บทที่ 558 อยากเป็นเจ้าวังไหม?
เหล่านักรบโลกอสูรที่เรียกออกมาโดยใช้ป้ายอัญเชิญระดับทอง ทุกคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น
เมิ่งข่ายคือขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง แม้ขั้นกลางจะแข็งแกร่งกว่าขั้นต้น แต่ระหว่างขั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนดังคนละขอบเขต ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว เมิ่งข่ายย่อมสามารถเอาชนะขอบเขตแปรสภาพขั้นต้นได้ ทว่ามันจะต้องเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง หนึ่งต่อสอง หรือว่าหนึ่งต่อสามเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบโลกอสูรทั้งยี่สิบตน อย่าได้กล่าวถึงเมิ่งข่ายที่เป็นขอบเขตแปรสภาพขั้นกลาง ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นสูงก็ยังมีชะตาต้องตาย!
แน่นอนว่าหากเป็นยอดฝีมือขอบเขตแปรสภาพขั้นสูง ก็คงจะสามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้นานกว่าเมิ่งข่าย
แต่นักรบโลกอสูรไม่ได้มีแค่ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึง แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แลกตายของพวกเขานั้นน่าสะพรึงยิ่งกว่า อย่างที่แม้จะบาดเจ็บสาหัส ทว่าตราบใดที่ยังมีลมหายใจ นักรบโลกอสูรเหล่านี้จะต่อสู้จนถึงที่สุด
ในการต่อสู้เมื่อครู่ เมิ่งข่ายทำให้นักรบโลกอสูรบาดเจ็บได้ ตอนแรกนั้นเพราะอาศัยกำลังและประสบการณ์จึงสำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ คือการที่นักรบโลกอสูรผู้ถูกทิ่มแทงกลับไม่แม้แต่จะชะงักเลยแม้แต่น้อย กระทั่งใช้ดาบใหญ่ในมือฟันใส่ตนเองอย่างต่อเนื่อง ราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่ตนเองอย่างไรอย่างนั้น
และนั่นคือส่วนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของนักรบโลกอสูร มันเป็นอะไรที่แม้จนตายเมิ่งข่ายก็ไม่อาจจินตนาการถึงได้ หากนักรบโลกอสูรหวาดกลัวความเจ็บปวดและความตาย เมิ่งข่ายก็คงไม่ตายเร็วถึงขนาดนี้ สิ่งที่สำคัญยังคงอยู่ที่พวกมันไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดหรือความตาย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งไร้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ก็ไม่ผิด สิ่งที่ได้พบทำให้เมิ่งข่ายตระหนกจนเกิดความไม่สบายใจขึ้น และสุดท้ายนำไปสู่ความตายอันชวนสังเวชภายในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที ส่วนทางด้านเหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาด พวกเขายังไม่ทันรู้ตัวกันเลยด้วยซ้ำ
หลังสังหารเมิ่งข่าย นักรบโลกอสูรจึงหันไปเปิดฉากสังหารศิษย์ของวังเมฆาสีชาด พวกมันคือขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น จึงเป็นประหนึ่งหมาป่าไล่ขย้ำฝูงแกะ การเปิดฉากสังหารครั้งนี้เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดไม่อาจต่อกรได้แม้แต่น้อย
“แกชื่ออะไร?” อู๋ฝานยังคงไม่มีเจตนาจะลงมือด้วยตัวเอง แต่เดินไปนั่งยอง ๆ ข้างผู้อาวุโสสวีก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวี… สวีอี้ซาน” ผู้อาวุโสสวีตอบกลับมาอย่างประหม่า ท่าทีเป็นมิตรของอู๋ฝาน ในสายตาของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้าย
สวีอี้ซานถือเป็นพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ อู๋ฝานสามารถเล่นงานห้าผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาดได้อย่างง่ายดาย กระทั่งสังหารเจ้าวัง ทั้งยังไม่ได้ลงมือด้วยตนเอง แต่เป็นการกระทำโดยคนรับใช้ข้างกาย
ในใจของเขาเวลานี้อู๋ฝานจึงเป็นประหนึ่งอสูรร้าย แม้อีกฝ่ายเผยสีหน้ายิ้มแย้มเอ่ยคำถาม แต่สวีอี้ซานราวกับได้เห็นภาพสังหรณ์ของตน ที่บ่งบอกว่าในชั่วอึดใจถัดมาอีกฝ่ายคงสังหารเขาทิ้งโดยไม่มีความลังเลใด ๆ
อู๋ฝานไม่ได้สนใจสายตาตื่นตระหนกของสวีอี้ซาน บางทีอาจเป็นสิ่งที่เขาอยากได้เห็นซะด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาตบมือลงกับร่างอีกฝ่ายพลางถาม “อยากเป็นเจ้าวังเมฆาสีชาดไหม?”
“จะ… เจ้าวัง?” สวีอี้ซานอุทานถามกลับ
คำถามของอู๋ฝาน มันเปรียบเสมือนสายฟ้าผ่าลงที่กลางใจของสวีอี้ซาน
แน่นอนว่าต้องอยากเป็น อย่างไรเขาก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนอยู่บนจุดเกือบสูงสุด มีทั้งความแข็งแกร่งและอำนาจ กล่าวให้ถูกต้องคือเป็นผู้ที่ได้รับความนับถือ
แต่เขาไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเมฆาสีชาด สถานะของเขาจึงไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เส้นสายของเขาก็ไม่ได้กว้างไกลกว่าผู้ใดด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงคิดว่าหากได้เห็นเจ้าวังแล้วจะเป็นอย่างไร ทว่าสุดท้ายก็ทำได้แค่ยอมละทิ้งความคิดนั้นไป และเลือกเป็นผู้อาวุโสเพื่อรักษาสถานะต่อไป
ทว่าคำถามที่ปรากฏอย่างกะทันหันนี้ มันไปกระตุ้นความปรารถนาที่ซ่อนลึกในใจของเขาขึ้นมา
สวีอี้ซานมองอู๋ฝาน สีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นที่เคยเป็น ราวกับเมื่อครู่เพิ่งถามว่ามื้อเช้ากินอะไรมาก็ไม่ปาน
“ว่ายังไง สนใจไหม?” อู๋ฝานเอ่ยเสียงเบา
สนใจไหม?
ก็ต้องสนใจอยู่แล้วสิ!
หากเป็นก่อนหน้านี้ที่ยังมีเมิ่งข่ายและผู้อาวุโสคนอื่น รวมถึงคนหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ในวังเมฆาสีชาด สวีอี้ซานคงไม่มีโอกาสได้ไขว่คว้าตำแหน่งเจ้าวัง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เจ้าวังและบรรดาผู้อาวุโสทั้งตายและได้รับบาดเจ็บ ศิษย์ที่ยังหนุ่มก็เผชิญกับความสูญเสียอย่างหนักหนา วังเมฆาสีชาดในเวลานี้ไม่เหลือชิ้นดี และเขา สวีอี้ซานคล้ายจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจะเป็นเจ้าวัง
“ว่ายังไง? ไม่สนใจเหรอ?” อู๋ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ
“ฉัน… ฉันสนใจ” สวีอี้ซานรีบตอบกลับ
“สนใจก็ดี” อู๋ฝานลุกขึ้นยืนก่อนจะตะโกนสั่งกลุ่มคนที่อัญเชิญออกมา “หยุด!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของอู๋ฝาน เหล่าสิ่งมีชีวิตอัญเชิญที่กำลังจะสังหารคู่ต่อสู้จึงหยุดการกระทำและปล่อยศิษย์วังเมฆาสีชาดให้รอดชีวิต การเคลื่อนไหวของพวกเขาแทบจะหยุดอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยซ้ำ
หลังอู๋ฝานอัญเชิญนักรบโลกอสูรออกมา และหลังความตายของเมิ่งข่าย เหล่าสิ่งมีชีวิตอัญเชิญไม่ได้ต่อสู้กับเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาด แต่เป็นการล้างบางสังหาร เมื่อนักรบโลกอสูรเข้าร่วมการต่อสู้ ศิษย์ของวังเมฆาสีชาดจึงยิ่งไม่อาจต่อกร นอกจากนี้ความตายของเมิ่งข่ายยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง พวกเขาแทบไม่เหลือแรงใจจะต่อสู้
สิ่งมีชีวิตอัญเชิญทั้งหกสิบคนต่างมาหยุดยืนตรงหน้าอู๋ฝาน สายตาของพวกเขาจับจ้องเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดด้วยจิตสังหารที่เปี่ยมล้นออกมา เผชิญหน้ากับสายตาดังกล่าว บรรดาศิษย์วังเมฆาสีชาดจึงต้องหดหัวถอยตัวกลับ ความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ พวกเขาได้รับรู้ด้วยตนเองแล้ว หากเลือกได้ พวกเขาก็ไม่ขอสู้กับศัตรูเหล่านี้อีกต่อไป
“ศิษย์วังเมฆาสีชาดจงฟัง ฉันไม่ได้มีเจตนาจะตั้งตัวเป็นศัตรูอะไรด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะผู้อาวุโสสำนักนอกนามจานเฮ่อของพวกคุณทั้งนั้น ฉันมาเยือนที่นี่วันนี้เพื่อหาทางสะสางปัญหาอย่างสันติ แต่เจ้าวังของพวกคุณกลับยังไม่ตอบรับ ขณะนี้จานเฮ่อและเมิ่งข่ายตายไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้มีเจตนาจะไล่บดขยี้จนตายหมดสำนัก ความเกลียดชังของพวกเราจะจบลงที่ตรงนี้” อู๋ฝานเอ่ยคำเสียงดังบอกกลุ่มคน “มีใครคิดเห็นเป็นอื่นหรือไม่?”
สีหน้าของเหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดต่างแปรเปลี่ยน พวกเขากระทั่งกระซิบกระซาบกันเอง บางคนคิดว่าที่อู๋ฝานพูดมานั้นสมเหตุและสมผล ขณะที่บางคนรู้สึกว่าอีกฝ่ายสังหารคนฝั่งวังเมฆาสีชาดมากจนเกินไป เรื่องราวไม่อาจปล่อยให้จบลงแค่ตรงนี้ได้
“ถ้าคิดเห็นเป็นอื่น ฉันยืนอยู่ตรงนี้และยินดีรับคำท้ารวมถึงการล้างแค้นทุกเมื่อ!” เสียงของอู๋ฝานดังขึ้นอีกครั้ง “แต่หากไม่เห็นต่างก็จงหุบปากให้เงียบ!”
เสียงของอู๋ฝานที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เหล่าศิษย์วังเมฆาสีชาดที่กำลังพูดคุยตระหนกจนเงียบเสียงลง เสียงกระซิบที่เคยมีเมื่อครู่ก็เลือนหายไปอย่างกะทันหันเช่นเดียวกัน
หากจะให้พวกเขาออกไปท้าทายอีกฝ่ายเพื่อแสวงการล้างแค้นคงไม่มีใครทำ ไม่ใช่ว่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดขลาดกลัว แต่พวกเขาเพิ่งต่อสู้กับลูกน้องของอู๋ฝานและได้ทราบว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าคิดจะล้างแค้นกับชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ ลำพังแค่ด่านทดสอบเช่นลูกน้องของอีกฝ่าย พวกเขาก็ยังไม่อาจผ่านไปหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มได้ด้วยซ้ำ หากเลือกเห็นต่างก็เทียบเท่าการแส่หาความตายมาสู่ตน
“ดี เหมือนทุกคนจะไม่มีใครเห็นต่าง” อู๋ฝานพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ “ฉันฆ่าเจ้าวังไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้เลยจะมอบเจ้าวังกลับคืนให้ นับจากนี้สวีอี้ซานจะรับผิดชอบหน้าที่เป็นเจ้าวังเมฆาสีชาด!”