ตอนที่ 611 ต้องเป็นคุณ(2)
ฉินมู่หลานโบกมือปฏิเสธ “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ หลังจากนี้ก็ให้คนไข้พักผ่อนเยอะๆ นะคะ”
เมื่อคนไข้ถูกส่งไปที่ห้องพัก ฉินมู่หลานก็พูดกับหลี่ปิ่งฉวน “คุณหมอหลี่ งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ทว่าฉินมู่หลานยังไม่ทันได้จากไป เธอก็ถูกเถาป๋อหลุนเรียกเอาไว้ ฉินมู่หลานที่เกิดความคิดอยากจะหางานเสริมอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องตกลงเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว เขาเองก็ได้ร่างสัญญาการจ้างและเสนอเงื่อนไขที่ดีที่สุดไว้ให้เธอแล้ว
หลังจากที่ฉินมู่หลานอ่านสัญญาและเห็นว่าไม่มีปัญหาใด เธอก็ลงนามในสัญญานั้น
“ผอ. เถา งั้นฉันขอตัวนะคะ”
“คุณหมอฉิน ไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันไหมครับ”
ฉินมู่หลานโบกมือปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่เป็นไรค่ะท่านผอ. ฉันขอตัวกลับบ้านก่อนดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานพูดเช่นนั้น เถาป๋อหลุนก็ไม่ได้รั้งเธอเอาไว้
เมื่อฉินมู่หลานกลับไป ซูหว่านอี๋ก็รับชิงชิงกับเฉินเฉินกลับมาที่บ้านแล้ว “มู่หลาน กลับมาแล้วเหรอ ที่ซิ่งหลินถังเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ คนไข้คนนั้นได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูหว่านอี๋จึงรีบพูดว่า “ลูกคงเหนื่อยแย่ เดี๋ยวเย็นนี้แม่ตุ๋นซุปไก่ให้นะ”
“หนูอยากกินด้วย”
ชิงชิงกับเฉินเฉินยกมือเล็กๆ แสดงว่าอยากกินด้วย
“กินสิ ต้องกินเยอะๆเลยนะ”
เมื่อเห็นหลานทั้งสองคนทำเช่นนั้น หัวใจของซูหว่านอี๋ก็อ่อนโยนขึ้น
ตกกลางคืน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับมา เมื่อฉินมู่หลานเห็นเขา เธอก็แปลกใจเล็กน้อย “ทำไมคืนนี้มีเวลากลับมาได้ล่ะ”
“ช่วงนี้มีแต่งานฝึกอบรม ผมก็เลยพอมีเวลากลับมาได้”
หลังจากพูดจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง จัดการเรื่องราวต่างๆ เรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานเล่าเรื่องราวในวันนี้ให้เขาฟัง สุดท้ายก็พูดว่า “หลังจากนี้ฉันจะเป็นหมอชั่วคราวที่โรงพยาบาลปักกิ่งแล้วนะคะ มีเรื่องอะไรก็แวะไปที่นั่นได้”
“ฉินมู่หลานของเราเก่งจังเลย”
ทว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลัวว่าฉินมู่หลานจะเหนื่อยเกินไป เพราะตอนนี้เรื่องที่เธอต้องทำมีมากมายจริงๆ “คุณเองก็อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนด้วยนะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดว่า “วางใจได้ ฉันรู้แล้ว ฉันก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเหนื่อยแน่นอนค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดี”
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็พูดถึงเรื่องการเตรียมของที่จะนำไปขาย และทั้งสองก็ตกลงกันว่าจะไปที่เมืองไห่เฉิงอีกครั้ง
“แม่ ให้หนูไปเป็นเพื่อนไหมคะ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือต่างก็โบกมือ “ไม่ต้องๆ พวกแม่ไปกันสองคนได้”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม่ น้าซู จริงๆ แล้วฉันไปเป็นเพื่อนได้นะ ฉันเคยไปมาแล้วและรู้จักเมืองไห่เฉิงดีด้วย”
พอได้ยินดังนั้น ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อคิดดูสักพักก็พูดว่า “ได้ งั้นเธอไปกับพวกเราก็แล้วกัน”
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าพวกหล่อนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
และในที่สุด วันรุ่งขึ้นเธอก็ได้กลับไปเรียน
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลาน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “มู่หลาน ไม่เจอกันนานเชียว ฉันนึกว่าเธอจะมาเรียนตั้งแต่เมื่อวานนี้ ไม่คิดว่าเมื่อวานเธอก็มีเรื่องยุ่งๆให้ต้องจัดการ”
“ไม่เจอกันนานเลยจริงๆ ครั้งนี้ฉันอยู่ที่ไห่เฉิงนานเกินกว่าที่วางแผนไว้ แต่ก็คุ้มค่านะ เพราะทุกอย่างที่ต้องทำก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “งั้นก็ดีแล้วล่ะ การไปที่หนึ่งแล้วจัดการปัญหาต่างๆ ได้หมดก็เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว”
ก่อนจะพูดจบ หล่อนก็หันไปบอกฉินมู่หลานเกี่ยวกับเรื่องของซิ่งหลินถัง “มู่หลาน ตั้งแต่ที่เปิดร้านในวันนั้นแล้วเธอให้การตรวจชีพจรฟรี ผู้คนก็ถามไถ่กันเข้ามาเยอะว่าเธอจะกลับมานั่งตรวจอีกเมื่อไหร่ พวกเขาเต็มใจจ่ายเงินเพื่อให้เธอตรวจให้ด้วยซ้ำ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็อดพูดไม่ได้ว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตกลงกันไว้แล้วเหรอว่าจะตรวจชีพจรฟรีแค่เฉพาะวันเปิดร้าน”
“ฉันก็บอกไปแบบนั้น แต่ผู้คนก็ยังอยากให้เธอตรวจให้ ยกตัวอย่างเช่นเซียวซือเหมี่ยน เขาเป็นคนที่ฝ่าทั้งแดดทั้งฝนมาเฝ้าเธอทุกวัน นอกจากนั้นก็ยังมีคนอื่นๆ ที่แวะเวียนมาดูเป็นครั้งคราวอีกด้วย”
ฉินมู่หลานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นพวกเราจ้างหมอจีนเก่งๆ สักคนมาอยู่ประจำ แล้วให้เป็นหมอนั่งตรวจประจำของซิ่งหลินถังไปเลย”
“นั่นสิ จริงๆ เราก็เคยคุยเรื่องนี้กันอยู่แล้ว ตอนนี้ฉันเลยกำลังหาหมออยู่”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ พอได้หมอคนนั้นมา ซิ่งหลินถังก็จะมีหมอนั่งตรวจประจำร้านเป็นของตัวเอง” ระหว่างพูด ฉินมู่หลานก็ถามถึงยอดขายของยาเม็ดที่ซิ่งหลินถัง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะมู่หลาน วันเปิดร้านผู้คนต่างก็เชื่อมั่นในฝีมือทางการแพทย์อันแม่นยำของเธอ พวกเขาจึงเชื่อมั่นในยาของซิ่งหลินถังของเรา ยอดขายจึงออกมาดีมากเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานก็โล่งใจ
เซี่ยปิงหรุ่ยทำงานอย่างว่องไว ไม่กี่วันต่อมาก็ได้หมอจีนคนหนึ่งมา เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ในซีอาน ชื่อว่าเซี่ยเหยียนลั่วเป็นพ่อของเซี่ยฉางกู้ “เดิมทีคุณปู่ลั่วจะพาลูกชายของฉางกู้มาด้วย ฉันก็เลยคิดว่าให้พวกเขาย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งไปเลยซะเลยดีกว่า เธอคิดว่าฉันจัดการได้ดีไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดี เธอทำได้ดีทีเดียว ว่าแต่ภรรยาของฉางกู้ไม่ได้ย้ายมาด้วยเหรอ?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เฮ้อ…อย่าพูดถึงเลย ฉางกู้เป็นคนดีขนาดนี้ แต่ภรรยาของเขากลับทิ้งเขาและลูกชายไปกับคนอื่น เธออย่าพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าพวกเขาเชียวนะ”
ฉินมู่หลานที่ยังไม่รู้เรื่องนี้จึงรีบพยักหน้าตอบว่า “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”
วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ฉินมู่หลานตื่นเช้าแล้วก็ไปที่ซิ่งหลินถัง
ผู้อาวุโสเซี่ยก็เริ่มตรวจคนไข้แล้ว เมื่อเห็นฉินมู่หลาน เขาก็ยิ้มทักทาย
ฉินมู่หลานก็รีบยิ้มตอบว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณปู่”
“อรุณสวัสดิ์”
เช้าวันนี้เซี่ยปิงชิงติดธุระไม่ได้มา กลับเป็นเซี่ยปิงหรุ่ยที่เข้ามาแทน หล่อนเดินเข้ามาในร้านพร้อมเอ่ยทักทายคนอื่นโดยในถือนั้นถืออาหารเช้ามาด้วยพลางพูดว่า “ฉันซื้อซาลาเปาทอด แล้วก็น้ำเต้าหู้มาด้วย ใครยังไม่ได้กินอาหารเช้า รีบมากินกันนะ”
คังอันเหอเดินตรงเข้ามาทันที พลางพูดว่า “ฉันยังไม่ได้กิน งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
“เอาเลยค่ะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดพลางมองไปที่ฉินมู่หลานและเซี่ยเหยียนลั่ว “คุณปู่ มู่หลาน กินอะไรกันมาแล้วหรือคะ?”
สองคนพยักหน้า ตอบว่า “เรียบร้อยแล้ว”
“ค่ะ งั้นฉันกับอันเหอกินก่อนนะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารเช้า ฉินมู่หลานก็พูดคุยเรื่องวิชาการแพทย์กับเซี่ยเหยียนลั่ว ยังไม่ทันจะพูดอะไรมากเท่าไร ก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาที่ประตู หล่อนคนนั้นตาแดงก่ำมองไปที่ฉินมู่หลานและพูดว่า “เป็นเธอแน่ ๆ เป็นเธอที่แพร่งพรายเบาะแสของฉัน ทำให้ฉันต้องพบกับความโชคร้ายแบบนี้”