อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 620 ยังไงก็ต้องหย่า ตอนที่ 621 ฉันโกรธเธออยู่

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 620 ยังไงก็ต้องหย่า ตอนที่ 621 ฉันโกรธเธออยู่

ตอนที่ 620 ยังไงก็ต้องหย่า

หลังออกจากบ้านครอบครัวเจียง มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็หาโรงแรมแถวนั้นเข้าพักไปก่อน

“ซาลาเปาน้อย ฉันจะให้คนทางนั้นไปสืบ”

“อืม หลินหาวซุ่นดูมีพิรุธเยอะชัดเจน เขาไม่ใช่เจ้าของร้านเหล้า แถมยังคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเหล้าคนอื่นๆ เป็นอย่างดี ไม่ดื่มเหล้าในร้านด้วย…ถ้าอย่างนั้นเขาน่าจะเป็นเซลล์ขายเหล้าหรือเปล่า หรือว่าทำเหล้าเถื่อน?”

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ลองสืบก่อน ขังได้กี่ปีก็เท่านั้น”

“หลินหาวหวาพี่ชายของเขาก็ต้องสืบด้วย”

ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “เดี๋ยวทางฉันจะสืบเส้นทางการเงินด้วย”

“อืม ฉันก็จะเตรียมข้อมูล”

อยากรีบกลับก่อนอาจารย์สามคลอดลูกก็ต้องรีบทำ ต้องอาศัยเส้นสายเพื่อให้ได้ขึ้นศาลเร็วขึ้น เอาตัวไปลงโทษ

ทั้งสองคนแยกย้ายกันทำงาน ประมาณห้าโมงเย็นโทรศัพท์มือถือของมู่เถาเยาก็ดังขึ้น เจียงเหอโทรมา

มู่เถาเยากดรับก็ไม่ได้ยินปลายสายพูดอะไร มีแค่เสียงโครมครามผสมกับเสียงก่นด่า

ตี้อู๋เปียนปิดคอมพิวเตอร์ ไปหยิบกล่องยาใบน้อยของมู่เถาเยา จากนั้นทั้งสองคนก็รีบเปลี่ยนรองเท้าออกจากห้อง

ไม่ได้ตัดสายทิ้ง เสียงโครมครามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

รถพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ไปถึงบ้านครอบครัวเจียง

มู่เถาเยาวางสายแล้วเข้าไปพร้อมตี้อู๋เปียน

ลานบ้านกับห้องรับแขกเละเทะไปหมด

เจียงเหอกับพ่อกำลังถือพลั่วกับไม้หอบด้วยความโมโห ประจันหน้ากับผู้ชายสองคน

แม่เจียงกับหลานทั้งสองไม่อยู่ตรงนั้น

บ้านครอบครัวเจียงอยู่ชานเมือง ห่างจากบ้านของเพื่อนบ้านรอบๆ พอสมควร จึงไม่มีใครเข้ามาช่วย

ตี้อู๋เปียนถีบผู้ชายสองคนกระเด็นออกนอกบ้าน

หลินหาวซุ่นที่หน้าเหมือนหมูพอเห็นทั้งสองคนก็ดวงตาแดงก่ำ

แม่งเอ๊ย! สองคนนี้ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ หรือว่าเจียงเหอจ้างทนายมาฟ้องหย่าจริงๆ

“ทนายมู่ คุณลู่ มาได้ยังไงครับ” พ่อเจียงหน้าแดงเพราะความโกรธ

เจียงเหอก็แปลกใจว่าทำไมพวกเขาถึงมาได้ เพิ่งกลับไปไม่นานไม่ใช่เหรอ

มู่เถาเยาโยกโทรศัพท์มือถือในมือ “พี่เจียงเหอคะ เมื่อครู่โทรศัพท์พี่โทรหาฉันค่ะ พวกเราได้ยินเสียงก็เลยรีบมา”

เจียงเหอล้วงโทรศัพท์ออกมาดู กดโทรไปจริงด้วย

“พี่คงเผลอไปกดโดนน่ะ”

“ค่ะ แล้วคุณป้ากับเด็กๆ ล่ะคะ”

“ตอนพวกเขามาถึง กลัวพวกเด็กๆ จะตกใจกลัวเลยให้แม่พี่พาขึ้นไปเล่นชั้นบนแล้วล่ะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า มองออกไปด้านนอก “อีกคนเป็นใครคะ พี่รู้จักหรือเปล่า”

“เขาบอกว่าเป็นลูกค้า เมื่อก่อนอาจเคยเจอกัน แต่พี่จำไม่ได้ ไม่ใช่พวกคนที่เขาเคยพาไปที่บ้านบ่อยๆ”

เจียงเหอกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “ลูกค้าคนนี้แหละที่หลินหาวซุ่นอยากให้พี่ไปเป็นไกด์พาเที่ยว”

“ออกไปดูหน่อยค่ะ”

เวลานี้อันธพาลสองคนที่ถูกตี้อู๋เปียนถีบออกไปเพิ่งจะลุกขึ้นมา กำลังจะเดินออก

พวกเขาไม่โง่ รู้ว่าสู้ไม่ได้ยังจะไม่หนีอีกเหรอ

แต่น่าเสียดายที่ถูกตี้อู๋เปียนลากคอเสื้อจากด้านหลังกลับมาเหมือนลากกระสอบ เอาไปโยนใส่ตรงเท้าของมู่เถาเยากับเจียงเหอและพ่อ

มู่เถาเยาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ในเมื่อมาแล้วก็มาคุยกันหน่อย”

คนหน้าหมูเอามือกุมท้องพลางลุกขึ้น เริ่มโวยวาย “นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน แกคนนอกอย่ามายุ่ง”

ผู้ชายหัวแหลมแต่ตัวอ้วนเหมือนหมูสภาพทุเรศดูไม่ได้พูดขึ้นทันที “นั่นดิ แกมันคนนอกมีสิทธิ์อะไรยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น” ดวงตาขุ่นมัวยังได้มองมู่เถาเยาด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอีกด้วย

ตี้อู๋เปียนมีเหรอจะทนไหว แจกไปอีกหนึ่งถีบ

ชายร่างอ้วนกระเด็นออกไปกระแทกกำแพงอย่างจังแล้วร่วงตกพื้น

ชายหน้าหมูอดตัวสั่นไม่ได้

มู่เถาเยา “ฉันเป็นทนายตัวแทนของเจียงเหอก็ต้องยุ่งได้อยู่แล้ว ยังไงพวกคุณก็ต้องหย่ากัน ไม่ว่าคุณจะอยากหรือไม่ก็ตาม”

หลินหาวซุ่น “ฉันไม่หย่าเด็ดขาด! เก่งนักก็ไปฟ้องเลย!”

เจียงเหอตะโกนด้วยความโมโห “สามสี่ปีแล้วที่แกไม่สนใจฉันกับลูก มีสิทธิ์อะไรไม่หย่า! ฉันจะหย่า! แล้วก็จะชนะด้วย!”

หลินหาวซุ่นโกรธหน้าเขียวตะโกนขู่ต่อหน้ามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียน “แน่ใจนะว่าจะหย่า คิดว่าสองคนนี้จะคุ้มกันแกได้ตลอดชีวิตเหรอ หรือว่าพวกแกจะย้ายบ้านหนีล่ะ”

พ่อเจียงโมโหจนแสยะยิ้ม “ย้ายก็ย้ายสิวะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะค้นทั่วประเทศเหยียนหวงจนเจอพวกเราได้! อีกอย่างนะ ฉันไม่กลัวแกหรอก บีบคั้นกันมากๆ ก็มาตายด้วยกันไปเลย!” อนาคตของลูกสาวกับหลานๆ สำคัญกว่าชีวิตของเขา

เจียงเหอตกใจ “พ่อคะ!”

“ไม่เป็นไร มันก็แค่คนสารเลวคนหนึ่ง กล้ารังแกแต่คนอ่อนแอ! ถ้าเรากล้าแข็งข้อกับมัน มันก็ไม่กล้าชนกับเราหรอก”

แน่นอนว่าพ่อเจียงพูดแบบนี้ก็เพื่อปลอบลูกสาวตัวเอง

ในใจของเขารู้ดีว่าคนแบบนี้ไม่มีทางกลัวอะไร แต่อย่างไรเสียสารเลวคนนี้ก็ไม่ใช่คนท้องถิ่น ไม่มีทางมารังควานได้ตลอดเวลา อย่างมากก็แค่มาก่อกวนบ้าง…

แต่ถ้าจัดการให้จบได้ในครั้งเดียว ต่อให้เขาต้องสละชีวิตตัวเองก็ไม่เสียดาย

มู่เถาเยาพูดกับสองพ่อลูก “ไม่ต้องไปแลกกับพวกเขาค่ะ ฉันรับรองว่าชนะแน่ ส่วนที่หลินหาวซุ่นข่มขู่ ฉันจัดการให้จบได้ในทีเดียว ไม่จำเป็นต้องย้ายบ้านหนีเขาค่ะ”

หลินหาวซุ่นเริ่มใจคอไม่ดีอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ไม่นานก็กลับมานิ่งอีกครั้ง

เพราะเขายังไม่เคยใช้เส้นสายที่หลายปีมานี้ไปติดสินบนไว้ จึงอวดดีขึ้นมาได้อีก “ฉันขอเตือนพวกแกเลยนะว่าอย่ายุ่งไม่เข้าท่า ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะซวยเอง”

“ดูท่าจะไม่ยอมคุยเรื่องหย่าดีๆ สินะ งั้นก็รอดูได้เลย ดูซิว่าใครจะซวยกันแน่ ไสหัวกลับไปซะ”

หลินหาวซุ่นทิ้งประโยคข่มขู่ไว้ตามความเคยชิน จากนั้นก็เข้าไปประคองชายอ้วนที่ใกล้หมดสติเต็มทีออกจากบ้านครอบครัวเจียงไป

ตอนที่ 621 ฉันโกรธเธออยู่

มู่เถาเยาถ่ายรูปลานบ้านกับภายในห้องรับแขกที่ข้าวของเสียหาย จากนั้นก็ช่วยเก็บกวาด

อะไรที่เสียก็ทิ้งไป อย่างอื่นก็วางเก็บกลับเข้าที่เดิม เจียงเหอขึ้นชั้นบนไปเรียกแม่กับลูกแฝดลงมา

ผู้อาวุโสทั้งสองต่างมีสีหน้ากังวล

มู่เถาเยาปลอบ “ฉันให้คนไปสืบเรื่องหลินหาวซุ่นแล้วค่ะ พรุ่งนี้คงได้ข้อมูลมา วางใจได้ค่ะ เขาลอยหน้าลอยตาได้อีกไม่กี่วันหรอก”

พ่อเจียงถอนหายใจ “ต่อให้หย่าแล้วเขามาคอยตามรังควานอยู่เรื่อยๆ มันก็น่ารำคาญ พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ไม่เท่าไรหรอก แต่กลัวเขาจะไปรับเด็กๆ ที่โรงเรียน เราป้องกันไม่ได้ทุกวันหรอก”

“หลินหาวซุ่นมีข้อสงสัยในตัวเยอะ ทุกคนเคยลองคิดกันไหมคะว่าคนที่ทั้งเลวทั้งโหดร้ายแบบเขาทำไมถึงไม่ทำร้ายคน ไม่ใช่ว่าเขายังมีจิตใจส่วนดีอยู่หรอกค่ะ แต่เป็นเพราะถ้าเรื่องใหญ่ขึ้นมาจะต้องเข้าคุก เขาต้องถูกสาวไปถึงเบื้องลึกแน่นอน ถึงได้เคยชินกับการตามรังควานหรือไม่ก็หลอกคนไปเรื่อย”

เจียงเหอพูดด้วยความดีใจ “ฟังจากที่ทนายมู่วิเคราะห์ พี่ก็ว่าหลินหาวซุ่นมีพิรุธเยอะเหมือนกัน แม้แต่ตอนถูกเขาหลอกให้คบเป็นแฟน เขาก็ไม่เคยพูดเรื่องธุรกิจตัวเองเลย แค่บอกว่าเป็นเจ้าของบาร์ เมื่อก่อนตอนไปที่บาร์กับเขาสองสามครั้ง เห็นคนที่นั่นคุ้นเคยสนิทสนมกับเขาดีเลยไม่ได้คิดอะไรเยอะ”

เวลานี้พ่อเจียงกับแม่เจียงก็หวังว่าหลินหาวซุ่นจะมีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง จะให้ดีขอเป็นแบบที่ต้องติดคุกตลอดชีวิต! ไม่อย่างนั้นต่อให้เจียงเหอหย่ากับเขาก็ยังจะต้องมีผู้หญิงคนที่สองที่สามที่ต้องซวยแบบนี้อีก

มู่เถาเยา “คุณลุงคุณป้าคะ หลายวันนี้ดูแลพวกเด็กๆ ให้ดีนะคะ ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกก็แจ้งตำรวจเลยค่ะ ไม่ต้องไปสู้กับเขา เดี๋ยวจะบาดเจ็บเอา จริงสิ เหมือนข้อมือของคุณลุงจะพลิกหรือเปล่าคะ ขอหนูดูหน่อยค่ะ”

เมื่อกี้เธอเห็นท่าของเขาตอนจับพลั่วดูแปลกๆ เวลานี้มือซ้ายยังคอยลูบข้อมือขวาอยู่ตลอดอีก

พ่อเจียงอึ้ง นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวคนนี้จะตาดีขนาดนี้

เจียงเหอรีบย่อตัวนั่งลงดูสองมือของพ่อทันที “ข้อมือเจ็บเหรอคะพ่อ”

“มันซ้นนิดหน่อยน่ะ ไม่หนักหรอก ทายาเดี๋ยวก็หาย”

แม่เจียงลุกขึ้น “เดี๋ยวแม่ไปเอายามาพ่นให้”

มู่เถาเยา “หนูเป็นหมอค่ะ ขอหนูดูก่อนนะคะ”

ครอบครัวเจียงสามคนมีสีหน้างุนงง

ไม่ได้เป็นทนายหรอกเหรอ

“อาชีพหลักของหนูคือหมอค่ะ หนูจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู ถึงจะเรียนด้านนิติเวชมา แต่ก็สอบได้ใบประกอบโรคศิลปะแล้วค่ะ” มู่เถาเยาอธิบายให้ครอบครัวเจียงฟังพลางรับกล่องยาใบน้อยมาจากตี้อู๋เปียนแล้ววางบนโต๊ะหน้าพ่อเจียง

ครอบครัวเจียงตะลึงงัน

หมอ ทนาย…คนคนเดียวสามารถเรียนศาสตร์ที่ยากๆ แบบนี้ได้หมดเลยเหรอ

มู่เถาเยาให้เจียงเหอลุกขึ้นเพื่อขอพื้นที่ เธอจะได้ดูข้อมือพ่อเจียงได้สะดวก

แค่ข้อมือซ้นธรรมดาๆ

“ไม่หนักค่ะ ประคบเย็นก่อน”

“ป้าจะไปเอาผ้าขนหนูแช่เย็น” แม่เจียงลุกออกไปทันที

ตอนนี้เพิ่งเดือนมีนาคม ไม่ได้ทำน้ำแข็งไว้

เจียงเหอ “ทนายมู่กับคุณลู่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ พี่จะเข้าครัวเอง”

พ่อเจียงยิ้มพูด “ปลาต้มของเจียงเหอสุดยอดเลยนะ พวกเราชอบกินกันทั้งบ้าน ทนายมู่กับคุณลู่อยู่ชิมหน่อยนะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “เอาสิคะ พวกเราก็ชอบกินปลาค่ะ เมื่อครู่ตอนมาเห็นมีตลาดสด พวกเราจะไปซื้อปลากลับมาให้ค่ะ”

เจียงเหอ “ไม่ต้องซื้อ เมื่อเช้าพ่อพี่ซื้อมาแล้วค่ะ”

“หลักๆ คือพวกเราอยากไปตลาดสดซื้อผลไม้กลับไปกินที่โรงแรมค่ะ”

พ่อเจียง “แล้วเลือกกันเป็นเหรอ ให้แม่เจียงเหอพาไปไหม”

“เลือกเป็นค่ะ ในหมู่บ้านเรามีผลไม้หลายชนิดค่ะ”

“งั้นก็ได้ ขี่มอเตอร์ไซค์กันเป็นไหมล่ะ มันสะดวกกว่า”

“เป็นค่ะ พวกเราขี่บ่อย”

เจียงเหอ “เดี๋ยวพี่ไปเอากุญแจมาให้”

“ขอบคุณค่ะ”

“เกรงใจทำไม พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณ”

“พี่เป็นลูกความของฉัน ฉันควรเกรงใจค่ะ”

เจียงเหอหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์มาให้ มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนออกไปตลาดสด

อันที่จริงตลาดสดอยู่ใกล้มาก ขี่รถไปแค่ห้าหกนาที

“ตี้อู๋เปียน พวกเราไปดูปลาก่อน”

ตี้อู๋เปียนนั่งอยู่บนรถไม่ขยับ

มู่เถาเยาเดินออกไปแล้วไม่ได้ยินเสียงตอบจึงหันกลับมา เห็นเขาไม่เดินตามไปจึงเดินกลับ “มีอะไรเหรอ คุณอยากซื้ออะไร ดอกคาโนล่าเหรอ ดูอวบอิ่มน่ากินดี ซื้อครึ่งโลแล้วกัน”

พูดพลางย่อตัวนั่งลงหยิบดอกคาโนล่าตรงแผงขายของข้างรถแล้วให้พ่อค้าชั่ง

“ครึ่งโลพอดีเลย! แม่หนูเก่งจริงๆ!”

มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างมีความสุข “หมู่บ้านเราก็ปลูกผักค่ะ หนูหยิบชั่งบ่อย”

น้ำเสียงภาคภูมิใจเล็กน้อย ราวกับว่าปลูกผักเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ พ่อค้ารู้สึกขำ

“ลุงคะ เวลานี้ยังมีปลาจากสามหุบเขาขายอยู่ไหมคะ”

“ตอนบ่ายๆ เย็นๆ แบบนี้ส่วนใหญ่เป็นปลาเลี้ยงแล้ว ปลาสามหุบเขาขนาดตอนเช้ายังไม่พอขายเลย แต่มันก็มีให้เห็นบ้างอยู่นะ ลองไปดูทางนั้นสิ มีป้ายเขียนอยู่”

“ขอบคุณค่ะคุณลุง”

มู่เถาเยาจ่ายเงิน เอาผักแขวนไว้ที่ตะขอรถ “ไปเถอะ ไปดูปลากัน”

ตี้อู๋เปียนยังคงไม่ขยับ

“เป็นอะไรตี้อู๋เปียน” มู่เถาเยางงจริงจัง

“ฉันกำลังโกรธเธอ ดูไม่ออกเหรอ”

มู่เถาเยามีสีหน้างุนงง

อยู่ดีๆ มาโกรธอะไร โกรธเธอเนี่ยนะ

“ซาลาเปาน้อย ทำไมเธอชอบเรียกชื่อนามสกุลฉัน มันดูไม่สนิทสนมเลยนะ!”

“…ก็ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้ฉันเรียกว่าพี่สามไม่ใช่เหรอ”

“แล้วเรียกว่าที่รัก หรือ เบบี๋ อะไรแบบนี้ไม่ได้หรือไง หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรมีชื่อที่ตั้งให้แฟนโดยเฉพาะ”

มู่เถาเยา “…”

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท