ตอนที่ 319 จบกัน
นายหญิงผู้เฒ่าอ้าปากค้าง จนลืมหุบ
นางได้ฟังอันใดไปนี่ ไทเฮาทรงคิดว่าซิ่วอ๋องเหมาะสมกับชิงชิง!
คำว่าเหมาะสมนี้ใช่คำว่า ‘เหมาะสม’ ของการแต่งงานชายหญิงหรือ
ปฏิกิริยาแรกของนายหญิงผู้เฒ่าก็คือนางต้องเข้าใจความหมายของไทเฮาผิดเป็นแน่
ไม่เช่นนั้นจะให้นางเชื่อว่าไทเฮาทรงอยากให้หลานสาวนางเป็นพระชายาหรือ
เรื่องนี้ไม่ต่างอันใดกับให้นางเชื่อว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
“นายหญิงผู้เฒ่า?” ไทเฮาส่งเสียงเรียกนายหญิงผู้เฒ่าอย่างใจเย็น ไม่รู้สึกตกพระทัยกับปฏิกิริยาของนายหญิงผู้เฒ่า
ตำแหน่งพระชายาที่เป็นดังขนมเปี๊ยะสอดไส้ก้อนโตนี้ตกลงบนศีรษะกะทันหัน ปฏิกิริยาเช่นนี้ย่อมปกติ ไยนางต้องรู้สึกแปลกใจด้วย
นายหญิงผู้เฒ่าพลันตั้งสติได้ รีบขอรับโทษ “หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”
ไทเฮาแย้มสรวล “นายหญิงผู้เฒ่าคิดว่าการแต่งงานนี้เป็นอย่างไร”
นายหญิงผู้เฒ่าค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง ถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ไทเฮา ความหมายของไทเฮาก็คือต้องการจับคู่ให้ซิ่วอ๋องกับชิงชิงหรือเพคะ”
ไทเฮาพยักพระพักตร์ “ข้าย่อมต้องการให้ซิ่วอ๋องหลานชายคนโตแต่งโค่วชิงชิงหลานสาวของเจ้าเป็นพระชายา ดังนั้นจึงได้เชิญนายหญิงผู้เฒ่าเข้าวังมาสอบถาม”
ไทเฮาตรัสถึงตรงนี้ ก็แย้มสรวลตรัสว่า “แม้เป็นราชวงศ์ แต่ก็ไม่ควรบังคับแต่งจริงไหม”
วาจาแม้กล่าวเช่นนี้ แต่หากกล้าปฏิเสธก็เรียกได้ว่าผู้กล้าแล้ว
สำหรับนายหญิงผู้เฒ่า อย่าว่าแต่ไม่กล้าปฏิเสธ ยังรู้สึกประหลาดใจระคนยินดีอย่างที่สุด
หลานสาวกำพร้าบิดามารดาจะได้เป็นพระชายา?
แม้ชิงชิงมีความไม่พอใจจวนรองเจ้ากรม แต่เนื้อเปื่อยอยู่ในหม้อจะไปไหนเสีย ในสายตาคนนอก จวนรองเจ้ากรมก็คือญาติเพียงหนึ่งเดียวของชิงชิง เป็นครอบครัวตระกูลก่อนออกเรือนของนาง พวกนางจะได้เป็นตระกูลฝ่ายพระชายา วันหน้าจวนรองเจ้ากรมจะได้รับผลประโยชน์มากมายเพียงใด นายหญิงผู้เฒ่าแค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ส่วนวันหน้าซิ่วอ๋องจะกลายเป็นรัชทายาทหรือฮ่องเต้นั้น …นายหญิงผู้เฒ่าหัวใจเต้นรัว ด้วยอายุวัยนาง ทนความตื่นเต้นที่จะคิดต่อไปไม่ไหว
“ได้คู่ครองยอดเยี่ยมเช่นซิ่วอ๋อง นับเป็นวาสนาของชิงชิงที่สั่งสมมาเพคะ”
นายหญิงผู้เฒ่ากลับจวนรองเจ้ากรมด้วยอาการดีใจสุดขีด จะสั่งการให้คนไปเรือนหว่านฉิงเชิญคุณหนูนอกมาเรือนหรูอี้ถัง พลันตั้งสติได้ว่าหลานสาวไม่อยู่บ้าน
ชิงชิงไม่อยู่บ้าน!
นายหญิงผู้เฒ่ามึนงงขึ้นทันที
วันเวลาเกิดของหลานสาว นางให้ไทเฮาไปแล้ว ราชโองการสมรสพระราชทานไม่รู้จะมาถึงเมื่อใด ชิงชิงจะไม่อยู่บ้านได้อย่างไร!
“รีบไปที่ทำการตามนายท่านใหญ่กลับมา”
รองเจ้ากรมต้วนได้รับข่าวว่าที่บ้านมีเรื่องด่วน ในใจก็อดเต้นรัวไม่ได้
ระยะนี้ที่บ้านนับว่าเงียบสงบดี จะมีเรื่องด่วนอันใดได้
ควรรู้ว่าวันเวลาเงียบสงบนี้เพราะหลานสาวแล่นออกไปเป็น ‘คุณชายซิน’ เขากลัดกลุ้มใจทึ้งผมกับเรื่องนี้จนศีรษะแทบล้าน จะมีเรื่องด่วนอันใดได้อีก
รองเจ้ากรมต้วนทั้งใจเต้นไม่เป็นจังหวะทั้งรู้สึกอัดอั้นตันใจ รีบกลับถึงบ้าน พอได้ฟังนายหญิงผู้เฒ่าเล่าจบก็ล้มกระแทกเก้าอี้
“จบกัน จบกัน จบเห่กัน…” รองเจ้ากรมต้วนดวงตาเหม่อลอย สีหน้าค้างตึง เริ่มทึ้งผมอีกครั้งแล้ว
นายหญิงผู้เฒ่าทนดูไม่ไหว “เหวินซง เจ้ายิ่งทึ้งก็จะยิ่งล้านแล้ว”
มือที่กำผมของรองเจ้ากรมต้วนชะงักก่อนฝืนใจปล่อยมือลง สีหน้าท่าทางหมดสิ้นความหวัง
นายหญิงผู้เฒ่าไม่เข้าใจปฏิกิริยาของบุตรชาย “หากชิงชิงได้เป็นพระชายา เจ้าก็เป็นลุงของท่านอ๋อง ไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ”
รองเจ้ากรมต้วนมองมารดาไร้เดียงสาของตนทีหนึ่ง ก็แทบจอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “เดิมเป็นเรื่องดีเทียมฟ้า แต่ชิงชิงไม่อยู่นี่สิ”
เห็นท่าทางบุตรชายกลัดกลุ้ม นายหญิงผู้เฒ่ากลับนิ่งสงบกว่า “ดังนั้นจึงต้องตามเจ้ากลับมาอย่างไรเล่า ชิงชิงออกไปไหนไม่ได้บอกกับเจ้าไว้แล้วหรือ หากอยู่ในเขตเมืองหลวง เจ้าก็รีบเขียนจดหมายถึงนางสิ หรือว่าไปรับนางกลับมาด้วยตนเองก็ได้”
รองเจ้ากรมต้วนเหมือนตื่นจากฝัน “ใช่ ข้าจะต้องรีบไปหาชิงชิง!”
เขารู้ว่านังเด็กนั่นอยู่ที่ไหนจริงๆ นังเด็กควรตายนั่นสวมสถานะ ‘คุณชายซิน’ ไปเฝ้าสุสานฮองเฮาซิน!
รองเจ้ากรมต้วนปลอมตัวง่ายๆ รีบขี่ม้าทะยานไปยังสุสานหลวง พอถูกลมหนาวพัดกระทบใส่ตลอดทาง ยิ่งใกล้สุสานหลวง สมองก็ยิ่งกระจ่างชัด
ไม่อาจหลอกตนเองให้ต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว นังเด็กนั่นไม่ใช่โค่วชิงชิงหลานสาวเขา
หากเพียงแค่คิดนึกสนุกชั่วคราว จะลงใต้ไปรับโลงพระศพฮองเฮาซินเข้าเมืองหลวงได้อย่างไร จะไปอยู่สุสานรกร้างห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร นี่มิใช่ปัญหาใหญ่หรือ
จะว่ารองเจ้ากรมต้วนแสร้งเลอะเลือนก็ดี จะว่าโง่เง่าก็ช่าง เขาหมดความอดทนแล้ว คิดว่าพ้นขีดการรับไหวแล้ว แค่แอบคิดสถานะปลอมของหลานสาวก็รู้สึกกลัดกลุ้มจนนอนไม่หลับ พอคิดมากขึ้นมา ก็แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
พอใกล้สุสานหลวงตรงหน้า รองเจ้ากรมต้วนก็ลงจากม้า ถือบังเหียนยืนนิ่ง
นังเด็กนั่นไม่ใช่โค่วชิงชิง จะตามเขากลับไปหรือ
หากไม่กลับไป จวนรองเจ้ากรมจะทำอย่างไรต่อ
ไม่ได้ ต้องพานังเด็กนั่นกลับไปด้วย!
ในเมื่อนังเด็กนั่นปกปิดสถานะมาถึงวันนี้ แสดงให้เห็นว่าต้องการสถานะหลานสาวของเขา หากไม่ตามเขากลับไป เช่นนี้ก็ได้แต่ต้องตายตกไปตามกันแล้ว
ตลอดทางมา รองเจ้ากรมต้วนเองก็คิดหลอกว่าหลานสาวป่วยหนักและปฏิเสธการแต่งงานนี้ทิ้ง แต่ไม่นานก็ล้มเลิกความคิดโง่เง่านี้
ไทเฮาตรัสแล้ว และคู่ที่ทรงเลือกให้ก็คือซิ่วอ๋อง ฮ่องเต้เองก็ทรงรู้แล้ว หากจวนรองเจ้ากรมอยู่ๆ บอกว่าโค่วชิงชิงล้มป่วย ในวังย่อมส่งหมอหลวงมาดู จากนั้นความจริงก็จะถูกเปิดโปง
ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงว่ายังมีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน
หากกล่าวว่าจำหลานสาวผิดยังอาจให้อภัยได้ แต่หากเกี่ยวพันไปถึงการหนีการแต่งงาน ก็จะต้องมีโทษหลอกลวงเบื้องสูงอย่างแน่นอน และเป็นโทษที่ไม่อาจละเว้นได้
คิดถึงจุดจบของการหลอกลวงเบื้องสูง ในใจรองเจ้ากรมต้วนก็แทบอยากจะรีบบังคับนำตัวหลานสาวกลับไป หรือไม่ก็จบสิ้นตายตกไปด้วยกัน!
พอตัดสินใจได้เช่นนี้ รองเจ้ากรมต้วนเบิกทางกับเจ้าหน้าที่เฝ้าสุสานพลางเอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “บอกว่าคุณหนูนอกต้องการพบเขา คุณชายซินได้ยินก็จะรู้เอง”
บีบถุงเงินที่รองเจ้ากรมต้วนยัดใส่มือแล้ว คนผู้นั้นก็เข้าไปรายงานทันที
ซินโย่วได้ฟังก็คาดเดาได้ว่าผู้ที่มาก็คือคนจากจวนรองเจ้ากรม พอออกมาดูก็เห็นรองเจ้ากรมต้วนสวมหมวกสาน เพียงแค่สังเกตนิดหน่อยก็จำได้
เชียนเฟิงกับผิงอันจะตามออกมา แต่ถูกนางห้ามไว้ “ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องคุย พวกเจ้ารอข้าที่นี่ก็พอ”
เชียนเฟิงสบตากับผิงอัน แม้รู้สึกจำใจ แต่ก็จำต้องทำตาม
พวกเขาติดตามซินโย่วมานาน รู้แล้วว่าขอบเขตอยู่ที่ใด
ซินโย่วรู้สึกพึงพอใจกับการรับรู้ความนี้อย่างมาก มีสองผู้คุ้มกันซื่อสัตย์ภักดีก็ย่อมดี แต่หากไม่สนใจความต้องการของนาง การปกป้องนางก็จะกลายเป็นจำกัดเสรีภาพนางแทน
รองเจ้ากรมต้วนมองดูชายหนุ่มที่เดินมาหาเขาด้วยท่าทางสบายๆ แววตาก็พลันพร่าเลือน
เหตุใดนังเด็กนี่แต่งกายเป็นชายได้เหมือนเพียงนี้
ซี๊ด…คงมิใช่ว่านี่คือโฉมหน้าแท้จริงของเขากระมัง เมื่อก่อนเขาแต่งกายเป็นหญิงหรือ
“ท่านลุงมีธุระหาข้า?”
สาวน้อยน้ำเสียงกระจ่างใสดังเข้าโสตประสาทเบาๆ รองเจ้ากรมต้วนอดสะดุ้งไม่ได้
นังเด็กสมควรตายตัวจริง ไม่ผิดตัว!
“เจ้าจะกลับไปเมื่อไร” รองเจ้ากรมต้วนถามขึ้นเบาๆ
“อีกสองสามวันก็จะกลับแล้ว”
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงจวนรองเจ้ากรม ทางร้านหนังสือชิงซงก็ต้องไปปรากฏตัวบ้างเช่นกัน
“เกิดเรื่องแล้ว ตอนนี้เจ้าต้องตามข้าไป”
ในใจซินโย่วกระตุกวาบ
รองเจ้ากรมต้วนไม่ได้พูดกับนางด้วยน้ำเสียงเข้มและท่าทีเคร่งเครียดเช่นนี้มานานมากแล้ว
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“วันนี้ไทเฮาเรียกตัวยายเจ้าเข้าวัง จะพระราชทานงานสมรสให้เจ้ากับซิ่วอ๋อง!”
ซินโย่วตกตะลึง “พระราชทานงานสมรสให้ข้ากับซิ่วอ๋อง?”
รองเจ้ากรมต้วนร้อนใจจนสีหน้าบิดเบี้ยว “เจ้าลืมไปแล้วหรือ ตอนปีใหม่ไทเฮาตรัสต่อหน้าผู้คนว่าจะเป็นแม่สื่อให้เจ้า!”
ขมับซินโย่วเกร็งปูดจนเขียว รู้สึกปวดศีรษะหนึบ มากไปกว่านั้นก็คือยากจะเข้าใจได้
ไทเฮาตรัสว่าจะเป็นแม่สื่อให้นาง เป็นเรื่องจริงหรือ
ไม่ถูกต้อง!