บทที่ 1063 หลีกให้หมด ท่านนักพรตจักกำราบทุกหน่วย!
ตู้มมม!
ห้วงมิติระเบิดแหลกลาญ พวกจักรพรรดินีบุกไปข้างหน้า ต่อสู้ดุเดือดกับยอดฝีมือวังไท่อี่!
“นักพรตอัษฎสมบูรณ์ ได้เวลาแสดงของท่านแล้ว!”
นักพรตอู๋เหลียงเรียก ‘อัตประวัติโจรปล้นสุสาน’ ออกมา ร้องเรียกตัวละครหลักในนั้น…นักพรตอัษฎสมบูรณ์
เขาย่อมสู้ไม่ได้ ไม่มีพลังพอจะต่อสู้กับยอดฝีมือระดับคลุมฟ้า จำต้องพึ่งนักพรตอัษฎสมบูรณ์
“ช้าไม่ไป เจ้ามันหยาบช้า ตามข้าทีไรไม่เคยเป็นเรื่องดี!”
เสียงของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังออกมา
“ไม่ใช่ หนนี้ไม่ใช่จริง ๆ ข้าเพียงแต่ได้พบสุสานใหญ่แสนโบราณแห่งหนึ่ง จึงนึกถึงท่านทันทีและเชิญท่านออกมาปล้นสุสานโบราณนี้!”
นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยยิ้ม ๆ
“สุสานโบราณ? เยี่ยมยอด ถือว่าเจ้ายังจดจำคำกล่าวของข้า! ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้!”
เสียงของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ดังออกมาจากหนังสือ ครั้งนี้พึงใจในตัวนักพรตอู๋เหลียงมาก
ก่อนนี้ที่นักพรตอู๋เหลียงเรียกเขาออกมาไม่เคยมีเรื่องอื่น ใช้เขาเป็นนักสู้เสมอ เขาโมโหจนเอ่ยบอกนักพรตอู๋เหลียงว่าจากนี้ไปนอกจากการปล้นสุสาน ห้ามไม่ให้เรียกเขาออกมาทำกิจอื่นอีก
“สุสานโบราณ ขอข้าดูหน่อยว่าโบราณเพียงใด!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ก้าวออกจากหนังสือ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสดใส ตั้งใจมาเปิดหูเปิดตากับสุสานโบราณที่นักพรตอู๋เหลียงว่าหน่อย
ทว่าหลังเขาก้าวออกมาสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“บัดซบ เจ้าคนไร้คุณธรรม ลวงข้าอีกแล้ว!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ด่ากราด สุสานโบราณที่ไหนกัน ข้างนอกนี้กำลังเกิดศึกใหญ่ หนนี้นักพรตอู๋เหลียงก็ลวงเขาอีกแล้ว หลอกเขาออกมาเป็นนักสู้!
เขากลายร่างเป็นแสงลำหนึ่งหายจะกลับเข้าไปในหนังสืออีกครา
หารู้ไม่ว่านักพรตอู๋เหลียงปิดหนังสือโบราณอย่างรวดเร็ว และเก็บเข้าศาสตราบรรจุของ ทำให้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ไม่อาจกลับเข้าไปอีก
“ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ขืนกลับไปโดยไม่ได้ทำอันใดคงขาดทุนแย่ ท่านนักพรต ลงมือหน่อยเถิด ให้เจ้าพวกเดนตายเหล่านี้ได้ประจักษ์ถึงความเก่งกาจของท่าน!”
นักพรตอู๋เหลียงเอ่ยแย้มยิ้ม
“ไสหัวไปเลย! ท่านนักพรตผู้นี้หาได้มีอารมณ์เช่นนั้นไม่!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ก่นด่า จ้องมองนักพรตอู๋เหลียงด้วยสีหน้าไม่หวังดี เอ่ยเสียงอำมหิต “รีบนำหนังสือโบราณออกมาให้ข้าได้กลับไป มิฉะนั้น ข้าจักอัดเจ้าให้บวมเป็นหัวหมูไปเลย!”
เขากระชากคอนักพรตอู๋เหลียงทันที หากนักพรตอู๋เหลียงไม่ยอมอ่อนข้อเขาจักลงมืออัดนักพรตอู๋เหลียงจริง ๆ
“ดูความดักดานของเจ้าเถิด! ต้องให้พี่สุนัขของเจ้าออกโรง!”
อีกด้านหนึ่ง สุนัขดำคลี่ยิ้มกว้างพลางเอ่ย “นักพรตอัษฎสมบูรณ์ ข้าขอเตือนให้เจ้ายอมเป็นนักสู้แต่โดยดี อย่าหาเรื่องให้ตนเองลำบาก!”
หลังนักพรตอัษฎสมบูรณ์ได้ยินคำกล่าวของสุนัขดำก็เดือดดาลขึ้นมาทันที ต่อว่าอย่างไม่พอใจ “สุนัขดำอย่างเจ้าบังอาจข่มขู่ข้ารึ? ระวังเถิดท่านนักพรตจะจับเจ้าไปตุ๋นเป็นแกงเนื้อหมา!”
“เจ้าว่าตุ๋นแกงอะไร”
เวลานั้นเอง เสียงเย็นเยียบดังขึ้น นักพรตอัษฎสมบูรณ์สะดุ้งโหยง เอ่ยกับสุนัขดำด้วยตัวสั่นเทา “เจ้านำภาคต่อมาด้วยหรือ?!”
เสียงนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เจ้าของเสียงนี้ทรมานเขาเจียนตายในภาคต่อ!
เขานึกสงสัยอยู่ว่าในภาคต่อเขาอาจไม่ใช่ตัวเอกอีกแล้ว เจ้าของเสียงนี้ต่างหากที่เป็นตัวเอก!
ใช่แล้ว เสียงนี้มาจากหนังสือภาคต่อ… ‘ชีวิตอันรันทด’
เจ้าของเสียงคือราชันทมิฬที่นักพรตอัษฎสมบูรณ์กลัวถึงขีดสุดจนต้องปฏิเสธเสียงแข็งว่ามีภาคต่ออยู่!
“เจ้าคิดว่าอย่างไร!”
สุนัขดำคลี่ยิ้ม เรียกหนังสือภาคต่อ ‘ชีวิตอันรันทด’ ออกมา สุนัขยักษ์สีดำผู้เกรียงไกรตัวหนึ่งก้าวออกมา!
สุนัขยักษ์สีดำผู้นี้ก็คือราชันทมิฬ!
ยามเมิ่งจีส่งข่าวมาได้บอกมันแล้วว่าที่นี่อาจมีสงครามน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในประวัติศาสตร์ปะทุ ขอให้มันเตรียมตัวไว้
เพราะอย่างนั้น ยามมานี่มันจึงตั้งใจนำหนังสือมาด้วย ถึงอย่างไรหนังสือภาคต่อสามารถอัญเชิญราชันทมิฬ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้อย่างมาก
“เปล่านี่ ท่านพี่สุนัขคงฟังผิดไป ข้าเอ่ยว่าตุ๋นแกงมังกรบำรุงร่างกายให้พี่สุนัข!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ปอดแหกทันทีที่เจอราชันทมิฬ รีบเข้าไปเอ่ยพะเน้าพะนอ
เขาไม่กล้าต่อปากกับราชันทมิฬจริง ๆ เมื่อคราวอยู่ในหนังสือก็ถูกราชันทมิฬเล่นงานเสียแทบแย่ อีกฝ่ายโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง
“อะไรนะ บำรุงร่างกายท่านราชันผู้นี้หรือ เจ้าหมายความว่าร่างกายของท่านราชันผู้นี้อ่อนแอหรือ”
ราชันทมิฬปรายตามองนักพรตอัษฎสมบูรณ์เยียบเย็น นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตระหนกจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า
“หาไม่ได้ ร่างกายของพี่สุนัขไฉนเลยจะอ่อนแอ! ข้าไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตตนใดแข็งแรงกว่าพี่สุนัขเลย!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์รีบบอก “ข้าหมายความว่าตุ๋นแกงมังกรให้พี่สุนัขดื่ม! เพราะข้าจำความชอบของพี่สุนัขได้ดี! พี่สุนัขชอบดื่มแกงมังกรที่สุด!”
ราชันทมิฬถึงหายโมโห มองนักพรตอัษฎสมบูรณ์ด้วยสายตาราบเรียบ “ค่อยน่าฟังหน่อย!”
อีกด้าน นักพรตอู๋เหลียงและสุนัขดำแทบตาค้าง
สรรพสิ่งล้วนมีสิ่งที่ศิโรราบให้ ราชันทมิฬจับนักพรตอัษฎสมบูรณ์ได้อยู่หมัด!
“ช่างเถิด รีบลงมือเข้า ขืนช้าศึกจบก่อนพอดี!”
ราชันทมิฬจ้องมองนักพรตอัษฎสมบูรณ์พลางกล่าว
“กลุ่มกากเดนเช่นนี้ไฉนต้องให้พี่สุนัขลงมือเอง ข้าจัดการเอง!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ยกับราชันทมิฬอย่างเอาใจ
“ได้ เช่นนั้นเจ้าไปเถิด” ราชันทมิฬกล่าว
“ได้เลย!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตอบ บุกไปหายอดฝีมือวังไท่อี่ทันที
ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ถูกเล่นงานกลับมา หน้าตาบวมช้ำ บาดแผลเต็มกาย พลังปราณอ่อนบางอย่างยิ่งยวด!
“บัดซบ ข้าลืมไป ภาคแรกกับภาคต่อยังไม่ได้ผนึกเป็นหนึ่ง พลังของข้าไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุด ไม่ใช่คู่มือของคนกากเดนพวกนี้เลย!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ยเสียงสะอื้นไห้
ต้องประสานภาคแรกกับภาคต่อเป็นหนึ่งเขาจึงจะระเบิดพลังกล้าแกร่งที่สุดออกมาได้ หากไม่ได้ประสานเป็นหนึ่ง เขาจักมีพลังเพียงครึ่งเดียว
แน่นอนว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในลักษณะนี้ ราชันทมิฬหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
ราชันทมิฬปรากฏตัวแต่ในภาคต่อ และไม่เคยปรากฏตัวในภาคหนึ่ง มีเพียงภาคต่อราชันทมิฬก็สามารถระเบิดพลังสูงสุดออกมาได้
นักพรตอัษฎสมบูรณ์นั้นปรากฏทั้งในภาคแรกและภาคต่อ ย่อมไม่ใช่คู่มือของยอดฝีมือวังไท่อี่ เขาไม่ถูกสังหารทันทีก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“เช่นนี้นี่เอง!”
หลังนักพรตอู๋เหลียงได้ยินก็เรียกภาคแรกออกมาทันที จากนั้นภาคแรกกับภาคต่อลอยมาอยู่ด้วยกัน เปล่งแสงเจิดจ้า หนังสือทั้งสองเล่มประสานเป็นหนึ่ง
ทันใดนั้น รัศมีของนักพรตอัษฎสมบูรณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง น่าประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นเหลือแสน ให้ความรู้สึกลึกล้ำเกินหยั่ง!
“คราวนี้ก็เรียบร้อย! คอยดูข้าอัดเจ้ากากเดนพวกนั้นให้แหลกลาญเถิด!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์มั่นใจเหลือล้น ประกาศกร้าวว่าสามารถกำราบยอดฝีมือวังไท่อี่ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
“หนนี้อย่าถูกเล่นงานจนหน้าตาบวมช้ำกลับมาอีกเล่า น่าขายหน้า!”
ราชันทมิฬบอกกับนักพรตอัษฎสมบูรณ์
“พี่สุนัขวางใจได้ ครั้งนี้ไม่ขายหน้าแน่!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์ตบหน้าอกพลางกล่าว
เขาผู้รวมพลังเป็นหนึ่งแล้วมีพลังเบ็ดเสร็จ ขอบเขตคลุมฟ้าก็ไม่ไหวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา มั่นใจว่าเล่นงานได้ทั้งหมด!
“ได้ เจ้าไปเถิด ข้าไม่ขอออกโรงแล้วกัน”
ราชันทมิฬพยักหน้า รู้ว่านักพรตอัษฎสมบูรณ์เก่งกาจเพียงใด นักพรตอัษฎสมบูรณ์ผู้ผนึกพลังแล้วคงไม่มีปัญหาอันใดอีก
จากนั้น นักพรตอัษฎสมบูรณ์บุกเข้าไปในสนามรบอีกครั้ง
“หลีกไปให้หมด ท่านนักพรตของเจ้าจักกำราบทุกหน่วยเอง!”
คราวนี้ นักพรตอัษฎสมบูรณ์ปรี่เข้ามาถึงสนามรบด้วยความมาดมั่น เอ่ยว่าพวกจักรพรรดินีถอนกำลังได้ เขาคนเดียวจัดการได้ทั้งหมด
หลังพวกจักรพรรดินีได้ยินคำกล่าวของนักพรตอัษฎสมบูรณ์ก็ชะงักกันหมด
ไม่ให้พวกเขาชะงักอย่างไรไหว
ก่อนนี้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ก็กล่าวเช่นนี้ อ้างว่ายอดฝีมือวังไท่อี่ฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่เป็นพวกกากเดน เขาคนเดียวสามารถเล่นงานยอดฝีมือวังไท่อี่ฝ่ายตรงหน้าได้ทุกตน
ทว่าสุดท้ายเล่า นักพรตอัษฎสมบูรณ์ถูกเล่นงานจนหน้าตาบวมช้ำทันทีที่ลงสนาม หากไม่ใช่ว่าจักรพรรดินีตวัดบุกเข้ามาช่วงเส้นยาแดงผ่าแปด ระงับการโจมตีถึงชีวิต นักพรตอัษฎสมบูรณ์คงชีวิตหาไม่ไปแล้ว!
เหตุใดบัดนี้นักพรตอัษฎสมบูรณ์ถึงใช้ลูกไม้เดิมอีกแล้ว?
“พี่ชาย ท่านเอาจริงหรือ”
สือเฟิงถามอย่างอดไม่ได้
“เอาจริง! วางใจเถิด หนนี้ข้ากำราบทุกหน่วยได้แน่!”
นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ยเสียงแน่วแน่ เอ่ยว่าถอยกลับไปชมการแสดงจากเขาก็พอ เขากำราบพวกกากเดนวังไท่อี่ได้โดยไม่กดดันสักนิด
“ได้ เช่นนั้นพวกเราถอยก่อน!”
พวกจักรพรรดินีเห็นว่านักพรตอัษฏสมบูรณ์ยืนกราน จึงไม่ได้ห้ามปรามและพากันล่าถอยออกจากสนามรบ
อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้ไปไกล อยู่รอบ ๆ นี้เผื่อนักพรตอัษฎสมบูรณ์สู้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ พวกเขายังสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือนักพรตอัษฎสมบูรณ์ออกมา
ขณะที่พวกจักรพรรดินีถอนตัวออกจากการต่อสู้กำลังฟาดฟันกับยอดฝีมือวังไท่อี่อย่างดุเดือด และยอดฝีมือวังไท่อี่เหล่านี้ก็ไม่ได้หยุดยั้งการถอนกำลังของพวกจักรพรรดินี ซ้ำยังยอมถอยกลับไปเอง!
ก่อนนี้พวกเขาคิดว่าต่อให้พวกจักรพรรดินีมียอดศาสตราในมือก็ยากจะสำแดงพลานุภาพของมัน ด้วยพลังระดับพวกเขา ปราบปรามพวกจักรพรรดินีได้ไม่เป็นปัญหา
ทว่าหลังพวกเขาเผชิญหน้ากับพวกจักรพรรดินีแล้วถึงตระหนักว่าพวกเขาประเมินพวกจักรพรรดินีต่ำไปจริง ๆ!
ไม่!
พูดให้ถูกคือ พวกเขาประเมินยอดศาสตราในมือพวกจักรพรรดินีต่ำเกินไป!
ขอบเขตของพวกจักรพรรดินีต่ำเกินไป ไม่มีขอบเขตคลุมฟ้าสักคน ส่วนยอดฝีมือเหล่านั้นวิเศษน่าครั่นคร้าม พวกเขามองว่าด้วยขอบเขตของพวกจักรพรรดินีไม่มีทางรีดเร้นอานุภาพของยอดศาสตราเหล่านั้นออกมาได้เลย
แต่ผลคือยอดศาสตราเหล่านนี้ไม่ต้องให้พวกจักรพรรดินีรีดเร้นแต่อย่างใดก็ระเบิดพลังแสนสยดสยองออกมาได้ จนพวกเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยลำบาก บางคนรู้สึกไม่ใช่คู่มือของพวกจักรพรรดินีด้วยซ้ำ!
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาอยากให้พวกจักรพรรดินีถอนตัวจากการต่อสู้แทบแย่ จะได้ถือโอกาสนี้พักหายใจและประวิงเวลาออกไปจนกระทั่งยอดฝีมือดินแดนใหม่ที่เหลือมาถึง
ทันทีที่ยอดฝีมือดินแดนใหม่ที่เหลือมาถึง พวกจักรพรรดินีย่อมสู้ไม่ไหวอีกอย่างแท้จริง แข็งแกร่งเพียงใดก็ต้องถูกประหารอยู่ดี!
เพราะยอดฝีมือดินแดนใหม่ที่จะมาถึงไม่เพียงแต่มีความสามารถดุดัน ซ้ำยังจำนวนมากล้น ไม่ใช่ผู้ที่พวกจักรพรรดินีต่อกรด้วยได้เลย!
“พวกเจ้า…เตรียมตัวหรือยัง เตรียมถูกท่านนักพรตปราบปรามหรือยัง”
เวลานั้น นักพรตอัษฎสมบูรณ์เอ่ยขึ้น เดินมาพร้อมมือไพล่หลัง ท่าทางประหนึ่งปรัชญาจารย์ผู้บรรลุวิถี แฝงไว้ด้วยมาดยอดฝีมือ มองจ้องเหล่ายอดฝีมือวังไท่อี่ด้วยสีหน้าเฉยชา
เหล่ายอดฝีมือวังไท่อี่เห็นท่าทางอวดเบ่งของนักพรตอัษฎสมบูรณ์แล้วแทบหัวเราะจนลงไปกลิ้งกับพื้น!
พับผ่าสิ เมื่อครู่ถูกพวกเขาเล่นงานจนหนีหัวซุกหัวซุนประดุจสุนัขไร้เจ้าของ บัดนี้กลับมาวางมาดใส่พวกเขาอีกแล้วรึ
ตลกเกินไปแล้ว!