หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 140 หลงไหล

บทที่ 140 หลงไหล

บทที่ 140 หลงไหล

” ท่านอ๋อง หากยังไม่เปลี่ยนเสื้อป้าอาจจะเป็นไข้เอานะขอรับ” พ่อบ้านเหมยกล่าวด้วยความรู้สึกเป็นกังวลอยู่ในใจ

จากนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็ยิ้มออกมาเบาโดยไม่พูดไม่กล่าว พลางมองไปยังเสื้อผ้าที่เปียกโชกไปทั้งตัว ก่อนที่จะโบกมือให้กับพ่อบ้านเหม่ยให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน เพราะยังไงเสียตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว

หลานเยาเยาที่พอกลับถึงลานซวนซีก็เดินไปปิดประตูหน้าต่างจนหมด จากนั้นก็มานั่งเพลิดเพลินกับการกินปลาตุ๋นอย่างสบายใจ รอจนกินอิ่ม นางก็ถึงเริ่มลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ต้องทำ

สินสอดทองหมั้นเอาไปไว้แห่งใดกันหนา?

ทว่า! หลานเยาเยาที่เริ่มทำการตามล่าหาสินสอดทองหมั้น แต่คงเป็นเพราะเวลามืดเกินไปแล้ว และอาจเป็นเพราะการเสียเลือดไปเยอะเมื่อก่อนหน้านี้เลยทำให้นางรู้สึกวิงเวียน

ทั้งที่จริงแล้วสินสอดทองหมั้นถูกบรรจุไว้ในหีบไม้ใหญ่ แต่นางกลับเดินผ่านหีบไม้ใหญ่นั่นไปมา โดยไม่สนใจ จนทำให้นางเริ่มรู้สึกรำคาญ

“คนโกหก ! ไหนบอกว่าอยู่ที่ลานนี้ไงเล่า ? เหตุใดจึงหาไม่เจอ ? ”

หลานเยาเยานั่งลงด้วยอารมณ์หดหู่ใจ พอเห็นเย่แจ๋หยิ่งปรากฏตัวตรงหน้าประตูห้อง สิ่งแรกที่ถามไปก็คือ “สินสอดทองหมั้นของข้าเล่า?”

“ตามข้ามา”

สำหรับคำถามของหลานเยาเยา เขานั้นเพียงแต่กล่าวตอบไปอย่างเฉยชาเท่านั้นหลานเยาเยาก็เดินสะบัดก้นเดินตามหลังเขาไปเสียแล้ว

ในตอนที่เขาย้ายหีบไม้ใหญ่ที่มีสินสอดทองหมั้นอยู่ข้างในมาวางไว้ในห้อง หลานเยาเยาก็ตามเข้าเช่นกัน

” เจ้าต้องการหาสิ่งใดกันรึ? ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาข้างหูของหลานเยาเยาอย่างเรียบเฉย

นางไม่ได้คิดสิ่งใดมากนัก เพราะรู้สึกค่อนข้างเวียนศีรษะ จึงเพียงแค่หากล่องให้เจอ จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอน

“กล่องไร้ค่าใบหนึ่ง!”

ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งหลานเฉินมู๋กล่าวไว้ เพราะกล่องใบนั้นไร้ค่า จึงได้ใช้เป็นสินสอดทองหมั้น

“ใช่อันนี้หรือไม่?”

เย่แจ๋หยิ่งหยิบกล่องที่ลักษณะภายนอกเป็นไม้เคลือบสีแดงที่ดูเขรอะขระจากหีบออกมา แล้วส่งไปยังตรงหน้าของนาง

“คงจะใช่ !”

“เช่นนั้นก็ดี !”

หลานเยาเยาไม่เข้าใจคำว่า ” เช่นนั้นก็ดี”ของเย่แจ๋หยิ่งนั้นหมายถึงสิ่งใด เพียงเห็นแต่เขาที่กำลังปิดหีบแล้วถือกล่องเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเตียง นางจึงเดินตามไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเช่นกัน

จากนั้นนางก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งที่กำลังถอดเสื้อคลุมและรองเท้าที่เพิ่งเปลี่ยนออกแล้วขึ้นไปบนเตียงแล้วดันตัวราบลงนอนยังข้างใน หลานเยาเยาก็สงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปล้มตัวนอนบนเตียงเช่นกัน

หลังจากที่ล้มตัวลงนอนได้ครู่หนึ่งนางก็หยิบเอากล่องใบนั้นจากมือของเขามาแต่ฉะนั้นก็ไม่ได้เปิดดูเพียงแค่กอดกล่องเอาไว้แล้วหลับตาลงนอน

ทุกอย่างป่านไปอย่างราบรื่น!

