ตอนที่ 310 ปลาใหญ่
พอประทับเรียบร้อย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ค่อยๆ เสวยชา มองไปทางขุนนางใหญ่ที่ยืนทิ้งมือแนบลำตัวรออยู่
“เราเรียกขุนนางทุกท่านมา ก็เพราะคิดหารือเรื่องฝังพระศพฮองเฮาซิน” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงสังเกตสีหน้าแปรเปลี่ยนของบรรดาขุนนาง ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบต่อว่า “เมื่อวานเราได้หารือกับสำนักราชวังแล้ว นี่คือแผนดำเนินงานของสำนักราชวัง พวกท่านดูก่อน”
ส่งแผนให้เสนาบดีกรมพิธีการก่อนจะส่งต่อกันไป พอได้อ่านกันหมดแล้ว บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดทันที
เสนาบดีกรมพิธีการรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของสหายขุนนาง ก็เตรียมจะก้าวออกมาคัดค้าน เสนาบดีกรมคลังกลับกราบทูลขึ้นก่อน “ฝ่าบาท หากทำตามแผนนี้จัดงานพระศพจริง ต้องใช้จ่ายเงินในคลังมหาศาล ตอนนี้หลายพื้นที่ประสบภัย เงินในคลังใช้จ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติก็ขัดสนมากแล้ว ไม่มีเงินมากมายมาจัดพิธีพ่ะย่ะค่ะ!”
“หืม? เช่นนั้นเสนาบดีอวี๋ลองบอกหน่อยว่า ในแผนดำเนินงานจุดใดพอจะตัดทอนได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์หารือจริงใจ
“ฮองเฮาซินจากไปได้ปีกว่าแล้ว กระหม่อมคิดว่าไม่จำเป็นต้องตั้งพระศพสองสามเดือน ส่วนจำนวนพระและนักพรตที่มาทำพิธีก็มากเกินไปสักหน่อย…” เสนาบดีกรมคลังพูดพรั่งพรูไม่หยุด ชี้จุดฟุ่มเฟือยแต่ละจุด
เสนาบดีกรมพิธีการมุมปากกระตุก แทบจะก้าวออกมาเตะเสนาบดีกรมคลังตรงหน้าเขาให้ล้มคว่ำ
เขายังคิดทัดทานการฝังพระศพฮองเฮาซินในสุสานหลวง เหตุใดจึงข้ามขั้นตอนไป แล้วกลายเป็นถกเรื่องค่าใช้จ่ายจัดพิธีกับฮ่องเต้ไปได้
ผู้ใดเห็นด้วยกัน!
พอเสนาบดีกรมคลังพูดจบ ก็รู้สึกพึงพอใจกับผลที่โต้แย้งมาได้ แต่ทันใดก็พลันรู้สึกได้ถึงสายตาเยียบเย็นพุ่งตรงมาที่เขา
นี่เกิดอันใดขึ้น
เหลือบมองไปเห็นมุมพระโอษฐ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระดกเล็กน้อย ในใจเสนาบดีกรมคลังก็กระตุกวาบตั้งสติได้ทันที แย่แล้ว ลืมคัดค้านการฝังพระศพฮองเฮาซินในสุสานหลวง
ก็ไม่อาจตำหนิเขา เขาดูแลกระเป๋าเงินของราชวงศ์ต้าซย่า พอเห็นรายการใช้จ่ายมหาศาลที่รายเรียงออกมา จะไม่ตื่นตระหนกได้หรือ
“ขุนนางทุกท่านมีความเห็นอีกหรือไม่” สายพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กวาดมองทีละใบหน้าก่อนตรัสถามเรียบเฉย
เสนาบดีกรมพิธีการตัดใจก้าวออกมา “กระหม่อมคิดว่า ฮองเฮาซินไม่ควรฝังในสุสานหลวงในฐานะฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ
“ไม่ฝังในสุสานหลวง แล้วให้ฝังที่ใด”
เสนาบดีกรมพิธีการกระแอมไอในลำคอก่อนจะหลุบตาลงหลบสายพระเนตรเยียบเย็นของฮ่องเต้ “โรงนาของซินไต้จ้าวตั้งอยู่ชานเมืองหลวง งดงามกว้างใหญ่ กระหม่อมคิดว่าที่นั่นเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาซินในปรภพได้รู้ว่าได้ฝังในที่ดินที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ซินไต้จ้าว จะต้องพอพระทัยเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“เหตุใดขุนนางซุนจึงมั่นใจว่าฮองเฮาซินจะพอใจ เจ้าถามนางแล้วหรือ”
เสนาบดีกรมพิธีการสีหน้าย่ำแย่
ฮ่องเต้กำลังข่มขู่อย่างเปิดเผย!
ยามนี้ใต้เท้าเติ้งทูลขึ้นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็รู้สึกว่าข้อเสนอเสนาบดีซุนไม่เลวพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเฉิงอันหัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วนก้าวออกมา “กระหม่อมคิดว่าฮองเฮาซินสร้างคุณประโยชน์ต่อแผ่นดิน หากไม่อาจฝังในสุสานหลวง จะทำให้ประชาใต้หล้าหัวเราะเยาะฝ่าบาทที่ทรงแล้งน้ำใจ หัวเราะเยาะขุนนางอย่างพวกเราไร้คุณธรรม”
“แต่ตอนนั้นฮองเฮาซินหนีออกจากวังไป แสดงให้เห็นว่านางสละสถานะฮองเฮา…”
เมิ่งจี้จิ่วเองก็ก้าวออกมา “กระหม่อมเห็นด้วยกับหัวหน้าเซี่ย คนเราใช่ผู้อยู่เหนือสามัญ ตอนนั้นฮองเฮาซินออกจากวังไปแม้ว่าวู่วามไปสักหน่อย แต่เทียบกับความชอบของฮองเฮาแล้ว ไม่อาจนำมาลบล้างได้พ่ะย่ะค่ะ”
เห็นบรรดาขุนนางแยกออกเป็นสองฝ่าย เปิดสงครามปะทะฝีปากกัน เจ้าว่ามา ข้าโต้กลับ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็บรรจงเสวยน้ำชาไปคำหนึ่งด้วยทีท่าไม่รีบร้อน
เรื่องที่เขาต้องทำก็ต้องทำให้สำเร็จ ปล่อยให้ขุนนางที่ชอบคัดค้านเขาได้เต้นไปสักครู่ก่อน
บรรดาขุนนางยังไม่ได้ข้อสรุป ขันทีก็มารายงานว่าฉางเล่อโหวเฮ่อชิงเซียวมีเรื่องด่วนของเข้าเฝ้า
ในตำหนักพลันเงียบกริบ บรรดาขุนนางพากันมองไปทางฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
สถานะกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินค่อนข้างอ่อนไหว จึงไม่ค่อยได้ปรากฏตัวในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกระเทือนใจบรรดาขุนนางบุ๋นบู๊ ทันทีที่มองข้ามความกังวลเหล่านี้ เห็นชัดว่ามีเรื่องใหญ่แล้ว
จะเป็นเรื่องใดกัน
ไม่ว่าขุนนางใหญ่ที่คัดค้านเรื่องฝังพระศพฮองเฮาซินในสุสานหรือขุนนางที่สนับสนุน ยามนี้ในใจต่างกำลังเต้นแรงดังกลองรัว
พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงอนุญาต เฮ่อชิงเซียวก็ก้าวเข้ามารวดเร็ว
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นได้ ผู้บัญชาการสำนักเป่ยจิ้นฝู่ซือเฮ่อมายามนี้ มีเรื่องอันใดหรือ”
เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน บรรดาขุนนางต่างแยกกันไปยืนเป็นสองฝั่งด้วยสัญชาตญาณ เฮ่อชิงเซียวกวาดตามองพวกเสนาบดีกรมพิธีการทีหนึ่งแล้วก็ทูลฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “การไปรับพระศพฮองเฮาเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ เพราะประสบเหตุฝนตก ทำให้ขบวนเดินทางต้องค้างแรมในวัดร้าง ตอนกลางคืนมีงูพิษเลื้อยเข้ามาทางซินไต้จ้าว เกือบจะฉกซินไต้จ้าวบาดเจ็บ…”
พวกหวงเฉิงคุมตัวโจวหมิงและเฉียนต้าเข้าเมืองหลวงไม่ได้เป็นที่เอิกเกริก แน่นอนว่าอาจมีคนคิดจับตาดูคอยดูอยู่ไม่รู้เท่าไร แต่อย่างน้อยในยามนี้ บรรดาขุนนางใหญ่ในที่นี้ต่างมีสีหน้าตกใจ
สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ตรัสถามทีละคำขึ้นว่า “เหตุใดเพิ่งมารายงานตอนนี้”
เผชิญหน้ากับคำถามเอาเรื่องด้วยความกริ้วหนักของฮ่องเต้ เฮ่อชิงเซียวยังคงดำรงท่าทีสงบนิ่ง แต่ความนิ่งของเขาก็ทำให้ความพิโรธของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สงบลงได้มาก
“กระหม่อมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงได้ส่งลูกน้องกระหม่อมกลับเมืองหลวงมาตรวจสอบก่อน จะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่ทำให้พวกเขารู้ตัว”
“เมื่อวานก็ไม่เห็นเจ้าเอ่ยถึง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระสุรเสียงไม่พอพระทัย ความจริงในพระทัยมิได้กริ้วสักเท่าไร
สำหรับเฮ่อชิงเซียว เขาพอเข้าใจ หากไม่มีความคืบหน้าย่อมไม่เลือกมารายงานในเวลาเช่นนี้
“เมื่อวานเพิ่งกลับถึงเมืองหลวง กระหม่อมอยากรู้ความคืบหน้าก่อนจะกราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามา ตรวจสอบได้ความอันใด”
“หลังจากตรวจสอบ พบว่าอาของหวังเผิงมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับถงต้าเฟิง จู่ซื่อประจำกรมขุนนาง ถงต้าเฟิงถูกจับเข้าคุกแล้ว หลังจากสอบสวน…” เฮ่อชิงเซียวมองไปทางพวกเสนาบดีกรมพิธีการอีกครั้ง
พวกเสนาบดีกรมพิธีการอดหนาวยะเยือกในใจไม่ได้ ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ
“หลังจากสอบสวน ถงต้าเฟิงรับสารภาพว่าใต้เท้าเติ้งฉงจิ่งบงการ” เฮ่อชิงเซียวจ้องมองใต้เท้าเติ้ง เอ่ยคำตอบที่เค้นได้จากปากถงจู่ซื่อทีละคำ
ขุนนางใหญ่ที่อยู่ใกล้กับใต้เท้าเติ้งที่สุดรีบถอยออกไปอีกทางด้วยสัญชาตญาณทันที เผยสีหน้าคิดไม่ถึง “ใต้เท้าเติ้ง?”
เติ้งฉงจิ่งรีบปลดหมวกขุนนางออก หมอบลงกับพื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ความ…”
“เจ้าบอกว่าผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อใส่ความเจ้า” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามพระสุรเสียงเยียบเย็นเยียบเย็น
“กระหม่อมกับซินไต้จ้าวไร้ความแค้นต่อกัน จะบงการคนทำร้ายเขาได้อย่างไร!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้บัญชาการเฮ่อ…”
“พ่ะย่ะค่ะ”
สายพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองไปทางเฮ่อชิงเซียวด้วยความพอพระทัย
หลังจากเรื่องนี้ การฝังศพซินซินในสุสานหลวงก็จะไม่มีอุปสรรคอีก หนุ่มสาวพวกนี้ทำงานเป็นจริง ๆ
“เจ้านำตัวขุนนางเติ้งไปกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน สอบถามให้ดี”
“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
เติ้งฉงจิ่งได้ยินก็เข่าอ่อนล้มลงพื้น มองจังโส่วฝู่ด้วยแววตาขอความช่วยเหลือ
จังโส่วฝู่ก้าวออกมา “ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงขุนนางในคณะมนตรี ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ กระหม่อมคิดว่าควรมอบให้สามศาลสอบสวนพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ” มีขุนนางอีกสองออกมาแสดงความเห็นด้วย
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองคนเหล่านี้ด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉยไร้ความรู้สึก พระตรัสพระสุรเสียงที่ตัดออกไปเรียบเฉยยิ่ง “เรื่องทุกเรื่องควรกระทำเริ่มต้นแล้วกระทำจนจบ คดีนี้กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินตรวจสอบมา ตอนเกิดเหตุ ผู้บัญชาการสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือเฮ่อก็อยู่ ไม่มีคนเหมาะสมยิ่งกว่าเขาแล้ว”
“ฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เลิกพระขนง “ทำไมหรือ เพียงแต่นำตัวใต้เท้าเติ้งไปสอบถามสักหน่อย ก็เคร่งเครียดกันถึงเพียงนี้ หรือว่าพวกท่านก็ร่วมวางแผนนี้ด้วย”
พอตรัสเช่นนี้ออกไป คนที่ก้าวออกมาก็พากันคุกเข่าขอรับผิด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง
“กระหม่อมทูลลา” เฮ่อชิงเซียวนำตัวใต้เท้าเติ้งที่สีหน้าซีดเผือดออกไปทันที
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถอนสายพระเนตรกลับมา เสวยน้ำชาไปคำหนึ่งก็ตรัสว่า “หารือเรื่องการจัดการเรื่องงานพระศพฮองเฮาต่อกันเถอะ”