หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 148 ยั่วโทสะฮองเฮา

บทที่ 148 ยั่วโทสะฮองเฮา

บทที่ 148 ยั่วโทสะฮองเฮา

นางไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับวิ่งชนเสาทันที ช่วงเวลาที่คนและเสาชนกัน เงินเหรียญจากตัวของจากก็ร่วงหล่นลงพื้น “กริ้งกร้างๆ”

ฮ่องเต้หลับตาลง คนทั้งคนมีท่าทางดูไม่เหมือนคนที่มีอำนาจบาตรใหญ่ดั่งเช่นก่อนหน้านี้ เหมือนเพียงสุนัขตายที่ไร้แรงกำลัง จนตรอกจนถึงที่สุด!

เดิมทีคิดว่าเรื่องมาเช่นนี้ก็จะสิ้นสุดลง

คิดไม่ถึง……

เมื่อหลานเห็นเลือดที่ทะลักออกมาของแม่นม แววตาดูล่องลอย แสดงอาการขาดอากาศ จากนั้นพูดอย่างเยือกเย็นว่า :

“ไหนๆเรื่องเกิดขึ้นมาแล้ว ข้าจะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงจะเป็นไปไม่ได้ หวังว่าฮ่องเต้จะหาตัวคนผิดที่คิดใส่ร้ายข้าให้เจอ”

แม้ว่าฮ่องเต้คิดอยากจะจัดการนางให้ตาย นางนั้นกลับไม่ได้เอาคืนก็รู้สึกแย่แล้ว เพียงแต่การเอาคืนของนางจะไม่ใช่การทะเลาะหรือก่อความวุ่นวายเล็กๆน้อยๆ แต่จะเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวเพื่อจบชีวิต

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะปล่อยคนทำผิดไว้ได้ไม่ได้แน่นอน ข้าจะให้ศาลต้าหลี่และสิงปู้(กรมอาญา)ร่วมกันสอบสวนเรื่องนี้ พระชายาเย่เสียขวัญแล้ว ให้กลับไปพักผ่อนที่จวนก่อนเถอะ!

หึ!

ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าควรให้ศาลต้าหลี่สอบสวนหรือ

น่าเสียดาย สายไปเสียแล้ว

“ฮ่องเต้ ข้ารู้ว่าเรื่องนี้มีใครที่เกี่ยวข้อง ไม่งั้นลองเชิญนางมา เรื่องทั้งหมดก็จะกระจ่าง”

ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้จะได้พูดจา หลานเยาเยาก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมากางออกต่อหน้าทุกคน……

บนกระดาษมีอักษรเขียนว่า : หากต้องการรู้เบาะแสของพระราชธิดาจาวหยาง ให้รีบเข้าวังโดยด่วน

เพียงแค่อักษรบนกระดาษ ก็เพียงพอต่อการทำให้คนเห็นว่า มีคนจับตัวพระราชธิดาจาวหยางไป แล้วบีบให้หลานเยาเยาเข้าวัง

และลายมือของตัวอักษรนั้นฮ่องเต้ก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี!

ไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ แม้แต่บรรดาพระสนมก็รู้จัก

นอกจากฮองเฮาแล้วจะยังมีใครอีก?

เดิมทีฮ่องเต้ไม่อยากที่จะเอ่ยอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นคำว่าพระราชธิดาจาวหยางนี้แล้ว ใบหน้าก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ฮองเฮาเพื่อที่จะใส่ร้ายหลานเยาเยา ถึงกับต้องจับตัวจาวหยางมา เช่นนี้จะให้เขารับได้อย่างไร?

จาวหยางเป็นถึงลูกสาวที่เขารักและเอ็นดูที่สุดเชียวนะ!

ฮองเฮาบ้าไปแล้วหรือ?

คราวนี้……

“มานี่ ไปเชิญฮองเฮามาหาข้า เชิญมาไม่ได้ก็แบกนางมา”

มองดูฮ่องเต้ที่โกรธจัดจนใบหน้าเกิดอาการกระตุก หลานเยาเยามองดูด้วยความเย็นชา

ผ่านไปไม่นาน ฮองเฮาก็ถูกองครักษ์หลายนายใช้เกี้ยวหามมา สีหน้าของนางซีดขาวราวกระดาษ ร่างกายที่ดูอ่อนแอมาก ประหนึ่งว่าหากโดนลมพัดก็สามารถปลิวได้เช่นนั้น

ในขณะที่สายตาของนางเหลือบไปเห็นหลานเยาเยา ก็มีแววตาแห่งความอาฆาตแค้นปรากฏออกมา

คนสนิทของนางได้บอกนางไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างที่ตำหนักของไทเฮา แม้ว่าต่อหน้านางจะไม่ได้มีปฏิกิริยา แต่ในใจนั้นแค้นจนแทบจะฉีกหลานเยาเยาออกเป็นชิ้นๆ

ในขณะที่ฮ่องเต้คาดคั้นด้วยคำถามหลายๆคำถามนั้น

ฮองเฮาแสดงเพียงสีหน้าที่เย็นชา และไม่มีการแสดงออกอื่นๆ และก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ ทั้งนี้ก็ไม่ได้ยอมรับผิดด้วย

ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน ภายใต้สายตาของทุกคนที่มองดูอยู่จะยังมาบีบบังคับให้นางยอมรับความจริงให้ได้เลยหรือ?

นางเป็นถึงฮองเฮาเชียวนะ!

ใครจะกล้าแตะตัวนาง?

“ฮองเฮา เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เจ้ายังจะมี

อะไรให้พูดอีกหรือไม่? รีบบอกข้ามา จาวหยางอยู่ที่ใด?” ท่าทางของฮ่องเต้ในเวลานี้เป็นห่วงพระราชธิดาจาวหยางเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าภายในจะกำลังคิดอะไรอยู่ ใครจะไปรู้ได้?

เมื่อได้ยินจาวหยางสองคำ ฮองเฮาก็หัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็เคลื่อนสายไปมองยังร่างของหลานเยาเยา อ้าปากขึ้นเล็กน้อย

“คำถามนี้ไม่ใช่ว่าควรจะถามหลานเยาเยาหรอกหรือ?”

ฮองเฮาพูดออกไป!

ทุกคนก็ล้วนหันไปมองที่หลานเยาเยา แต่หลานเยาเยาก็ทำได้เพียงยักไหล่แบบทำอะไรไม่ได้

“คำพูดเช่นนี้ของฮองเฮาหมายความว่าอะไรเพคะ? หน้าประตูจวนอ๋องเย่ ท่านให้ขอทานนำกระดาษแผ่นนี้มาส่งให้กับมือข้า

ข้าก็ทำตามที่ท่านปรารถนา เข้าวัง แต่คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นกับดักที่ท่านวางไว้ อยากจะให้ข้าตายให้ได้ ตอนนี้เรื่องถูกเปิดโปงฮองเฮายังจะใส่ร้ายข้า หาว่าข้าเป็นผู้พาพระราชธิดาจาวหยางไปซ่อนไว้งั้นหรือ?”

ฮองเฮาไม่ได้คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมรึ!

งั้นนางก็จะออกอุบายนิดหน่อย ดูซิว่าหลังจากที่นางตกหลุมพรางแล้ว จะรับมือกับผลที่ตามมาได้หรือไม่

“หลานเยาเยา เห็นๆอยู่ว่าเจ้าเป็นผู้ลักพาตัวพาจาวหยางออกไปจากตำหนักของข้า ตอนนี้คิดจะมาแก้ตัว เจ้าหยุดคิดไปได้เลย!” เมื่อพูดกับหลานเยาเยาจบ ฮองเฮาก็เลื่อนสายตาไปทางฮ่องเต้ทันที “ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ หลานเยาเยากำลังโกหก นางต้องเอาจาวหยางไปซ่อนไว้แน่ๆเพคะ”

เมื่อเผชิญหน้าฮองเฮาที่กำลังแก้ต่าง คราวนี้ฮ่องเต้จึงเกิดความลำบากใจ

“นี่……”

ใครจะรู้……

หลานเยาเยาหัวเราะเยาะออกมา หลังจากนั้นก็พูดเบาๆว่า :

“ฮองเฮาไม่ได้เลอะเลือนใช่หรือไม่? เป็นท่านที่ให้คนส่งกระดาษให้ข้า ให้ข้าเข้าวัง มีเพียงท่านที่จะรู้ว่าจาวหยางอยู่ที่ใด ข้าอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาเฝ้าไทเฮาอยู่ตลอด ทั้งยังได้รับบาดเจ็บ จะไปลักพาตัวจาวหยางมาได้เช่นไร?”

คราวนี้ ฮองเฮาถูกคำพูดของหลานเยาเยายั่วโทสะจนหัวเราะออกมา

“เลอะเลือน? ฮ่าฮ่าฮ่า……ข้ายังไม่เคยตาสว่างเท่านี้มาก่อน ก่อนหน้านี้ที่ตำหนัก เจ้ายังต่อสู้กับจาวหยาวที่ถูกหนอนพิษกู่ควบคุม จากนั้นเจ้าก็ลักพาตัวนางไป เจ้าลืมไปแล้วจริงๆหรือ?”

“”ไอหยาหยาหยา เกิดอะไรขึ้น? ตอนจาวหยางอยู่ที่จวนอ๋องเย่ยังดีๆอยู่เลย ทำไมพอถึงมือท่านก็ไปโดนหนอนพิษกู่ซะได้เพคะ?

หรือว่าจาวหยางดันไปรู้เรื่องที่ท่านไม่สามารถบอกคนอื่นได้ ดังนั้นจึงวางยาพิษนาง?”

ในบทสนทนานี้ได้ข้อมูลเยอะพอสมควร

ถ้าไม่ใช่คนที่โง่มากๆ ก็ควรจะรู้ว่าความหมายที่นางต้องการจะสื่อ

ข้อหนึ่งคือจาวหยางโดนหนอนพิษกู่ควบคุม!

ข้อสองคือสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้คนได้ของฮองเฮาแท้จริงแล้วคืออะไร?

ทุกคนมองฮองเฮาด้วยสายตาที่ไม่ปกติเหมือนเคย ทำให้ฮองเฮาเกิดไฟโทสะคุกรุ่นขึ้นมาโดยฉับพลัน ท่าทีที่ดูอ่อนแอในตอนแรกนั้นเลือนหายไป แสดงแววตาที่ดุดันออกมาทันที

นางกุมบาดแผลที่บริเวณท้อง ค่อยๆลุกยืนขึ้นมา

ก้าวทีละก้าวไปทางหลานเยาเยา

“หลานเยาเยา เจ้า……”

“เอ๊ะ ข้าทำไมหรือเพคะ?” จากนั้นก็ทำเหมือนว่าคิดอะไรได้ รีบพูดขึ้นมาว่า :

“อ๋อ ข้ารู้แล้ว ท่านยังคิดจะฆ่าปิดปากข้า! แต่ว่าวันนั้นไม่มีเพียงข้าผู้เดียวที่ได้เห็นรูปลักษณ์เดิมของท่าน

ไอหย๊า ข้าพูดผิดไปแล้ว ฮองเฮา

ท่านอย่าได้โกรธ หากว่าท่านโกรธขึ้นมาก็จะเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์นั้น จะทำให้คนอื่นตกใจเอาได้นะเพคะ

จื่อซีบอกว่า โฉมหน้าของท่านในตอนนี้ต้องกินยาสมุนไพร เพื่อรักษาไว้ หากไม่มียาสมุนไพร ท่านไม่เพียงจะกลับไปมีโฉมหน้าแบบเดิม ยังเป็นเพราะท่านใช้ยาสมุนไพรเป็นเวลานาน ทำให้โฉมหน้าของท่านเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากจนไม่เหลือเคล้าเดิมในที่สุด”

แต่เมื่อนางยิ่งพูดเช่นนี้ ฮองเฮาก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น

นางอยากจะฆ่าหลานเยาเยาให้ตายไปซะเดี๋ยวนั้น แต่ทุกคนยังอยู่ และท้องของนางก็ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องควบคุมตัวเอง

แต่ทว่าเมื่อคำพูดออกจากปากหลานเยาเยา!

ทุกคนก็ล้วนตกตะลึง

บทสนทนาระหว่างฮองเฮาและหลานเยาเยา ทำให้พวกเขายิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ

โฉมหน้าของฮองเฮาไม่ใช่รูปโฉมนี้ แล้วยังจะมีรูปโฉมไหนอีก? แล้วยังจะกินยาสมุนไพร นั้นมันหมายความว่าอะไร?

เนื่องด้วย!

ก่อนหน้านี้เรื่องที่ฮองเฮาฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้จิตใจของพวกเขาเกิดความหวาดผวา ดังนั้นในเวลานี้พวกเขาจึงได้ถอยห่างจากนางโดยไม่รู้ตัว

แม้แต่สายตาที่ฮ่องเต้มองนางก็แปรเปลี่ยนไปเป็นการมองจากพินิจพิจารณา ทั้งยังส่งสัญญาณให้กับองครักษ์คุ้มครองข้างกายแล้วด้วย เพื่อให้เตรียมการคุ้มกันให้พร้อม

เมื่อเห็นสายตาที่ดูไม่ปกติของทุกคน นัยน์ตาของฮองเฮาเต็มไปด้วยเส้นเลือดทันที ดวงตาคู่เดิมที่น่ามองค่อยๆแดงก่ำ เล็บที่ตัดแต่งอย่างสะอาดเรียบร้อย ก็เริ่มดำขึ้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท