สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 312 วีรชนพลีชีพเพื่อสหายรู้ใจ

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 312 วีรชนพลีชีพเพื่อสหายรู้ใจ

ในตอนนั้นวังหลังมีเพียงฮองเฮา กว่าจะทำให้ฮ่องเต้ทรงยินยอมรับพระสนมจำนวนหนึ่งไว้ในอี๋หยวนได้ ย่อมบรรจงคัดเลือกสตรีสูงศักดิ์จากจวนต่างๆ ที่มีใจคิดการณ์ไกล ราชทินนามพระสนมลี่ผินได้อักษร ‘ลี่(งาม)’ รูปโฉมย่อมโดดเด่นกว่าบรรดาพระสนมวังหลัง รูปโฉมองค์หญิงเสวียนเหมือนมารดา และยังอยู่ในวัยดุรณีแรกแย้ม กล่าวได้ว่าโฉมงามสะคราญก็มิเกินไป

ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นบิดาอย่างหาได้ยากยิ่ง ตรัสถามเรื่ององค์หญิงเสวียนด้วยสีพระพักตร์แช่มชื่น ถามจบก็แย้มสรวลตรัสว่า “อย่าได้เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในตำหนัก อยากออกไปเที่ยวก็บอกเสด็จแม่เจ้า อย่าลืมนำองครักษ์คุ้มกันไปด้วยก็พอ”

ในความคิดเขา เด็กสาวอายุสิบกว่าปีไม่มีผู้ใดไม่ต้องการอิสระ วันๆ อยู่แต่ในวังย่อมรู้สึกเบื่อ

องค์หญิงเสวียนหลุบขนตาแพหนาลง ทูลน้ำเสียงนิ่มนวลว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อเพคะ”

“ไปเดินเล่นเถอะ พ่อมีเรื่องคุยกับเสด็จแม่เจ้า”

“เสวียนเอ๋อร์ทูลลา” องค์หญิงเสวียนย่อกายคำนับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก่อนจะถอยออกไป

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยกจอกชาขึ้นจิบไปคำหนึ่งก่อนมองไปทางพระสนมลี่ผิน “เจ้าอบรมเสวียนเอ๋อร์ได้ไม่เลว”

นิสัยขี้ขลาดอ่อนแอไปสักหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

“เพคะ แต่ไรมาเสวียนเอ๋อร์ก็รู้ความและว่านอนสอนง่าย แต่ก็มิใช่ความดีความชอบของหม่อมฉันเพียงผู้เดียวเพคะ” พระสนมลี่ผินตรัสเช่นนี้ แต่ก็รู้สึกเคร่งเครียดจนกำมือแน่น

ในยามนี้ นางเริ่มคาดเดาว่าฮ่องเต้อาจจะทรงคิดเรื่องการแต่งงานของเสวียนเอ๋อร์ นางไม่มีสิทธิ์จัดการเรื่องการแต่งงานให้บุตรสาวตนเอง ได้แต่ฝากความหวังไว้กับชายตรงหน้า

เรื่องสำคัญเกี่ยวข้องกับวาสนาสุขในอีกครึ่งชีวิตของบุตรสาว นางย่อมเคร่งเครียด

“จะว่าไป เสวียนเอ๋อร์ก็ได้วัยมองหาคู่ครองแล้ว เจ้าเป็นเสด็จแม่นาง มีความคิดเห็นอันใดบ้าง”

ในใจพระสนมลี่ผินกระตุกวาบ หลุบตาลงเอ่ยว่า “หม่อมฉันเชื่อในสายพระเนตรของฝ่าบาทเพคะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวลตรัสสุรเสียงดังกังวานว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จะตั้งใจมองหาให้สักหน่อย”

การที่เสด็จมาตรัสเรื่องเหล่านี้กับพระสนมลี่ก็เพื่อให้พระสนมลี่ผินกับองคหญิงเตรียมตัวให้พร้อม ไม่จำเป็นต้องพูดมากความ ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะเอ่ยเรื่องนี้กับเฮ่อชิงเซียว ตอนนี้ทำให้พระสนมลี่ผินรู้ว่าในใจเขามีตัวเลือกแล้ว จะได้ไม่รอถึงตอนนั้นเกิดเหตุพลิกผันโดยไม่จำเป็น

พระสนมลี่ผินไปส่งฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถึงนอกประตูตำหนัก จนกระทั่งเห็นแผ่นหลังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลับสายตาไป จึงได้หันหลังกลับ เรื่องนี้ย่อมมิใช่เพราะนางคิดอาลัยหรือคิดอาวรณ์ต่อฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แต่เพราะกลัวคนรู้สึกว่านางไม่ให้ความเคารพฮ่องเต้

พระสนมลี่ผินเดินกลับเข้าไปได้สองสามก้าวก็เห็นองค์หญิงเสวียนรออยู่ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความกังวล

พระสนมลี่ผินรีบก้าวเข้าไปกุมมือบุตรสาว

มือสาวน้อยขาวเนียนละเอียด ฝ่ามือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

“เสด็จแม่…”

“เข้าไปคุยด้านใน”

สองแม่ลูกเข้าไปในห้อง ให้บ่าวรับใช้ออกไปก่อนเริ่มพูดคุยกัน

“ฟังความคิดเสด็จพ่อเจ้า น่าจะทรงเลือกราชบุตรเขยให้เจ้าแล้ว”

พอไม่มีคนอื่นอยู่ พระสนมลี่ผินก็อดคาดเดาแทนบุตรีไม่ได้ จึงได้เอ่ยออกมาตรงๆ

องค์หญิงเสวียนกลับรับฟังด้วยจิตใจสงบนิ่ง

แม้ว่านางเองก็คาดเดาจุดประสงค์ที่เสด็จพ่อเสด็จมาได้ แต่คาดเดาก็ส่วนคาดเดา ไม่ใช่ว่านางไม่อยากออกเรือน แต่เป็นห่วงว่าเสด็จพ่อเสด็จมาเพราะเรื่องไม่ดีเรื่องอื่น ได้ยินว่าเสด็จพ่อจะเลือกราชบุตรเขยให้นาง นางก็สบายใจ

แต่งงาน…นางไม่รู้จะแต่งกับผู้ใด ดีหรือร้าย แต่รู้กระจ่างดีว่าช้าเร็วนางก็ต้องจากเสด็จแม่ไป

“เสด็จพ่อไม่ได้ตรัสว่าเลือกผู้ใดหรือ” องค์หญิงเสวียนแก้มแดงระเรื่อหลุบตาลงถาม

“ไม่ได้ตรัส แต่แม่รู้สึกว่าในพระทัยเสด็จพ่อเจ้ามีตัวเลือกแล้ว” พระสนมลี่ผินตบหลังมือบุตรสาวเบาๆ “เสวียนเอ๋อร์ ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เจ้าเป็นองค์หญิงพระองค์โตของเสด็จพ่อ องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าซย่า เสด็จพ่อเจ้าจะต้องเลือกราชบุตรเขยที่ไม่เลวให้เจ้า”

พระสนมลี่ผินพยายามให้กำลังใจบุตรีและปลอบใจตนเอง

ขอสวรรค์คุ้มครอง ขอให้เสวียนเอ๋อร์ได้พบคู่ครองที่ดี และเข้ากันได้ดี

ซินโย่วกลับถึงวังตากอากาศ ไปที่หน้าโลงพระศพฮองเฮาซินก็เห็นคนแต่งกายชุดขุนพลคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ยังมีสาวน้อยร่างสูงผึ่งผายประคองอยู่

ไป๋อิงประคองมารดาหันหน้ามาเห็นซินโย่วก็อดมีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดีไม่ได้ “คุณชายซิน”

เดิมขุนพลไป๋ยังจมดิ่งอยู่กับความเศร้าโศกอาลัยฮองเฮาซิน แต่พอได้ยินว่าเป็นคุณชายซิน ก็หันไปมองทันที

ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาแต่งกายในชุดสีอ่อนไว้ทุกข์ รูปร่างงามเพรียวบางราวต้นสนท่ามกลางหิมะ

ขุนพลไป๋ค้นหาความเป็นฮองเฮาซินบนใบหน้าชายหนุ่มด้วยสัญชาตญาณ แต่กลับหาไม่พบ

ในใจนางยากจะไม่รู้สึกผิดหวัง

คุณชายซินกล่าวว่าตนเองคือของบุตรบุญธรรมฮองเฮา แต่ในใจหลายคนล้วนไม่ได้คิดเช่นนี้ ขุนพลไป๋เองก็เช่นกัน

“คุณชายซิน นี่คือมารดาข้า”

ซินโย่วประสานมือ “ขุนพลไป๋”

ขอบตาขุนพลไป๋แดงระเรื่อ “อยากพบคุณชายซินสักครั้งมานานแล้ว วันนี้ได้พบเสียที”

“เป็นความผิดของผู้น้อย ควรไปคารวะท่านเร็วกว่านี้”

ซินโย่วทักทายแล้วก็เชิญขุนพลไป๋ไปนั่งในห้องโถง

ขุนพลไป๋มิได้ปฏิเสธ ดื่มน้ำชาในห้องโถงไปสองแก้วแล้วก็ถามถึงเรื่องราวต่างๆ ของฮองเฮาซินตอนอยู่นอกวัง ในใจที่ว่างเปล่าจึงได้สัมผัสถึงการปลอบประโลม

ฮองเฮาเคยเป็นดังยาคลายกังวลของบรรดาขุนพลและที่ปรึกษากองทัพสตรีเช่นพวกนาง เป็นคนวางแผนให้พวกนางบุก และวางแผนโจมตีต่างๆ บางครั้งถูกคนรอบข้างสงสัยในความสามารถหรือหวั่นไหวกับความเป็นหญิงของตนเอง ก็จะไม่รู้สึกกลัว เพราะมีฮองเฮาอยู่

ต่อมาแผ่นดินมั่นคง ฮองเฮากลับไม่อยู่แล้ว หญิงสาวที่โดดเด่นในยามศึกสงครามก็ค่อยๆ เงียบหายไร้ซึ่งสำเนียงใดมาจนถึงตอนนี้ ยามนางปรากฏตัวราชสำนักล่าสุดก็ถูกคนเสียดสีต่อหน้า

ขุนพลไป๋ระงับความปวดร้าวในใจ มองซินโย่วพลางคิดว่าหากฮองเฮายังอยู่จะดีเพียงใด

“คุณชายซินสร้างกุศลทางใต้ ข้าได้ยินมาแล้ว เลื่อมใสจริงๆ วันหน้าหากต้องการข้า คุณชายซินติดต่อบุตรสาวข้าได้ตลอดเวลา ตระกูลไป๋ยินดีเป็นม้ารบแนวหน้าให้คุณชาย”

คำพูดขุนพลไป๋ทำให้ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที

ควรรู้ว่านี่เป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนางกับขุนพลไป๋

“ขุนพลไป๋…”

ขุนพลไป๋ยิ้ม “คุณชายอาจรู้สึกว่าวาจานี้อุกอาจไปสักหน่อย แต่ข้าอยากให้คุณชายรู้จุดยืนของตระกูลไป๋”

หากคุณชายซินไม่มีใจคิดแก่งแย่ง นางก็จะเก็บตัว สำหรับนาง ‘ไป๋ลู่’ หากคุณชายซินต้องการแผ่นดินราชวงศ์ต้าซย่า นางก็จะเป็นขุนพลไป๋ที่พร้อมบุกแนวหน้า

การที่นางทำเช่นนี้ เพราะการลงใต้ของคุณชายซินทำให้นางรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ทำให้ฮองเฮาที่อบรมเลี้ยงดูมาผิดหวัง และที่สำคัญไปกว่านั้นก็เป็นเพราะฮองเฮา

คนบนโลกนี้กล่าวเพียงว่า วีรชนพลีชีพเพื่อสหายรู้ใจ สตรีแต่งกายเพื่อชายที่ตนชื่นชม มารดามันสิ สตรีแต่งกายเพื่อชายที่ตนชื่นชม เหตุใดหญิงสาวไม่อาจกระทำเพื่อประการแรกกัน

หากหญิงสาวอื่นไม่อาจกระทำได้ แต่นาง ‘ไป๋ลู่’ ทำได้!

ซินโย่วรับรู้ได้ถึงความจริงใจของขุนพลไป๋ กล่าวขอบคุณจากใจจริง

ส่งขุนพลไป๋สองแม่ลูกกลับไปได้ไม่นาน น้ากุ้ยก็มา

น้ากุ้ยสวมชุดคลุมยาวลวดลายพื้นขาว ที่แขนคล้องตะกร้ามาใบหนึ่ง นั่งรถม้ามาเพียงลำพัง ไม่ได้ให้ผู้ใดมาเป็นเพื่อน

“ท่านก็คือคุณชายซิน?” น้ากุ้ยจ้องมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามารับด้วยดวงตารื้นชื้นส่องประกาย

“ข้าเอง”

น้ากุ้ยรีบแนะนำตนเอง “บ่าวมาจากจวนฉางเล่อโหว เคยเป็นนางกำนัลรับใช้ข้างพระวรกายฮองเฮา วันนี้มาเคารพพระศพฮองเฮาและพี่น้องบ่าว”

ซินโย่วเดินเข้าไปกับน้ากุ้ย ก็เห็นน้ากุ้ยคุกเข่าลงหน้าโลงศพ ก่อนจะนำเครื่องเซ่นไหว้แต่ละอย่างออกมาจากตะกร้า

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท