หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 150 อุบายของใคร

บทที่ 150 อุบายของใคร

บทที่ 150 อุบายของใคร

คำพูดนี้ก็ไทเฮาทำให้หลานเยาเยารู้สึกไม่สบายใจ นางไม่รู้ที่ไทเฮาพูดออกจากปากว่าเสียดายนั้น คือเสียดายแทนฮองเฮา หรือว่าพูดถึงตัวเอง?

เดิมทีนึกว่าหลังจากออกมาจากตำหนักของไทเฮาแล้ว ก็สามารถกลับจวนได้

แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางยังเดินออกไปไม่พ้นหน้าประตูใหญ่ของพระราชวัง ก็มีคนเรียกนางไว้อีกครั้ง

คนๆนี้ไม่ใช่คนจากตำหนักของไทเฮา แต่เป็นองครักษ์ลับของเย่แจ๋หยิ่ง เขาพูดว่า หาพระราชธิดาจาวหยาวเจอแล้วที่ห้องลับในตำหนักของฮองเฮา ให้นางรีบตามไป

เพราะว่าเรื่องที่พระราชธิดาจาวหยางโดนหนอนพิษกู่ควบคุมยังไม่จบ

ก็หมายถึงว่า ยาถอนพิษที่นางให้ไปไม่ได้ผล หนอนพิษกู่ในร่างกายที่ควบคุมพระราชธิดาจาวหยาง

เป็นไปได้เช่นไร?

ขณะที่ต่อสู้กับพระรชธิดาจาวหยางที่ถูกควบคุม นางได้ตรวจเส้นชีพจรของนางแล้ว และนางก็ให้ยาเหมาะสมกับโรค

ทำไมถึงยังแก้ไม่ได้?

ต้องเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นแน่ๆ?

คิดถึงตรงนี้ นางไม่พูดมากรีบตรงดิ่งไปยังตำหนักของฮองเฮาทันที

มาถึงตำหนักฮองเฮา รู้สึกบรรยากาศที่แปลกๆ ในตำหนักมีคนมากมาย เย่แจ๋หยิ่งและฮ่องเต้ก็อยู่

พวกเขาทั้งสองมองดูคนที่อยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก หลานเยาเยาก็มองไปตามทางที่พวกเขามองอยู่

มองเห็นเพียงแต่ผ้าปูเตียงที่ห้อยลงมา มองไม่ชัดว่าคนในนั้นคือโหลวเย่วหรือไม่ แต่กลับเห็นหมอหลวงจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ข้างเตียง ในนั้นมีหัวหน้าโรงหมอหลวงกำลังตรวจชีพจรด้วยเส้นด้าย สีหน้าดูเป็นกังวล

ครู่ต่อมา ก็เห็นหัวหน้าหมอหลวงส่ายหัว

หลานเยาเยารีบขึ้นไปด้านหน้าเพื่อถาม : “เป็นเช่นไรบ้าง?”

“เรียนพระชายาเย่ วิชาการรักษาของข้าน้อยไร้ความสามารถ ชีวิตของพระราชธิดาน่าเป็นห่วงมาขอรับ!” หัวหน้าโรงหมอหลวงก้มหัวลง ด้วยความรู้สึกผิด

“ข้าขอดูหน่อย!”

ในใจของหลานเยาเยามีข้อสงสัยมากมาย รีบไปตรวจชีพจรทันที ชีพจรเช่นนี้ ทำให้จะตกใจ

ในร่างกายของโหลวเย่วมีหนอนพิษกู่อยู่จริง แต่หนอนพิษกู่นี้กลับไม่เหมือนกับหนอนพิษกู่ก่อนหน้านี้ ข้อสงสัยในใจยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น นางได้กลิ่นบางอย่างที่เกิดความไม่ปกติขึ้น

แต่ว่า!

ตอนนี้ยังคิดเรื่องมากไม่ได้แล้ว

ชีพจรของโหลวเย่วในตอนนี้ หากว่ารักษาไม่ทันเวลา อาจจะโดนท่านยมราชเชิญไปจิบน้ำชาได้ทุกเวลา

จึงได้หยิบกระดาษพู่กันขึ้นมาทันที หลังจากเขียนรสชาติยาลงไปไม่กี่อย่าง ก็รีบออกไปเตรียมอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าใจของหลานเยาเยาจะคิดอยู่แต่เรื่องอาการป่วยของโหลวเย่ว แต่ก็ได้คอยสังเกตความเป็นไปของคนในห้องอยู่เป็นระยะ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เย่แจ๋หยิ่งจากไป แม้ว่าฮ่องเต้จะอยู่ตลอด แต่สีหน้ากลับดูนิ่งเฉยเกินไป เพียงเมื่อสายตาของเขามาจับจ้องอยู่ที่นางนั้น สีหน้าก็ดูมีความสงสัยอย่างหนัก

หลานเยาเยาเคลื่อนสายตามาจับจ้องที่มือของโหลวเย่ว ม่านที่กั้นอยู่นั้นทำให้มองคนที่อยู่ด้านในไม่ชัด ดังนั้นนางจึงยื่นมือ คิดจะแหวกม่านออก……

ฮ่องเต้ก็เปล่งเสียงขึ้นทันที

“น้องสะใภ้รู้วิชาการรักษาหรือ?”

เผชิญหน้ากลับความคลางแคลงใจของฮ่องเต้ หลานเยาเยาก็ไม่ได้แสดงความตกตะลึงใดๆ แต่กลับพยักหน้าเบาๆ

เมื่อสักครู่ได้ตรวจชีพจรให้โหลวเย่ว หากฮ่องเต้ไม่ใช่คนโง่ ก็ต้องดูออกเป็นแน่ว่านางรู้วิชาการรักษา

เพียงแต่……

นางก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

“ไม่รู้ว่าวิชาการรักษาของน้องสะใภ้ไปเรียนมาจากที่ไหน?” ฮ่องเต้ถามคำถามอีกครั้ง

“ตอนอยู่ที่จวน เรียนรู้จากจื่อซีมานิดหน่อย เมื่อสักครู่รีบร้อนไปหน่อยจึงได้แสดงความสามารถอันต่ำต้อยของตัวเองออกไป”

พูดไปก็แหวกม่านไปด้วยความธรรมชาติ มองเห็นคนด้านใน หลานเยาเยาถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย

หรือว่านางจะคาดเดาผิดพลาดไป?

ใบหน้าของคนด้านในนั้นเป็นใบหน้าของโหลวเย่วจริงๆ เพียงแต่ใบหน้านั้นดูแปลกๆ

นี่ทำให้หลานเยาเยาขมวดคิ้วเขาหากันทันที

จากนั้นก็หันไปมองที่ฮ่องเต้ ถามด้วยความสงสัยว่า : “ท่านอ๋องของบ้านข้าเมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้มิใช่หรือ? ทำไมตอนนี้หาไม่พบแล้วล่ะ?”

“อ๋องเย่มีเรื่องต้องจัดการจึงออกไปก่อนแล้ว!”

ในสถานการณ์ความเป็นความตายของโหลวเย่ว เป็นไปได้เช่นไรที่เย่แจ๋หยิ่งจะออกไปก่อน?

“อ๋อ!”

หลานเยาเยาไม่ได้พูดต่ออีก เพียงแค่รอยาต้มเสร็จอย่างเงียบๆ ในระหว่างนั้นฮ่องเต้ได้สอบถามเรื่องที่เกี่ยวกับฮองเฮามากมาย ก็โดนนางตอบปัดๆไปหมด

หลังจากรอจนโหลวเย่วกินยาถอนพิษแล้ว ก็อาเจียนเป็นหนอนพิษกู่ออกมา

มองดูเดิมทีที่ควรจะฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้โหลวเย่วกลับนอนไม่ได้สติอยู่ นางจึงจงใจพูดกับฮ่องเต้ว่าจะพาโหลวเย่วกลับจวนอ๋องเย่ แต่กลับโดนฮ่องเต้ตอบปฏิเสธทุกทาง

สุดท้ายไม่มีทางเลือก หลานเยาเยาจึงได้ออกจากพระราชวังไป

ในตำหนักฮองเฮา องครักษ์ที่มีวิทยายุทธสูงส่งที่ซ่อนอยู่บนคานห้องก็ถูกกระจายออกไป จากนั้นก็สั่งให้คนลงมือสังหารโหลวเย่วที่นอนอยู่บนเตียง

ขันทีข้างกายผู้หนึ่งเดินเข้าไปถาม : “ทำไมฮ่องเต้จึงปล่อยให้พระชายาเย่จากไปล่ะพะยะค่ะ?”

พระชายาเย่ผู้นี้ ไม่ได้เหมือนกับที่ล่ำลือกันว่าไม่มีอะไรดี

แต่กลับเป็นคนที่ปกปิดความสามารถไว้ หากว่าปล่อยเสือกลับคืนภูเขา เกรงว่าต่อไปจะสร้างความเดือดร้อนอย่างไม่สิ้นสุด!

“นางได้วิชาการรักษาแล้วยังไง? ก็ไม่ได้เป็นหลักฐานว่านางมาปรากฏตัวที่ตำหนักของฮองเฮา” แม้ว่าจะควบคุมตัวนางเอาไว้ ก็จะเป็นเพียงการยั่วให้อ๋องเย่โกรธ

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ได้มาวันนี้ก็ไม่น้อย

“งั้นยาพิษที่ค้นพบจากห้องลับจะจัดการเช่นไรดีพะยะค่ะ?”

“เก็บไว้ก่อน”

“พะยะค่ะ!”

“ไป เตรียมให้ข้า ข้าจะออกราชโองการฉบับหนึ่ง” ในแววตาของฮ่องเต้ปรากฏออกมาถึงการวางแผน…….

นอกประตูวัง

หลานเยาเยามาถึงหน้ารถม้าของตัวเอง เพียงค่อยๆเหลือบมองคนขับรถม้าแวบหนึ่ง คนขับรถม้าก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย

นางก็ขึ้นรถม้าทันที

มองเห็นโหลวเย่วที่ดูซูบโทรมอยู่ในรถม้า และฮัวหยู่อันที่หน้าตาภาคภูมิใจ ในใจนางก็เข้าใจได้ทันที

โหลวเย่วที่อยู่ในตำหนักของฮองเฮาคือตัวปลอม

เดาว่าฮ่องเต้ต้องการจะทดสอบนางจึงได้วางแผนนี้ขึ้นมา คิดไม่ถึงในเรื่องที่เกี่ยวกับฮองเฮานางไม่ได้แสดงพิรุธออกมา แต่กลับเปิดเผยถึงวิชาการรักษา

และก็ไม่รู้ว่านี่คือเรื่องดีหรือไม่ดี?

เพียงแต่องครักษ์ลับที่มาแจ้งข่าวและเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ในตำหนักฮ่องเฮาเรื่องเป็นเช่นไรกันแน่?

แต่ทว่า!

ฮ่องเต้ที่ผ่านเรื่องราวการตายของฮองเฮามา จะสามารถคิดแผนการที่แยบยลขนาดนี้ได้เช่นไร?

“โม่เหลียงเฉินล่ะ?”

“หลังจากที่ออกจากวังก็ไปแล้ว”

ความจริงคือถูกนางยั่วโมโหจนจากไป ใครให้เขาพาคนๆหนึ่งออกมาแล้วก็ทำท่าทางอิดๆออดๆกันล่ะ

“ก่อนหน้านี้เจ้าเอาคนไปซ่อนไว้ที่ไหน?” นางนึกสงสัยในข้อนี้

“เรียนคุณหนู ซ่อนที่พระตำหนักเย็นเพคะ”

พระตำหนักเย็น?

เหอะ กลับเป็นที่ซ่อนตัวที่ดีเลยทีเดียว ฮัวหยู่อันก็ไม่ได้โง่นี่นา!

เพียงแต่ ท่าทางที่ฮัวหยู่อันบอกกับนางดูแปลกๆ ดังนั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปถาม : “เจ้ากินยาผิดหรือไง?”

ทั้งยังทำตัวเคารพนอบน้อมต่อนางอีก ทำให้นางขนลุกขนพอง

“หามิได้เจ้าคะ ข้าน้อยฐานะต่ำต้อย ก็ควรต้องเคารพนอบน้อมต่อคุณหนู” คิดว่านางอยากทำหรือไง? ก็กลัวหลานเยาเยาที่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่เอานางไปฝังทั้งเป็น

“สำนึกได้ก็ดี”

“……”

หลังจากกลับถึงจวนอ๋องเย่ หลานเยาเยาให้คนพาโหลวเย่วกลับไปที่ลานหนวนซิน ขณะคิดจะหันตัวแล้วไปที่ลานของตัวเอง กลับได้ยินพ่อบ้านบอกว่าฮ่องเต้ได้ออกพระราชโองการ

ในห้องรับแขก ขันทีอ่านประกาศพระราชโองการ โดยรวมแล้วมีเนื้อหาสองเรื่องด้วยกัน

หนี่งคือ มีคนแอบอ้างปลอมเป็นพระราชธิดาจาวหยางในพระราชวัง โดนประหารชีวิตแล้ว

สองคือ ชื่นชมวิชาการรักษาชั้นสูงของหลานเยาเยา ทั้งมอบรางวัลให้มากมาย

หลานเยาเยารับพระราชโองการ ด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก

ฮ่องเต้นี่กำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?

เย่แจ๋หยิ่งเพิ่งจะกลับมาถึงตอนช่วงเวลาใกล้ค่ำ เมื่อเขากลับมาก็ตรงไปที่ห้องหนังสือทันที มองดูจดหมายในมือ แล้วก็ถอนหายใจยาวๆ

“ก๊อกก๊อกก๊อก……”

หลานเยาเยาถือโจ๊กมาถ้วยหนึ่งพร้อมเคาะประตูห้องหนังสือจนเกิดเสียง เดิมทีคิดว่าเย่แจ๋หยิ่งจะให้นางเข้าไป แต่กลับไม่ได้ให้เข้าและกลับได้ยินเสียงอันสุดแสนจะเย็นชาดังมาจากด้านใน

“ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมารบกวน!”

เอ่อ…….

อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้เชียว?

คงไม่ใช่เพราะโม่เหลียงเฉินเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดในวันนี้ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบหรอกนะ?

“แฮ่มแฮ่ม ข้าเอง”

คนที่อยู่ข้างในเหมือนจะชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็ตอบเหมือนเดิมว่า : “เจ้าก็ไม่ได้!”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท