอยู่ นางมองที่เขาแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า

“อ๋องเย่ หมากรุกนี้……”

“ไม่เล่นแล้ว!”

เย่แจ๋หยิ่งมองด้านหลังที่ค่อยๆห่างไกลออกไปของหลานเยาเยา จิตใจเขาถูกผู้หญิงคนนั้นปลุกปั่นไปหมด ตอนนี้จะมีอารมณ์มาเล่นหมากรุกได้ยังไง

พอตกเย็น เย่แจ๋หยิ่งที่จิตใจไม่สงบสุขได้รออยู่บนรถม้านานแล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารออะไร

โดยสรุป!

พอหลังจากเห็นว่าคนที่ออกมาจากประตูคือหลานจิ่นเอ๋อ สายตาของเขาก็กวาดมองผ่านนางไปและไปสนใจที่อื่น

“เจ้านาย ยังต้องรอไหม?”องครักษ์ลับที่ทำหน้าที่ขับรถม้าเอ่ยถาม

“ไปเถอะ!”

เย่แจ๋หยิ่งมองไปต้นไม้ใหญ่ในกำแพง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลดม่านลง

องครักษ์ลับมองไปยังหลานจิ่นเอ๋อที่ยืนอยู่ตรงประตูก็เกิดความงง

คนที่ปรากฏตัวตรงประตูเห็นชัดๆว่าเป็นคุณหนูสามของจวนแม่ทัพ หรือสิ่งที่เจ้านายรอจะไม่ใช่การมาส่งของพระชายา?

หลังจากรถม้าไป

บนต้นไม้ใหญ่ในกำแพง หลานเยาเยากำลังอุ้มผลไม้กองหนึ่งแทะๆ รถม้าค่อยๆห่างออกไปนางเพียงแค่เหลือบตาไปมองเท่านั้น

จากนั้นในสายตาของนางก็มีผู้หญิงท่าทางสง่างามปรากฏขึ้นนางเดินมาถึงตรงจุดที่รถม้าเพิ่งออกตัวไป สายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่รถม้าจากไป

ไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเท่าไหร่

จนกระทั่งจ้าวซื่อรีบร้อนเดินออกมาไม่รู้ว่าพูดกับนางว่าอะไรจากนั้นทั้งสองคนก็กลับเข้าไปในตำหนัก

จิ๊……

ดูออกได้เลยว่าหลานจิ่นเอ๋อต้องมีความรู้สึกรักใคร่เย่แจ๋หยิ่ง สำหรับเย่แจ๋หยิ่งคิดทำอะไรนั้นนางก็ไม่อาจรู้ได้

ถ้าบอกว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่ชอบนางหล่ะ!

ดูเหมือนจะยังอธิบายไม่ได้ ถึงอย่างไรเมื่อตอนเช้าเย่แจ๋หยิ่งบอกว่าเขาอยากมาดูคนคนหนึ่งที่จวนแม่ทัพแล้วก็ถือโอกาสส่งนางด้วย

พอมาถึงจวนแม่ทัพแล้วก็พบว่าเย่แจ๋หยิ่งปฏิบัติกับหลานจิ่นเอ๋อต่างกันมาก

ดูแล้วคนที่เย่แจ๋หยิ่งมาหาที่จวนแม่ทัพโดยเฉพาะก็คือหลานจิ่นเอ๋อ!

แต่พอตอนอยู่ในศาลานางก็กลับพบว่า เย่แจ๋หยิ่งก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจความรู้สึกของหลานจิ่นเอ๋อขนาดนั้น

สรุปแล้วมันยังไงกันแน่นะ?

หรือในนี้จะยังมีฉากน้ำเน่าอยู่อีก?

หรือจะให้พูดว่า เย่แจ๋หยิ่งตั้งใจแสดงความรักกับนางเพื่อทดสอบหลานจิ่นเอ๋อ?

ไอ้หย๊าแม่งเอ้ย น่าโมโหนัก!

กินผลไม้ไปไม่มากสมองนางก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ!

หลานเฉินมู๋ก็มาหานางที่ลาน ความหมายโดยรวมก็คือให้คำพูดที่เป็นห่วงนางเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ของจวนอ๋องเย่

ก็ถูกหลานเยาเยาพูดเลี้ยวไปเลี้ยวมาจึงลามไปยังท่านแม่ฉูซื่อ

“แม่ทัพหลาน ท่านแม่ข้ามีสหายคนสนิทหรือไม่?”

ตั้งแต่ตัดความสัมพันธ์พ่อลูก หลานเยาเยาก็ไม่เคยเรียกเขาว่าท่านพ่ออีกเลย แม้หลานเฉินมู๋จะไม่พอใจถึงยังไงนางก็เป็นพระชายาจึงไม่ได้พูดอะไร

ได้ยินดังนั้น!

หลานเฉินมู๋ก็เหมือนคิดอะไรได้ แววตาลึกลงไปราวกับมีบางอย่างที่ไม่ต้องการจะเอ่ยถึง ดังนั้นเขาจึงมองสีท้องฟ้าพร้อมยืนขึ้นคำนับนางกล่าวว่า

“พระชายา ฟ้ามืดแล้วพระชายาพักผ่อนเถิด ถ้าต้องการอะไรโปรดบอกพ่อบ้าน”

“อื้ม!”

หลังจากได้ยินหลานเยายาตอบกลับเขาก็หมุนตัวจากไป แต่ตอนที่เพิ่งจะเดินถึงประตูเสียงเบาๆของหลานเยาเยาได้ดังขึ้น:

“ได้ยินมาว่าแม่ทัพหลานกับจวนสิงปู้ช่างชูมีความขัดแย้งกัน ข้าก็เพิ่งมีจุดอ่อนบางอยากของจวนสิงปู้ช่างชู ถ้าหากคิดอะไรออกโปรดบอกข้า”

เมื่อได้ยินว่าจวนสิงปู้ช่างชู

หมัดของหลานเฉินมู๋ก็กำแน่น

ความสัมพันธ์ของเขากับจวนสิงปู้ช่างชูแต่ก่อนแม้จะจุดที่เห็นต่างกันทางด้านการเมืองแต่ก็ไม่ได้วุ่นวายถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้

แต่หลังจากตั้งแต่นิ่งซื่อถูกจับเข้าคุก เขาก็ไปเยี่ยมมาหลายครั้ง

ถึงอย่างไรเมื่อสร้างความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาแล้วความสัมพันธ์ก็จะยังคงอยู่ตลอดไป!

นิ่งซื่อแต่งงานกับเขามาก็นานแล้ว แม้ช่วงแรกจะยังไม่มีความรู้สึกรักแต่ก็ยังมีความรู้สึกออกมา

เขาอยากจะยัดเงินให้จวนสิงปู้ช่างชูเพื่อให้นิ่งซื่อได้อยู่อย่างดีในห้องขัง แต่ทว่าเพราะกลัวทำให้อ๋องเย่ไม่พอใจ จวนสิงปู้ช่างชูจะไม่ยอมรับเงินเขาซ้ำจะยังชักสีหน้าใส่เขาอีก

เดิมที นี่ก็ไม่มีอะไร

แต่ครั้งสุดท้ายตอนที่เขาไปเยี่ยมนิ่งซื่อก็ต้องพบว่าเพื่อที่จะลดความเจ็บปวดของร่างกายนางจึงมั่วกับผู้คุมขังในห้องคุก

ตรงจุดนี้……

จวนสิงปู้ช่างชูก็รู้แต่ก็ยังจงใจปล่อยให้ผู้คุมขังทำอย่างงี้

นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาอย่างแรงเหรอ?

ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเปลี่ยนเป็นแย่

หลานเฉินมู๋ยืนนิ่งอยู่ครู่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่หมัดที่กำแน่นก็ค่อยๆคลายลง

สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินจากไป……

ฮ่าฮ่า!

ดูเหมือนจะหยิ่งใช้ได้เลย

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหยิ่งแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่?

ตอนนี้ ฮัวหยู่อันเดินเข้ามาด้วยหน้างงงัน รีบเดินมานั่งที่โต๊ะเทน้ำชาอย่างสบาย

“พวกท่านเป็นพ่อลูกกันหรือ?”

นี่ก็คือรูปแบบการปฏิบัติของพ่อกับลูกสาว ฮัวหยู่อันจึงอดส่ายหัวไม่ได้

“ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกไปแล้ว พ่อลูกที่ปฏิบัติต่อกันเหมือนศัตรูเคยเห็นไหมหล่ะ?”

มองไปยังฮัวหยู่ซึ่งดูไม่เหมือนสาวใช้เลยสักนิดหลานเยาเยาก็รู้สึกงงๆ

เรื่องแปลก!

ก่อนหน้านี้นางปล่อยให้นางตามมาที่จวนแม่ทัพได้อย่างไรกัน?

“เคยเจอสิ ก็คือท่านกับหลานเฉินมู๋ไง!”

สำหรับนางที่เรียกหลานเฉินมู๋ไปตรงๆหลานเยาเยาก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอะไร แต่รีบหยิบองุ่นพวงสุดท้ายที่เหลืออยู่ขึ้นมา

ฮัวหยู่อันตกตะลึง

ก็คือนางเห็นว่ายังเหลือองุ่นอีกพวกหนึ่งนางจึงเข้ามา เดิมทีที่ดื่มชาพูดคุยก็เพื่อดึงดูดความสนใจของหลานเยาเยา

จะรู้ได้ที่ไหนกัน?

ตอนที่นางเพิ่งจะวางถ้วยชาลงเตรียมยื่นมือไปหยิบองุ่นนั้นตะกร้าก็ว่างเปล่าไปซะแล้ว

“ท่านจะไม่ช่วยเหลือไว้ให้ข้าสักสองลูกเหรอ?” ฮัวหยู่อันมองนางอย่างเหยียดๆ

ถึงความเร็วจะเร็วกว่านางก็ช่างปะไร แต่ก็กินมาทั้งวัน

กินกินกิน ไม่ช้าก็เร็วได้กินจนกลายเป็นหมูแน่

ช่วยเหลือไว้ให้นางสักหน่อยสิ!

นางก็อยากกินนะ……

“งั้นก็ได้เจ้าไปเอาเสื้อผ้าในตู้เก็บออกมา จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าใหม่ที่ข้าเอามาใส่เข้าไป”

เสื้อผ้าในตู้เป็นของเก่านางทั้งหมด

บางอันก็ซักจนขาวแล้ว ต่อมาหลังจากที่นางใส่แล้วก็ซื้อชุดมาใหม่อีกแล้วก็วางไว้ในนั้นเหมือนกัน

แต่พอมาถึงจวนอ๋องเย่ถึงพบว่า

แบบที่นางซื้อมาก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูดีขนาดนั้นอีกทั้งยังไม่ทันสมัยด้วย

เสื้อผ้าที่นางซื้อมาตอนนี้นั้นสวยงามโดดเด่น รูปแบบทันสมัย การใส่ก็ไม่ซับซ้อน

“เสื้อผ้าเยอะไหม?” นี่คือประเด็นหลักเลย

ถ้าเยอะนางก็จะได้ขอองุ่นเพิ่ม

“ไม่เยอะๆ สองสามตัวเท่านั้นเอง ไปเร็วเถอะไม่งั้นข้าจะกินหมดแล้ว”

“ได้!”

ฮัวหยู่อันมององุ่นที่ถูกเด็ดๆไปทีละลูกในมือนางก็รีบร้อนมุ่งไปยังตู้

จากนั้นก็ส่งเสียงมาว่า:

“จวนแม่ทัพนี่จริงๆเลย ขี้งกเกินไปรึเปล่า! เสื้อผ้าท่านซักจนเป็นแบบนี้แล้ว ท่านยังใส่อยู่เหรอ?”

หลานเยาเยาไม่ได้ตอบอะไร

“ว้าว ข้าชักสงสัยแล้วว่าแต่ก่อนท่านจะไม่ใช่คุณหนู แม้แต่สาวใช้ในตำหนักก็ยังไม่ใช่ ดูสิตรงสายหน้าท้องยังมีรอยปะเลย!”

หลานเยาเยาก็ยังคงไม่ตอบ ความเร็วในการกินองุ่นก็ยิ่งไวขึ้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท