ตอนที่ 618 เดรัจฉานไร้ความเป็นมนุษย์ ตอนที่ 619 เหมือนพวกอันธพาล
ตอนที่ 618 เดรัจฉานไร้ความเป็นมนุษย์
เดิมทีวางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปผจญภัยในช่องแคบหุบเขา แต่เมื่อวานเย็นเกิดเรื่องของเจียงเหอขึ้น พวกเขาจึงเลื่อนแพลนออกไปก่อน เที่ยวเล่นอยู่ในเมืองเยียนอวิ๋นสักสองวัน
เมืองเยียนอวิ๋นไม่ถือว่าใหญ่ นอกจากสถาปัตยกรรมจะมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็งดงามไม่แพ้กัน ทั้งสองคนจึงไม่รู้สึกว่าเที่ยวเล่นในเมืองเป็นการสิ้นเปลืองเวลา
พอถึงวันที่สองในระยะเวลาที่กำหนด เวลาประมาณสิบโมงเช้ามู่เถาเยาก็รับสายแปลกที่โทรเข้ามา
เธอกดเปิดลำโพงอย่างไม่ลังเล เพื่อให้ตี้อู๋เปียนฟังด้วย
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่า…ใช่ทนายมู่ไหมคะ”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมองหน้ากัน ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงอายุราวห้าสิบ ไม่ใช่เจียงเหอ
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าฉันคุยกับใครอยู่คะ”
“ขอโทษที่โทรมารบกวนนะคะ ฉันเป็นแม่ของเจียงเหอค่ะ ขอบคุณที่เมื่อวานซืนช่วยลูกสาวฉันไว้นะคะ”
“คุณป้าไม่ต้องเกรงใจค่ะ ใครเจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องช่วยอยู่แล้วค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ เอ่อ…ทนายมู่มีหนทางที่ช่วยให้เจียงเหอหลุดพ้นจากหลินหาวซุ่นเหรอคะ”
“คุณป้าคะ นี่เป็นความต้องการของพี่เจียงเหอหรือเปล่าคะ” ถ้าใช่ ทำไมเธอถึงไม่โทรเอง
“อันที่จริงเจียงเหอยังลังเลอยู่ เพราะกลัวหลินหาวซุ่นจะมารังควานกับล้างแค้น แต่ป้ากับพ่อของเขาไม่กลัว อย่างมากก็ไปขออาศัยบ้านอาที่แต่งไปอยู่ไกลก่อนได้ หลินหาวซุ่นไม่เคยเจออาของเจียงเหอ ไม่รู้ว่าบ้านอาอยู่ไหน…”
ขอแค่ลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาหลุดพ้นจากคนเฮงซวยคนนั้นได้ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว ต่อให้ทั้งครอบครัวต้องไปจากบ้านเกิดก็ตาม
เรื่องนี้ก็ต้องโทษพวกเขาด้วยที่เลี้ยงลูกให้ไร้เดียงสาเกินไป พอเรียนจบถึงได้ถูกผู้ชายเฮงซวยหลอก
เฮ้อ มานึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“ทนายมู่จ๊ะ เมื่อวานซืนหลังจากเจียงเหอกลับมาก็บอกพวกเราเรื่องนี้ เจียงเหอคิดอยู่หนึ่งวันก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ป้าเลยเอาโทรศัพท์ของลูกมาโทรหาทนายมู่ ตอนนี้เจียงเหอไปทำงานแล้ว เดี๋ยวรอกลับมาพวกป้าจะเกลี้ยกล่อมอีก อยากให้หย่าจริงๆ”
ลูกสาวเพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดปี จะปล่อยให้ผู้ชายเฮงซวยมาทำลายชีวิตแบบนี้ไม่ได้
หลานชายกับหลานสาวเพิ่งสามขวบ ไม่มีพ่อแล้วจะให้ไม่มีแม่ไม่ได้
“คุณป้าคะ ถ้าสะดวก ขอพวกเราไปคุยที่บ้านได้ไหมคะ”
“งั้นรบกวนทนายมู่ด้วยจ้ะ มากินข้าวกลางวันที่บ้านป้าได้พอดี”
“ค่ะ รบกวนคุณป้าบอกที่อยู่ด้วยค่ะ”
“พวกหนูอยู่ที่ไหน เดี๋ยวป้าให้พ่อเจียงเหอไปรับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกเราขับรถมาเอง ไปเองสะดวกค่ะ คุณป้าบอกที่อยู่มาก็พอค่ะ เดี๋ยวพวกเราจดไว้”
“จ้ะ”
แม่เจียงเหอบอกที่อยู่บ้านตัวเอง จากนั้นก็พูดอย่างไม่วางใจ “ถึงบ้านป้าจะอยู่ไม่ไกล แต่พวกหนูเป็นคนนอก น่าจะหาลำบาก ให้พ่อเจียงเหอไปรับดีกว่านะ”
“เมื่อวานพวกเราไปแถวนี้มาค่ะ วางใจได้ค่ะ พวกเราไปถึงก่อนเที่ยงแน่นอนค่ะ”
กลับไปเช็กเอาท์ตอนนี้ ตอนเย็นค่อยหาโรงแรมแถวบ้านครอบครัวเจียงพัก
“งั้นก็ได้จ้ะ ถ้าหาไม่เจอโทรมาได้ตลอดเวลาเลยนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
วางสายเสร็จมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ออกจากทุ่งดอกคาโนล่ากลับโรงแรม
เก็บของ เช็กเอาท์ ขับรถไปบ้านครอบครัวเจียง
ทั้งสองคนไปถึงจุดหมายปลายทางตอนประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง
แม่เจียงเหอพาเด็กแฝดออกมาต้อนรับ วินาทีที่เห็นมู่เถาเยาก็ชะงักไป ถามด้วยความลังเล “ใช่ทนายมู่กับคุณลู่หรือเปล่าจ๊ะ”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “พวกเราเองค่ะคุณป้า”
เด็กแฝดเงยหน้า พูดเป็นเสียงเดียวกัน “สวัสดีฮะพี่สาว สวัสดีฮะคุณอา”
ตี้อู๋เปียน “…”
ทำไมคนหนึ่งเป็นพี่สาว อีกคนเป็นคุณอา ‘พี่สาว’ มันต้องคู่กับ ‘พี่ชาย’ ไม่ใช่หรือไง!
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งลูบศีรษะเด็กทั้งสอง “เด็กๆ ชื่ออะไรกันบ้างจ๊ะ”
“พี่สาว หนูชื่อเจียงลั่วซือ น้องชายชื่อเจียงลั่วเฉิงค่ะ”
ดูแล้วเด็กผู้หญิงร่าเริงกว่าเด็กผู้ชายหน่อย
แม่เจียงเหออธิบาย “พวกเราลาหยุดให้เด็กสองคนนี้โดยเฉพาะเพราะเรื่องนี้จ้ะ” กลัวว่าสารเลวคนนั้นจะไปรับเด็กทั้งสองที่โรงเรียนอนุบาลแล้วข่มขู่เจียงเหอ
ไม่กี่วันก่อนสารเลวคนนั้นมา ถึงแม้พวกเขาจะไม่เชื่อว่ากลับตัวเป็นคนดีแล้ว แต่จะห้ามเขาไม่ให้เจอลูกแท้ๆ ก็ไม่ได้
พอเกิดเรื่องเมื่อวานซืนขึ้น พวกเขาก็แน่ใจแล้วว่าสารเลวคนนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
มู่เถาเยาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“สองคนเข้าไปนั่งในบ้านก่อนจ้ะ ปู่ของเด็กๆ ทำกับข้าวอยู่ในครัว เจียงเหอกลับมารอคลอดที่บ้าน พ่อของพวกเขาไม่เคยมาดูเลย พวกเราเลยให้เด็กๆ ใช้แซ่เจียง เรียกพวกเราว่าปู่ย่าจ้ะ” แม่เจียงเหออธิบาย
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
เวลานี้พ่อของเจียงเหอที่ใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากในครัว พอเห็นทั้งสองคนก็ถามด้วยความลังเล “คุณมู่เป็นทนายจริงเหรอครับ ขอโทษด้วย ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่เห็นว่าดูเด็กมาก เหมือนนักศึกษามหา’ลัยเลยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนก็คิดแบบนั้น คุณลุงคุณป้าคะ ถึงอายุหนูจะยังไม่ยี่สิบสามเต็ม แต่จบปริญญาเอกแล้วค่ะ วางใจได้ค่ะ หนูมีตั๋วทนาย หัวหน้าหนูชื่อเหลยโจว เป็นทนายชื่อดังของเหยียนหวง ค้นหาชื่อเขาในเน็ตก็เจอค่ะ ถ้าสงสัยเรื่องคุณสมบัติของหนูสามารถโทรไปถามเขาเพื่อยืนยันได้นะคะ”
พ่อเจียงเหอดีใจทันที “ผมรู้จักทนายเหลย เมื่อวานหลังจากเจียงเหอไปทำงาน ผมกับแม่เจียงเหอก็ค้นหาข้อมูลของทนายหลายคนในเน็ต หนึ่งในนั้นมีทนายเหลย…” บลาๆๆ
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนยิ้มฟังพ่อเจียงเหอเอ่ยชมพี่เขยเหลยอย่างไม่รู้สึกรำคาญใดๆ
ตอนที่ 619 เหมือนพวกอันธพาล
เห็นสามีพูดไม่จบสักที แม่เจียงเหอจึงอดขัดขึ้นมาไม่ได้ “เอาล่ะ คุณรีบไปยกกับข้าวมาขึ้นโต๊ะ ให้ทนายมู่กับคุณลู่กินข้าวกลางวันก่อน”
พ่อเจียงเหอยิ้มแหะๆ “ขอโทษทีครับ ผมไปยกกับข้าวก่อน พวกเรากินเสร็จค่อยคุยกัน”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้า
แม่เจียงเหอพามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน รวมถึงเด็กแฝดไปล้างมือก่อนแล้วถึงไปห้องกินข้าว
มู่เถาเยาเห็นเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัวก็รู้ว่าเป็นของเจียงเหอจึงพูดขึ้น “คุณลุงคุณป้าคะ พวกเรารอพี่เจียงเหอกลับมาค่อยกินพร้อมกันดีกว่าค่ะ”
แม่เจียงเหอยิ้มพูด “ไม่ต้องรอหรอกจ้ะ อีกสักพักเลยกว่าจะถึงบ้าน เดี๋ยวป้าแบ่งกับข้าวเก็บไว้ พวกเรากินกันก่อน”
“พวกเรายังไม่หิว รอหน่อยไม่เป็นไรค่ะ”
“ไหนๆ ก็นั่งแล้ว ค่อยๆ กินไปก่อนก็ได้จ้ะ”
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนจึงไม่ปฏิเสธอีก
แม่เจียงเหอหยิบชามขึ้นมาคีบกับข้าวใส่ไว้แล้ววางตรงที่นั่งว่าง
เริ่มกินไปได้ไม่นานเจียงเหอก็กลับมา
พอเห็นมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเธอก็ทั้งประหลาดใจทั้งเซอร์ไพรส์
แม่เจียงเหออธิบาย “แม่หาเบอร์จากมือถือของลูก โทรเชิญทนายมู่กับคุณลู่มากินข้าวเป็นการขอบคุณที่ช่วยลูกไว้”
เจียงเหอยิ้มพูด “ควรแล้วค่ะ หนูยังคิดอยู่ว่าตอนบ่ายจะโทรหาทนายมู่”
พ่อเจียงเหอพูดด้วยความตกใจ “ตัดสินใจแล้วเหรอ”
“ค่ะ เมื่อเช้าหลินหาวซุ่นโทรมาขู่หนู…ทนายมู่คะ พี่อัดเสียงไว้ด้วย”
มู่เถาเยาพยักหน้าชื่นชม “ใช้เป็นหลักฐานได้ค่ะ”
แม่เจียงเหอยิ้มเรียก “กินข้าวก่อน กินอิ่มค่อยคุยกัน”
“ค่ะ”
เจียงเหอหอมแก้มลูกๆ ก่อนแล้วนั่งตรงเก้าอี้ว่างระหว่างแม่กับมู่เถาเยา
กินเสร็จทุกคนก็ย้ายไปห้องรับแขก
เจียงเหอยกชามาให้แล้วพูดกับมู่เถาเยา “พี่ขอโทรลาหยุดกับหัวหน้าก่อนนะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า
แม่เจียงเหอพาเด็กทั้งสองไปนอนกลางวัน
ตี้อู๋เปียนไปหยิบคอมพิวเตอร์ของมู่เถาเยาลงมาจากรถ
พ่อเจียงเหอคุยกับมู่เถาเยา
“ลุงเจียงคะ หลินหาวซุ่นมีส่งเสียเด็กทั้งสองคนบ้างไหมคะ”
“ไม่มีเลย เขารวยนะ พักในบ้านหลังใหญ่ แต่ไม่เคยให้เงินเสี่ยวเหอกับลูกแม้แต่แดงเดียว เสี่ยวเหอเพิ่งทำงานไม่นานก็แต่งกับเขา มีเงินเก็บไม่เท่าไร ตอนนี้เลี้ยงลูกเลยต้องใช้เงินของลุงกับป้ามาช่วยจุนเจือ”
พ่อเจียงเหอหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ตอนเสี่ยวเหอพาเขากลับมาสู่ขอ เขาก็เป็นฝ่ายพูดเรื่องสินสอดนะ แต่คนบ้านเราทางนี้ไม่รับสินสอดอะไรพวกนั้น ลุงกับป้าเลยบอกว่าถ้าจะให้สินสอดก็ให้เสี่ยวเหอเถอะ ต่อไปพวกเขาก็เอาไว้เลี้ยงดูครอบครัว…”
เจียงเหอคุยโทรศัพท์เสร็จกลับมาก็พูดต่อจากพ่อ “นับตั้งแต่พี่คบกับเขาก็ไม่เคยใช้เงินเขาเลย สินสอดที่เขาบอกก็ไม่เคยเห็นเลยสักนิด ตอนนั้นพวกเราไม่ถือเรื่องพวกนี้จริงๆ และเขาก็แสร้งทำเป็นคนดีได้เนียนมาก…แต่พอพี่ตั้งท้อง ถ้าเขาไม่กลับบ้านก็พากลุ่มเพื่อนกลับมากินดื่ม ไม่สนเลยว่าพี่กำลังตั้งท้องอยู่”
“แล้วพ่อแม่ญาติๆ เขาล่ะคะ”
“มีแค่พี่ชายที่อยู่เมืองอื่น เคยเจอแค่ครั้งเดียวตอนแต่งงาน ดูเหมือนจะเปิดผับเปิดบาร์เหมือนกัน พี่แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยยกเว้นเรื่องพวกนี้ที่เขาบอก” เจียงเหอมานึกๆ ดูก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองโง่มาก
“พี่เคยไปที่บาร์ของเขาไหมคะ”
“เคยไปสองสามครั้งตอนเป็นแฟน พอแต่งงานแล้วก็ไม่เคยไปเลยจ้ะ” เจียงเหอนึกแล้วพูดต่อ “ตอนนี้พี่แอบสงสัยว่า…”
“ว่าอะไรคะ”
“เขาบอกพี่ว่าเขาเป็นเจ้าของบาร์ แต่พนักงานกลับเรียกเขาว่าเถ้าแก่หลิน ไม่ใช่เถ้าแก่ พี่เลยสงสัยว่าเขาไม่ใช่เจ้าของจริงๆ แต่ว่าบ้านเขาก็ใหญ่โต ไม่เคยเห็นเขาทำงานจริงจังด้วย ไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน”
“แล้วเจออะไรในบ้านบ้างไหมคะ”
เจียงเหอครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “พี่อยู่บ้านเขาแค่ไม่กี่เดือน เพราะหลังแต่งงานได้สามเดือนพี่ก็ท้อง เขาไม่สนใจพี่ พี่เลยต้องกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่”
“ในบ้านไม่มีคนอื่นแล้วเหรอคะ อย่างเช่นแม่บ้านอะไรแบบนั้น”
“ไม่มีเลย ตอนนั้นพี่ก็แปลกใจ เคยถามเขาด้วย เขาบอกว่ากินข้าวคนเดียวมันเหงา เขาเลยไม่เคยกินข้าวที่บ้าน เลยไม่จำเป็นต้องมีแม่บ้าน แค่จ้างคนมาทำความสะอาดเป็นประจำ”
“พี่รู้ไหมคะว่าพวกคนที่หลินหาวซุ่นชอบพามาบ้านเป็นใครบ้าง”
“ก็พวกเถ้าแก่ร้านเหล้าแหละ ดูเหมือนพวกคนอันธพาล จริงสิ ก่อนแต่งงานเขาเคยพาพี่ไปที่บาร์สองสามครั้ง แต่เขาเอาเหล้าไปเอง ไม่เคยกินของร้าน แล้วก็ไม่ได้ฝากเหล้าไว้ที่นั่นด้วย”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนมองหน้ากัน
“ขอที่อยู่บาร์เหล้ากับบ้านของเขาหน่อยค่ะ ฉันจะให้คนไปสืบ”
เจียงเหอความจำดี จำที่อยู่ทั้งสองที่ได้แม่นยำ
เธอยังบอกชื่อร้านเหล้ากับพวกชื่อเถ้าแก่ที่หลินหาวซุ่นเคยแนะนำให้รู้จักด้วย พร้อมทั้งพูดเตือน “ทนายมู่จ๊ะ บอกคนที่ไปสืบให้ระวังตัวด้วย คนพวกนั้นไม่คุยด้วยเหตุผลหรอก อย่าทำตัวแข็งข้อในพื้นที่ของพวกเขา”
“วางใจได้ค่ะ”
หลังจากที่ทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ แล้ว มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็เตรียมกลับ ไม่พูดเรื่องค่าใช้จ่ายเลยสักนิด
พ่อเจียงเหอถามขึ้นมาก่อน “ทนายมู่ครับ คิดค่าทนายยังไงเหรอครับ”
เขาค้นหาในเน็ตมาแล้ว สุดท้ายแล้วไม่ว่าคดีจะแพ้หรือชนะก็ต้องจ่ายค่าทนาย
มู่เถาเยายิ้ม “รอคดีชนะแล้วค่อยว่ากันค่ะ วางใจได้ค่ะ หนูรับประกันด้วยชื่อเสียงของทนายเหลยเลยค่ะ เก็บเงินแบบสมเหตุสมผลแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณทนายมู่มากๆ เลยครับ”
พ่อเจียงเหอรู้ว่าเก็บค่าทนายทีหลังแบบนี้ราคาต้องแพงขึ้นแน่ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร