บทที่ 456 พิสูจน์กำเนิดวิถีสวรรค์
วิถีสวรรค์ จุติ!
ตอนนี้ สิ่งที่ออกมาจากรอยแตกบนท้องฟ้า เสียงแขนขนาดยักษ์สีขาวเสียดสีกับขอบรอยแตกดังสนั่น และเสียงของสิ่งที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ ยิ่งดังก้องไปทั่วชั้นเมฆ กึกก้องทั้งท้องนภา
ฟ้าดินเปลี่ยนสี สายลมพัดเมฆตีเกลียว
แผ่นดินใหญ่ก็เช่นกัน จากการที่ฝ่าฝ่ามือวิถีสวรรค์ค่อยๆ ดึงต้นสิบลำไส้กลางอากาศช้าๆ พลังที่มาจากวิถีสวรรค์ก็แผ่ลามไปตามกิ่งต้นสิบลำไส้ลงมาสู่ผืนแผ่นดิน
ทันทีที่ดึง ผืนแผ่นดินส่งเสียงครืนครัน ขณะที่ดินสีแดงเข้มปะทุขึ้นมา ร่องแตกนับไม่ถ้วนแผ่ลามออกไปทั่วสารทิศจากจุดที่ต้นสิบลำไส้ตั้งอยู่ ราวกับมังกรดินนับไม่ถ้วนมุดทะลวงพลิกม้วนผืนปฐพี ทำให้พื้นดินแตกร้าวเป็นแนวยาว ยอดเขาที่อยู่ไกลๆ ก็ถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง
เสียงครืนดังออกมาจากป่ารอบๆ ต้นสิบลำไส้ ต้นไม้ล้มลงทีละต้น พื้นดินแตกระแหงเป็นกระบิ รากที่เป็นของต้นเซียนสิบลำไส้ ดีดผึงออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง
เสียงครืนครัน ดังก้องจนหูแทบดับ
บริเวณที่โดนผลกระทบไม่ใช่แค่ป่าของเซียนแท้สิบลำไส้เท่านั้น ยังมีสามสิบหกนครรัฐที่อยู่รอบๆ ด้วย
สำหรับที่นี่แล้ว เป็นภัยพิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนในนครรัฐหน้าเปลี่ยนสี พรั่นพรึงถึงขีดสุด แต่ไม่กล้าเข้าไปขวางรวมถึงเข้าใกล้แม้แต่น้อย
ไม่กล้าขัดขวาง เพราะตัวตนเผ่าฟ้าทมิฬ
ไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะภายใต้รอยแยกเบิกฟ้า ขณะที่ฝ่ามือวิถีสวรรค์ไร้เทียมทานยื่นมา คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนกฎเกณฑ์ฟ้าดินที่นี่ยิ่งโกลาหล
ฟ้าแลบแปลบปลาบฟาดผ่า ฝนกรดเทลงมาทั่วระหองระแหง หมอกพิษหลายกลุ่มซ่านกำจาย กระแสอัสนีปะทุเป็นวงกว้าง
แผ่นดินสั่นภูเขาคลอน ลมฟ้าครืนครัน
เจ้ารัฐยอดฟ้ารวมถึงโจวสิงอู และองครักษ์ชุดดำอีกนับร้อย เวลานี้ล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป หวาดกลัวตื่นตระหนก ตอนนี้กระทั่งในใจเจ้ารัฐยอดฟ้าสั่นคลอนไปหมด
“หรือว่าคนผู้นั้นจะเป็นบุตรเทวะฟ้าทมิฬจริงๆ!”
ภาพนี้น่าตกตะลึงเกินกว่าที่ได้ยินมา ราวมีเพียงตัวตนบุตรเทวะฟ้าทมิฬนี้เท่านั้น ที่พอเป็นไปได้
โจวสิงอูก็ใจสั่นสะท้าน ไม่อยากเชื่อ สายตาหลินหย่วนตงข้างๆ ร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ราวกับหากบุตรเทวะมาเยือนแล้วให้เขาควักตะเกียงชีวิตออกมา เขาไม่มีทางจะโกรธแค้นเหมือนก่อนหน้านี้แน่ ทั้งยังยินยอมพร้อมใจด้วย
การเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์เป็นเพียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นบุตรเทวะเช่นนี้ต้องการตะเกียงชีวิตเขา คงไม่มีวันทำร้ายตนแน่นอน ถึงอย่างไร…ก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่เชียวนะ
ความแปรปรวนของฟ้าดิน ยังคงต่อเนื่อง ยังคงรุนแรง
ไม่ใช่แค่ที่แห่งนี้เท่านั้น ตอนนี้ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ แปรปรวนรุนแรงมหาศาล เหล่าชนรุ่นหลังของเผ่าเซียนพิบัติที่กระจายอยู่ในเขตปกครองต่างๆ โลหิตในร่างกายพวกเขาเริ่มเดือดพล่าน พากันคุกเข่าคารวะไปทางทิศของเซียนแท้สิบลำไส้ในที่ที่แตกต่างกัน
ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้า ท่ามกลางเสียงครืนครันก้องฟ้าเป็นระลอก จากการที่ผืนดินถล่มทยายลงมา จากการที่ดินนับไม่ถ้วนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าดุจสายฝน ในที่สุดฝ่ามือวิถีสวรรค์ก็ถอนรากนับไม่ถ้วนของของเซียนแท้สิบลำไส้ออกมา
ขณะที่ผืนแผ่นดินระเบิดออกมาในตอนท้าย ต้นเซียนแท้สิบลำไส้หลุดออกจากพื้นดิน ลอยขึ้นกลางอากาศ
มองไกลๆ รากนับไม่ถ้วนพันสลับกันซับซ้อน มีทั้งหนาทั้งบาง พันเกี่ยวกันจนดูเหมือนตาข่ายที่แปรมาจากกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ทุกเส้นในนั้น ราวกับแฝงท่วงทำนองเต๋าเอาไว้
ลอยอยู่กลางอากาศ จุดที่เข้าใกล้ปลายขอบท้องฟ้า บนกิ่งหนึ่งของต้นสิบลำไส้ ชิงชิวจับกิ่งไม้ข้างตัวไว้แน่น ในใจราวกับมีอัสนีนับล้านกระหน่ำฟาด
ต่อให้ทั้งหมดจนถึงตอนนี้ นางในฐานะผู้ประสบด้วยตนเอง ก็ยังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ ความพรั่นพรึงในใจหอบม้วนโหมฟ้าเช่นกัน
ส่วนหนิงเหยียนก็อึ้งไปแล้ว ตอนนี้ห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ ในใจก็มีคลื่นโหมซัดกระหน่ำไม่รู้จบ
หลังจากพฤติกรรมกรีดท้องควักลำไส้ของเขาก่อนหน้านี้ล้มเหลว คว้ากิ่งไม้ไม่ได้ ปลิวจากต้นสิบลำไส้
แต่นายกองจับเส้นเถาวัลย์ที่ท้องเขาไว้ตลอดตั้งแต่ต้น จึงยังไม่ร่วงลงไป แต่ว่าแกว่งไปแกว่งมาอยู่กลางอากาศแทน
ส่วนสวี่ชิง ตอนนี้ก็ตกตะลึงไม่รู้จบ เขาคว้ากิ่งไม้ข้างตัวไว้ตามสัญชาตญาณ ร่างกายก็แกว่งไปตามต้นสิบลำไส้อย่างแรง ส่วนนายกองที่เงยหน้ามองฟ้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในหัวสมองก็ปรากฏคลื่นยักษ์โหมซัด
เขารู้ว่าทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกกับนายกอง เรื่องที่ทำทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเล็ก
เช่นที่เกาะเงือก อีกฝ่ายหอบร่างที่เหลืออยู่ครึ่งเดียวเข้าไปกัดชิ้นเนื้อของจวีอิง เช่นในเผ่าสิงซากสมุทร อีกฝ่ายทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าไปสูดรับ ก่อนที่จะออกมาก็ยังกัดไปอีกคำหนึ่ง
ไหนจะที่เขาไตรวิญญาณสะกดมรรคา…
ทุกครั้งล้วนเป็นการใหญ่ ทว่าเมื่อเทียบกับครั้งนี้ สวี่ชิงรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็ก เทียบไม่ได้แม้แต่น้อย
‘กลายเป็นบิดาของวิถีสวรรค์!’
ขณะที่ในใจสวี่ชิงมีคลื่นโหมกระหน่ำซัดอย่างรุนแรง ฝ่ามือใหญ่วิถีสวรรค์ในรอยแตกบนท้องฟ้า ก็ดึงส่วนปลายของต้นสิบลำไส้เข้าไปในร่องแตก ยัดเข้าไปในท้อง ผสานเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นมือใหญ่ก็คลายออก และคว้ากิ่งไม้ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เสียงครืนครัน ต้นสิบลำไส้สั่นไหวอย่างรุนแรง ฝ่ามือวิถีสวรรค์จับต้นสิบลำไส้อีกครั้งและยกขึ้น ใส่เข้าไปในท้องต่อ
และจากการต้นสิบลำไส้ผสานกับท้องของมัน ต้นสิบลำไส้ก็เปล่งแสงเจิดจ้า เริ่มเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่ม ราวกับจะเปลี่ยนจากสภาพต้นไม้กลายเป็นลำไส้ขึ้นมา
ขณะเดียวกัน นายกองทางนั้นก็หัวเราะลั่น
“ศิษย์น้องเล็ก ข้อดีข้อแรกของการเป็นบิดาของวิถีสวรรค์ มาแล้ว!”
ดวงตานายกองฉายแววปรารถนา พริบตาที่พูดออกมา ในรอยร้าวบนฟ้าก็มีแสงเจิดจ้าเจ็ดสีสองสายพุ่งออกมาฉับพลัน สายหนึ่งพุ่งไปหานายกอง อีกสายหนึ่งพุ่งไปหาสวี่ชิง
ขณะที่แสงเจ็ดสีสองสายพุ่งลงมา ก็ห่อหุ้มนายกองกับสวี่ชิงในทันที
สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ แสงเจ็ดนี้คืออะไร เขาไม่แน่ใจ แต่เขาสัมผัสได้ว่าแสงเจ็ดสีแฝงกฎเกณฑ์ฟ้าดิน แฝงท่วงทำนองเต๋าสูงส่ง และยิ่งแฝงการยอมรับบางอย่างไว้ด้วย
“นี่คือหลักฐานการร่วมลงขันของพวกเรา ฮ่าๆ และเรียกได้ว่าเป็นการพิสูจน์การถือกำเนิดของบุตรชายพวกเราด้วย บนนั้นมีตราประทับกลิ่นอายพวกเราอยู่ เจ้าเรียกมันว่าหนังสือรับรองการเป็นบิดาก็ได้”
นายกองกระโดดโลดเต้น ขณะที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ฟ้าดินก็ครืนครันอีกครั้ง ปราณวิญญาณมากมายมหาศาลในฟ้าดินพริบตานี้ ก็หลั่งทะลักเข้ามาจากทั่วสารทิศ
นี่เป็นปราณวิญญาณที่บริสุทธิ์ที่สุด ไม่มีไอพลังประหลาดเจือปนแม้แต่น้อย พุ่งมาหาสวี่ชิงและนายกอง ราวกับปัดเป่า หลั่งทะลักเข้ามา
“คุณูปการวิถีสวรรค์!!” หนิงเหยียนที่ห้อยอยู่ตรงนั้น อุทานออกมาเสียงหลง จากนั้นก็ปวดใจ รู้สึกนึกเสียดายจนไม่อาจพรรณนาออกมาได้
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ได้ อย่าว่าแต่ลำไส้เลย ต่อให้เป็นอวัยวะภายในทั้งห้า ขอแค่ตนยังหายใจได้ เช่นนั้นก็คงยกให้หมดแล้ว เขาจะได้กลายเป็นบิดาแห่งวิถีสวรรค์ด้วย
‘ใครจะไปคิดว่าเรื่องที่เผ่าฟ้าทมิฬสองคนทำจะบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้!!’
ความรู้สึกพลาดโอกาสไปเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกคุ้มคลั่ง ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำอ้าปากกว้าง คิดจะสูดรับ แม้ผู้ที่ได้รับจะไม่ใช่เขา แต่ระยะที่ห่างกันแค่นี้ จะมากจะน้อย เขาก็ยังได้รับมาบ้างบางส่วน
ชิงชิวไม่รู้จักแสงเจ็ดสีนี้ แต่หลังจากสัมผัสถึงปราณวิญญาณรอบๆ รวมถึงการได้ยินเสียงอุทานของหนิงเหยียน ก็หอบหายใจถี่ขึ้นมาเช่นกัน ขณะเดียวกันก็สูดรับ
และคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าเป็นนายกองกับสวี่ชิง
นายกองเวลานี้ร่างสั่นเทา สูดรับพลังแห่งฟ้าดินที่ทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นพลังปลดผนึกให้ร่างตน ไม่นานกลิ่นอายเขาก็เพิ่มขึ้น แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
สวี่ชิงก็เช่นกัน ขณะที่พลังแห่งฟ้าดินเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน วังสวรรค์วังที่หกในร่างกายเขาก็ก่อร่างขึ้นมาในชั่วสิบอึดใจนี้
ถัดมาคือเสียงครืนครันก้องสะท้อนในสมอง สวี่ชิงไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญนักมาก สิ่งแรกที่ฉายขึ้นในใจคือกิ่งไม้ที่เก็บมาก่อนหน้า
กิ่งของต้นสิบลำไส้ อย่างมากก็เป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่ง แต่หลังจากที่วิถีสวรรค์ผสานต้นสิบลำไส้เข้าไป กายทิพย์ของมันก็ยกระดับขึ้นด้วย
สวี่ชิงกำลังจะใส่กิ่งไม้ต้นสิบลำไส้ที่ได้มาเข้าไปในวังสวรรค์วังที่หก
แต่พริบตาที่จะใส่เข้าไป จู่ๆ เขาก็หยุดการเคลื่อนไหว เงยหน้าขึ้นมองมือขนาดใหญ่ในรอยแยกบนท้องฟ้า และมองไปทางต้นสิบลำไส้รอบๆ ดวงตาฉายประกายหม่น
‘อสูรสมุทรบรรพกาล!’
สวี่ชิงคำรามต่ำในใจ
พริบตาต่อมา อสูรสมุทรบรรพกาลที่เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงที่รอคอยอยู่นานแล้ว ก็ร้องคำราม พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้าออกจากในร่างสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่ลังเลแม้เพียงน้อย โบกมือทันที โยนกิ่งไม้ให้อสูรสมุทรบรรพกาล
สองตาอสูรสมุทรบรรพกาลสาดแสงจ้า อ้าปากกลืนเข้าไปคำใหญ่ หลังจากกลืนกิ่งไม้ลงไปร่างของมันก็สั่นไหว เมื่อสวี่ชิงสื่อจิตเทพถึงมัน มันก็พุ่งไปที่รอยแยกบนท้องฟ้าทันที!
เมื่อนายกองที่อยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ ก็เบิกตากว้าง หลังจากมาถึงต้นเซียนแท้สิบลำไส้ เขาก็อุทานอย่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“วีถีสวรรค์จำลอง!
“จะจะเจ้า เจ้าทำได้อย่างไร ข้าคิดหาวิธีมาตั้งหลายปียังทำไม่ได้เลย!
“วิถีสวรรค์จำลองเจอกับวิถีสวรรค์บรรพกาลที่ถูกสร้างขึ้น…ภาพนี้ ภาพนี้…เป็นสิ่งที่ข้าต่อให้ฝันก็ยังอยากครอบครอง” นายกองหายใจหอบถี่ ในใจโหมระลอกคลื่นกระหน่ำซัด นี่เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดแม้จะอยู่ในความฝัน
ระหว่างที่นางกองพูด อสูรสมุทรบรรพกาลก็คำราม ทะยานเข้าไปในรอยแยกบนท้องฟ้า พุ่งเข้าไปอยู่ข้างกายวิถีสวรรค์บรรพกาลในรอยแยก
ตอนนี้วิถีสวรรค์บรรพกาลหยุดท่วงท่าการดึงต้นสิบลำไส้ลง
ในความเลือนราง ในรอยแยกนั้น เหมือนวิถีสวรรค์ทั้งสองนี้กำลังมองหน้ากัน และพริบตาต่อมา วิถีสวรรค์บรรพกาลก็สั่นไปทั้งร่าง แผ่กลิ่นอายสีทองวูบหนึ่งให้กับอสูรสมุทรบรรพกาล
“ต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ เห็นวิถีสวรรค์จำลองนี้เป็นลูกรึ”
ขณะที่นายกองร้องอุทาน อสูรสมุทรบรรพกาลก็แผดเสียงคำรามน่าตื่นตะลึง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นในรอยแยกอย่างต่อเนื่อง คลื่นพลังวิถีสวรรค์ที่เข้มข้นยิ่งกว่าระเบิดออกมาจากตัวมัน
หลังจากสูดรับจนถึงขีดจำกัด ร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ดวงตาเผยแววฉลาดเฉลียว ออดอ้อนวิถีสวรรค์บรรพกาล จากนั้นก็สะบัดหาง ทะยานออกมาจากรอยแยก กลับมาหาสวี่ชิง
ภายใต้แสงสีทองเจิดจ้าพร่างฟ้า ท่ามกลางความอิจฉาอย่างรุนแรงของนายกอง อสูรสมุทรบรรพกาลสีทองก็เข้าไปในร่างสวี่ชิง พุ่งไปยังวังสวรรค์วังที่หก!
พริบตาต่อมา วังสวรรค์วังที่หกก็เปล่งแสงสีสองเจิดจ้า
นี่คือประกายแสงของวิถีสวรรค์ นี่คือวังแห่งวิถีสวรรค์!
สวี่ชิงสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พลังบำเพ็ญปะทุขึ้นฉับพลัน และพริบตานี้ตัวเขา ก็ปรากฏท่วงทำนองเต๋า ผสานไปกับฟ้าดิน สั่นสะเทือนไปทั้งแปดทิศ
ขณะเดียวกัน โครงร่างวังสวรรค์ของเขาก็ยังดำเนินต่อ วังสวรรค์วังที่เจ็ดก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พวกเราเป็นบิดาแห่งวิถีสวรรค์บรรพกาล อสูรสมุทรบรรพกาลของเจ้าเป็นลูกของวิถีสวรรค์ เช่นนั้นก็คือหลานของเจ้า และเป็นหลานของข้าด้วยอย่างนั้นหรือ”
นายกองจ้องมองทั้งหมดนี้อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นเสียงทุ้มอย่างปวดใจ