เย่แจ๋หยิ่งมองดูดวงตาทั้งสองที่ปิดลงของคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้า

จากกนั้นก็เอื้อมมือไปดึงตัวนางมาไว้ในอ้อมแขน ตอนแรกนางขยับตัวด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยรอยยิ้มตรงมุมปาก

และแล้วเช้าตรู่ในวันต่อมา

“อ๊า·····”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นไปทั่วจวนอ๋องเย่

หลานเยาเยารีบจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง ก่อนจะปีนลงมาจากร่างของเย่แจ๋หยิ่ง ด้วยสีหน้าที่แดงราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุกอย่างนั้น

พระเจ้าช่วย !

เหตุใดเย่แจ๋หยิ่งจึงได้มานอนที่นอนของข้าได้ ?

แต่นี่ยังไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือในตอนที่ข้าหลับก็ยังปีนไปนอนทับร่างของเขา โดยที่เสื้อผ้าของเขานั้นหลุดออกจนหมด แล้วตัวเองก็ยังไปกอดเขาแน่นเสียอีก

ต้องเป็นเพราะขั้นตอนการตื่นของตัวเองมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?

เพราะนางเป็นคนที่รักนวลสงวนตัวมาก !

เย่แจ๋หยิ่งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกรีดร้อง ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาเล็กน้อย แล้วมองไปยังหลานเยาเยาที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยสีหน้าแตกตื่น พลางพูดขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มที่ดูเกียจคร้าน

“ตื่นแล้วรึ ?”

” ก็ตื่นแล้วไม่เห็นหรือไง ! เหตุใดท่านจึงมานอนบนเตียงของข้าได้? แล้วทำสิ่งใดต่อข้าหรือไม่ ? ”

ในใจของนางยังมีคำถามอยู่มากมาย แต่สุดท้ายนางก็จับต้นชนปลายแล้วถามออกมาทีเดียว

” เจ้าจำไม่ได้สิ่งที่เจ้าปฏิบัติต่อข้าเมื่อคืนนี้แล้วรึ? ” เย่แจ๋หยิ่งมองนางด้วยท่าทางไร้เดียงสา

“ห๊า?”

สิ่งที่นางถามคือเย่แจ๋หยิ่งทำอะไรนาง? เหตุใดตอนนี้ถึงได้พลิกพันกลายเป็นว่านางไปทำสิ่งใดต่อเย่แจ๋หยิ่งเสียแล้วหล่ะ ?

นี่มันถูกหลักวิทยาศาสตร์นะ !

นางก็เห็นอยู่คาตาแล้วว่า นี่เป็นห้องของนาง เป็นเย่แจ๋หยิ่งต่างหากที่มานอนบนเตียงของนาง ไม่ใช่นางที่ไปนอนบนเตียงของเย่แจ๋หยิ่ง อ๊านี่!

“จำไม่ได้แล้วจริงรึ?”เย่แจ๋หยิ่งถามอีกครั้ง

“จำไม่ได้แล้ว”

พอมองเห็นแววตาที่ไร้เดียงสาของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็ถึงกับตะลึงนิ่งรู้สึกราวกับว่าคนที่โดนรังแกคือเขาเสียอย่างนั้น

เมื่อวานเหมือนนางจะตามหากล่อง จากนั้นเย่แจ๋หยิ่งก็เจ้ามาแล้วก็ยังช่วยนางตามหากล่องอีก จากนั้นก็ไม่มีอะไรเสียหน่อย!

” ดูเหมือนว่า……” เสียงทุ้มอันขี้เกียจดังแทรกขึ้นมาเบาๆ พลางเอื้อมมือไปกุมเอวของนางไว้แล้วดึงเข้ามาให้นางล้มตัวลงไปแล้วตัวเขาก็ลุกขึ้นมานั่งกดร่างของนางเอาไว้ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำๆ

“ข้าจะช่วยเจ้าฝื้นความจำแล้วกัน!”

พูดจบ !

เย่แจ๋หยิ่งก็โน้มตัวลงค่อยๆจูบใบหูของนางอย่างเบาบาง พลันสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปในเสื้อรอบเอวของนางแล้วค่อยๆขยับไปรอบๆอย่างอ่อนโยน

หลานเยาเยาถึงกับเบิกตากว้างในทันทีด้วยท่าทางที่ไม่ยากเกินจะเชื่อ แล้วรีบห้ามมือใหญ่ที่อยู่ไม่สุขของเขา พร้อมกล่าวด้วยลมหายใจที่ไม่ค่อยคงที่

“ท่านๆๆ ….ท่านจะทำสิ่งใด?”

นี่เย่แจ๋หยิ่งกำลังลวนลามนางโจ่งแจ้งเช่นนี้เลยหรือ ?

ทั้งมือใหญ่นั่นของเขาที่ติดอยู่ข้างเอวของนางแน่น ด้วยอุณหภูมิบนมือทำให้นางรู้สึกราวกับว่าผิวใกล้จะไหม้เสียก็ไม่ปาน

“ข้ากำลังช่วยให้เจ้ารำลึกถึงสิ่งที่เจ้าทำกับข้ายังไงเล่า เหตุใดต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย? อายอย่างนั้นรึ? ”

สวรรค์ !

เมื่อคืนนี้นางไร้สติขนาดไหนกัน ? ถึงขนาดที่หลับแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเอง

“ล้อ..ล้อเล่นหน่ะ ข้าหาได้ทำเกินจริงตรงไหน ? ข้าเพียงกลัวจั้กจี้เท่านั้น”

อาย ?

ล้อเล่นอะไรกัน?

นางเป็นถึงวิญญาณจากศตวรรษที่ 21 เชียวนะ นางมีความคิดที่เปิดกว้าง ถูกลูบเอวแค่นี้ก็เรียกตอบสนองแรงขนาดนี้ ?

“อ๋อ ใช่หรอ?”ราวกับว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่เชื่อ

เขาขยับปากลงมายังมุมปากของนางแล้วหยุดนิ่งลง

ในครานี้ ! หลานเยาเยาก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ผิดปกติไป

ลมหายใจของเย่แจ๋หยิ่งค่อนข้างเร่าร้อน พร้อมทั้งริมฝีปากบางที่แนบอยู่ตรงมุมปากของนางก็ร้อนแผ่วเช่นกัน

หลานเยาเยาค่อยๆกลืนน้ำลาย พลางมองเห็นแววตาของสัตว์ร้ายในแววตาลึกล้ำของเขา จนนางรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแย่แล้ว

“เย่แจ๋หยิ่งมีสิ่งใดเราค่อยๆคุยกันดีกว่านะ…ข้า….อือ….”

ยังพูดไม่ทันจบ ริมฝีปากของนางก็ถูกกดไว้เสียแล้ว

แย่แล้วๆ เช้าตรู่เช่นนี้ ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้นะ!

ทว่า !

รอยจูบของเย่แจ๋หยิ่งทั้งเร่าร้อนและอ่อนโยน ทำให้นางควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วสติของนางก็ค่อยหายไปทีละน้อยๆจนหมด ในตอนแรกที่พยายามขัดขืน ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสับสนแล้วหลงไหล ก่อนจะหยุดดิ้นรนไปในที่สุด

และแล้วในขณะที่นางกำลังคิดเรื่องจะหนีออกจากจวน นางกลับรู้สึกถึงมือใหญ่อันร้อนแผ่วที่ขยับตามรอบเอวของนางค่อยๆเลื่อนขึ้นมาด้านบน ในทุกครั้งที่เขาสัมผัสมันทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมา

รอยจูบของเขาที่ยิ่งนานก็ยิ่งเร่าร้อนยิ่งขึ้น แล้วยังใช้แรงให้นางเปิดปากแล้วเพิ่มความรุนแรงในการจูบของนางให้มากขึ้น

จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว แต่แล้วจู่ๆหลานเยาเยาก็ได้ยินครวญครางของมาจากปากของตัวเองดังขึ้นมา !

สิ่งนี้ทำให้เลือดของนางสูดฉีด จนถึงตกใจขีดสุด

แล้วในตอนนั้นเอง นางก็รู้สึกถึงมือใหญ่อันร้อนแผ่วของเย่แจ๋หยิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง แล้วนางก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ

แต่คนที่แข็งทื่อไม่ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น เย่แจ๋หยิ่งก็นิ่งไม่แพ้กัน

จึงอดไม่ได้ที่จะละรอยจูบมามองตำแหน่งที่มือตัวเองวางอยู่….

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท