ตอนที่ 330 ทุกข์ตรม
หลังจากซินโย่วไตร่ตรองหลายรอบ หากนโยบายใหม่สำเร็จ ขุนนางใหญ่ที่มีชาติกำเนิดตระกูลเก่าแก่ก็ย่อมมีจุดยืนเป็นศัตรูกับนาง แต่แน่นอนว่าก็ย่อมมีผู้สนับสนุน คนเช่นนี้เท่ากับสละผลประโยชน์วงศ์ตระกูล คิดเพียงเพื่อผลประโยชน์ของราษฎร
คนธรรมดามิใช่นักปราชญ์เหนือโลกิยะ จะมีสักกี่คนที่จะไร้ซึ่งความเห็นแก่ตน
แต่หากเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ดังเช่นองค์หญิงใหญ่ ผลประโยชน์พวกเขาผูกพันกับราชวงศ์ ย่อมได้รับการสนับสนุนจากคนเหล่านี้ได้ง่ายกว่า
องค์หญิงใหญ่เจาหยางไม่ได้คิดลึกเพียงนั้น ให้คำมั่นสัญญาว่า “ขอเพียงเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินและ ราษฎรจริงๆ อาก็จะต้องสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณเสด็จอาเพคะ”
มองดูดวงตาส่องประกายวาวของสาวน้อยแล้ว องค์หญิงใหญ่เจาหยาง ก็ถอนหายใจ “ขอบคุณอันใดเจ้าทำเพื่อราษฎร มิใช่ทำเพื่อตนเอง”
ช่างเป็นเด็กโง่เสียจริง เห็นอยู่ว่าเป็นองค์หญิงที่มีชีวิตสุขสบายได้ แต่กลับเลือกเส้นทางแห่ง ขวากหนาม
แต่ทว่าเช่นนี้จึงจะสมควรเป็นบุตรสาวของพี่สะใภ้
แต่พอองค์หญิงใหญ่เจาหยางคิดถึงเรื่องที่จะกระทำเพื่อแผ่นดินและเพื่อราษฎรที่ซินโย่วกล่าวถึง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นยิ่งมากขึ้น
“วันนี้เข้านอนเร็วหน่อย ทั้งวันเกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ เจ้าคงเหนื่อยแล้ว”
“เสด็จอาเข้านอนเร็วหน่อยก็ดีเพคะ” ซินโย่วส่งองค์หญิงใหญ่เจาหยางถึงประตูเรือน จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้มลงนอนบนเตียง
เพดานมุ้งพร้อมตะขอทองคำวิหคสีฟ้าครามร้อยไข่มุก โสตประสาทรับกลิ่นธูปหอมอ่อนเบาบาง ทุกอย่างเงียบสงบลง ห้วงคิดคำนึงของซินโย่วก็โบยบินไปหาเฮ่อชิงเซียว
ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของใต้เท้าเฮ่อเป็นอย่างไรบ้าง พรุ่งนี้จะไปทำงานได้หรือไม่
ยามนี้เฮ่อชิงเซียวพาดตัวอยู่บนเตียง บาดแผลใส่ยาแล้วยังคงปวดแสบปวดร้อน
แต่ความคิดเขาไม่อยู่ที่ความเจ็บปวดนี้
ใช้การโดนโบยเพียงสามทีแลกกับการปิดบังสถานะอาโย่วต่อฮ่องเต้ ถือว่าคุ้มค่าอย่างที่สุด แต่ที่ทำให้เขาหวั่นไหวมากที่สุดก็คือ อาโย่วใส่ใจเขา
เขารู้มาตั้งแต่อยู่ในถ้ำแล้ว หลังอาโย่วบอกเขาด้วยตนเอง
แต่ไรมาอาโย่วล้วนเป็นคนจริงจัง
เพียงแต่เขาไม่กล้าคิดมาก ไม่กล้าเชื่อมาก เพราะรู้ดีกว่าตนเองไม่อาจแบกรับความรักของนางได้
บิดาอาโย่วเป็นปฐมฮ่องเต้ก่อตั้งแผ่นดิน แม้เป็นขุนนางที่ทรงโปรดปรานเพียงใด แต่หากทรงกริ้วขึ้นมา รักษาชีวิตไว้ไม่ได้ก็มีให้เห็นไม่น้อย แล้วคนเช่นเขา เจิ้นฝูสื่อสำนักเป่ยเจิ้นฝู่ซือกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่เป็นที่หวั่นเกรงของบรรดาขุนนาง ฮ่องเต้ตรัสเพียงคำเดียวก็ถูกถลกกางเกงลงอย่างไม่ลังเล ให้ผู้อื่นโบยเขาโดยไม่แยแส
ความรู้สึกถูกลบหลู่เกียรติยามถูกปลดกางเกงลงต่อหน้าผู้คนจนถึงยามนี้ยังไม่อาจสลัดออกจากห้วงความคิดได้แม้แต่น้อย เขารู้สึกโชคดีที่ขันทีนำพระดำรัสมาถึงเร็ว และอาโย่วไม่ได้มาเห็นสภาพอนาถเช่นนั้นของเขา
อาโย่วปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ วันหน้าหากเพื่อปกป้องเขา นางจำต้องยอมรอมชอมกับฮ่องเต้ในบางเรื่องเขาควรทำเช่นไร
แม้ว่าดวงไม่ดี ชาติกำเนิดที่ทำให้ผู้คนต่างถอยห่าง ทว่าแต่ไรมาเฮ่อชิงเซียวไม่เคยเป็นทุกข์เพราะเรื่องเหล่านี้ แต่ตอนนี้เขาได้ลิ้มรสความทุกข์ขื่นขมแล้ว
ความขื่นขมนี้ยังมีความหวานล้ำ ทำให้ใจเขาสับสนยากข่มตาหลับ
ประชุมท้องพระโรงในเช้าวันต่อมา หลังหารือราชกิจจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็กวาดตามองไปยังขุนนางบุ๋นบู๊สองแถวตรงหน้า ตรัสพระสุรเสียงนิ่งว่า “เรามีเรื่องหนึ่งจะบอกทุกท่าน”
เมื่อวานข่าวลือที่ทรงพระราชทานพิธีสมรสให้คุณหนูโค่วกับซิ่วอ๋องไปถึงหูคนไม่น้อยแล้ว แต่ยังมีคนที่หูตาไวแอบได้ยินมาว่าคุณหนูโค่วไม่ใช่คุณหนูโค่ว แต่เป็นองค์หญิง สรุปได้ว่าข่าวลือมักเกินเลยความจริงไปมากจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่บรรดาขุนนางคับแค้นใจที่เมื่อวานเป็นวันพักผ่อน ไม่อาจมารวมตัวกันแลกเปลี่ยนข่าวสารได้ ยามนี้ได้ยินรับสั่งฮ่องเต้ ก็พลันตั้งอกตั้งใจรอฟัง
“ซินไต้จ้าวเป็นสตรี ก่อนหน้านี้ใช้สถานะซินมู่สำแดงตัว ก็เพื่อให้สะดวกต่อการทำงาน”
พอตรัสออกมาเช่นนี้ บรรดาขุนนางก็พากันตกใจ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ตกใจแท้จริง ส่วนน้อยที่แสร้งทำตกใจ แต่ใบหน้าตกใจในตอนนี้ไม่ต่างกันนัก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ค่อยกวาดพระเนตรไปยังขุนนางใหญ่ตรงหน้า ตรัสพระสุรเสียงนิ่งเรียบ “เพราะซินไต้จ้าวรูปโฉมเหมือนกับโค่วชิงชิงหลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงต้วนเหวินซง เดือนห้าปีที่แล้วถูกจวนรองเจ้ากรมจำผิดคน ตอนนี้ความจริงกระจ่างแล้ว ขอให้ขุนนางทุกท่านวันหน้าอย่าได้คาดเดาเรื่องนี้อีก”
ยามนี้แม้ว่าอยู่กลางท้องพระโรง บรรดาขุนนางก็ยังพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาเบา ๆ
เสียงวิจารณ์ดังมาถึงพระกรรณฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ แต่ไม่ทรงคิดสนพระทัย ตรัสขึ้นต่อว่า “เลิกประชุม” ทิ้งบรรดาขุนนางที่ยังคงตกตะลึงไว้ที่เดิม
ไม่มีฮ่องเต้อยู่ในท้องพระโรง คนไม่น้อยก็พากันก้าวไปหารองเจ้ากรมต้วน แม้ว่ามีสหายขุนนางรุมล้อมรองเจ้ากรมต้วนไว้หลายชั้นซักถามกันไม่หยุดแล้วก็ตาม
ขุนนางสำนักหงหลู[1] ได้แต่ส่งเสียงเตือนว่าอย่าได้ส่งเสียงดัง
รองเจ้ากรมต้วนถูกผู้คนห้อมล้อมออกจากประตูพระที่นั่ง ถึงกับไม่รู้ว่าเดินออกมาได้อย่างไร
“รองเจ้ากรมต้วน เจ้าจำหลานสาวตนเองผิดจริงหรือ”
“ใต้เท้าต้วน กล่าวเช่นนี้ ซินไต้จ้าวอยู่ในจวนท่านมาปีกว่า พวกท่านไม่รู้หรือว่านางไม่ใช่คุณหนูนอกตระกูลท่าน”
“พี่ต้วน…”
…
รองเจ้ากรมต้วนรีบลนลานเดินหนีไปทันที
เรื่องราวประหลาดนี้แพร่ออกไปพร้อมกับการสลายตัวของบรรดาขุนนาง ทุกคนกลับถึงที่ทำงานตนเอง ก็รีบแพร่ข่าวน่าตกใจนี้อย่างรวดเร็ว
สำนักฮั่นหลินย่วน
ฉือไต้จ้าวก้าวเข้ามาในห้องโถงทำงานไต้จ้าวรวดเร็ว “พี่ชายทุกท่าน พวกท่านได้ยินมาแล้วหรือยัง”
จานปู่ไต้จ้าวหลับตาพักผ่อนอยู่ก็มองมา
ฉีไต้จ้าวขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “ได้ยินอันใดหรือ”
ส่วนฮว่าไต้จ้าว ยามนี้จมจ่อมอยู่กับการวาดภาพ
ตั้งแต่ฮว่าไต้จ้าวถูกเรียกตัวเข้าไปวาดรูปในตำหนัก จากนั้นก็ถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าอีกหลายครั้ง แม้คนอื่นๆ ไม่ได้มีโอกาสถูกเรียกตัวเข้าเฝ้า แต่ชีวิตในสำนักฮั่นหลินย่วนก็สบายขึ้นมา คนในโถงทำงานคนอื่นๆ ต่างไม่กล้าแสร้งทำไม่เห็นพวกเขา บางครั้งก็มีคนเชิญไปรับประทานอาหาร หากเป็นเมื่อก่อน พวกเขาไม่มีทางนึกภาพนี้ออกอย่างแน่นอน
“พี่ฮว่า เลิกวาดได้แล้ว” ฉือไต้จ้าวส่งเสียงเรียก
ฉีไต้จ้าวยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “พี่ฮว่ากำลังตั้งใจวาดภาพอยู่ ไม่มีเวลาว่างมาคุยเหลวไหลกับเจ้าก็เท่านั้น”
“นี่มิใช่เรื่องเหลวไหล” ฉือไต้จ้าวพักหายใจก่อนเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าว ที่แท้เป็นผู้หญิง!”
พู่กันในมือฮว่าไต้จ้าวร่วงหล่น ทำเอาภาพวาดที่วาดใกล้เสร็จเปื้อนไปหมด
ฮว่าไต้จ้าวกลับไม่นึกเสียดาย ตรงมาคว้าแขนฉือไต้จ้าวไว้ “พี่ฉือ พี่พูดอันใดนะ ซินไต้จ้าวเป็นผู้หญิง?”
“เป็นไปไม่ได้!” ฉีไต้จ้าวตกใจอ้าปากค้าง
จานปู่ไต้จ้าวแววตาวูบไหวพลางกุมขมับ
“หลอกพวกเจ้าทำไมกัน ตอนเช้าฝ่าบาทตรัสด้วยพระองค์เอง ยังจะเท็จได้อีกหรือ!”
ฮว่าไต้จ้าวปล่อยมือ พึมพำกับตนเองว่า “มิน่าภาพซินไต้จ้าวมักทำให้ข้ารู้สึกว่าแปลก ที่แท้ก็แปลงโฉมมา…”
“แปลงโฉมมาจริงๆ พวกเจ้าเดาซิว่าซินไต้จ้าวหน้าตาเป็นอย่างไร” ฉือไต้จ้าวรู้สึกพึงใจกับปฏิกิริยาของทั้งสามคนมาก ตั้งใจจะพูดอ้อมไปมา
ฮว่าไต้จ้าวหลุดออกมาว่า “ย่อมต้องเหมือนฝ่าบาทสิ”
นี่เพราะสายตาแหลมคมของเขา เขาค้นพบความจริงนี้นานแล้ว!
ฉือไต้จ้าวสะอึก ไม่กล้าต่อคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ฮ่องเต้ ยังดีที่ยังมีเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่า “ยังมีเรื่องประหลาดยิ่งกว่าคุณหนูโค่วที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วเมืองหลวงก็คือซินไต้จ้าว”
พวกฮว่าไต้จ้าวพากันนิ่งอึ้งตาค้าง
ผ่านไปวันหนึ่ง ข่าวประหลาดนี้ก็มาถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน
ต้วนอวิ๋นหลางรำคาญอย่างมาก หลังเลิกเรียนก็ก้มหน้าก้มตากลับห้องพักตนเอง ระหว่างทางยังถูกบรรดานักเรียนนำโดยจังซวี่มาขวางทางไว้
“ต้วนอวิ๋นหลาง ข้ามีเรื่องถามเจ้า” จังซวี่น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ยอมให้ผู้ใดเอ่ยแทรก
ต้วนอวิ๋นหลางเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของจังซวี่ พลันรู้สึกนึกสงสัย
ไปสืบเรื่องซุบซิบมา ไม่ควรถึงขั้นเคร่งเครียดเช่นนี้กระมัง
[1] หน่วยงานรับแขก พิธีการ และงานศพ