สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 335 ร่วมงานเลี้ยง

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 335 ร่วมงานเลี้ยง

……….

ในใจเฝิงเหนียนกระตุกเกร็ง คุกเข่าลงต่ำยิ่งนอบน้อม

“เฝิงเหนียน เจ้าทำงานอย่างไรกัน” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามด้วยพระสุรเสียงตำหนิ

ก่อนหน้านี้ให้เฮ่อชิงเซียวจัดการเรื่องพวกนี้ ก็มิได้ทำจนเผยช่องโหว่

“กระหม่อมทำงานไม่ดี ขอฝ่าบาทลงอาญาพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้หลับพระเนตรก่อนจะลืมขึ้นโบกพระหัตถ์ “เอาละ เจ้าออกไปได้”

ตอนเดินออกจากวัง ในใจเฝิงเหนียนยังเย็นวาบ

แม้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้ตำหนิลงอาญาเขา แต่สูญเสียความไว้พระทัยจากฮ่องเต้ไปมาก วันหน้าคิดจะได้พระทัยฮ่องเต้อีกก็คงยาก

ซินโย่วยืนอยู่ใต้ต้นหลิ่ว มองสีหน้าสลดของเฝิงเหนียนด้วยแววตาเยียบเย็น พอเขาเดินจากไปไกลแล้วก็หันหลังไปยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างทาง “กลับจวนซิน”

เส้นทางขากลับ เสี่ยวเหลียนโมโหถามขึ้นว่า “ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินไม่ใช่คนดี ห่างไกลจากใต้เท้าเฮ่อจริง”

“อืม”

เสี่ยวเหลียนสำรวจสีหน้าซินโย่ว เลียบเคียงถามขึ้นว่า “คุณหนูจะไปเยี่ยมใต้เท้าเฮ่อหรือไม่เจ้าคะ”

ครึ่งวันมานี้ แม้คุณหนูมีงานมากมาย แต่คิดว่าหากเพิ่มการไปเยี่ยมใต้เท้าเฮ่ออีกสักงานก็คงได้กระมัง

เสี่ยวเหลียนอยู่ข้างกายซินโย่วเช้าค่ำ สังเกตได้ไม่ยากว่าคุณหนูตนปฏิบัติต่อใต้เท้าเฮ่อแตกต่างจากผู้อื่น

ใต้เท้าเฮ่อมอบวานรหยกชิ้นเล็กให้คุณหนู คุณหนูมักนำมากำเล่นในมือ

“ใต้เท้าเฮ่อน่าจะไม่ได้พักรักษาตัวอยู่ในจวน เสี่ยวเหลียน เจ้าส่งเทียบเชิญไปจวนฉางเล่อโหว เชิญน้ากุ้ยมาเป็นแขกที่จวนซินพรุ่งนี้”

“เจ้าค่ะ”

ยามบ่าย น้ากุ้ยก็ได้รับเทียบเชิญ ทั้งตกใจและดีใจ พอเฮ่อชิงเซียวกลับมา ก็รีบไปบอกอย่างแทบทนรอไม่ไหว

“ท่านโหว คุณหนูซินเชิญบ่าวไปเป็นแขกที่จวนเจ้าค่ะ”

เฮ่อชิงเซียวคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ไม่นานก็มีสีหน้าเป็นปกติดังเดิม “เช่นนี้ก็พอดีเลย น้ากุ้ยจะได้ไม่ต้องเอาแต่คิดถึง”

“ท่านโหวมีวาจาฝากถึงคุณหนูซินหรือไม่”

เฮ่อชิงเซียวส่ายหน้า

“ไม่ฝากวาจาไปจริงหรือเจ้าคะ” น้ากุ้ยไม่เชื่อ

คุณหนูโค่ว คุณชายซิน คุณหนูซิน ล้วนเป็นคนเดียวกัน นางไม่เชื่อว่าท่านโหวเห็นคุณหนูซินเป็นเพียงสหายธรรมดา

เฮ่อชิงเซียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “น้ากุ้ยก็บอกคุณหนูซินว่า บาดแผลข้าหายดีนานแล้ว ให้นางไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ”

น้ากุ้ยมุมปากเผยรอยยิ้ม “ท่านโหววางใจ บ่าวรับรองว่าจะนำวาจาไปบอกนาง”

เฮ่อชิงเซียวเบนสายตาหนี แอบซ่อนความรู้สึกขัดเขินน่าประหลาด “ขอบคุณน้ากุ้ยขอรับ”

เช้าวันรุ่งขึ้น น้ากุ้ยก็ยกกล่องอาหารสามชั้นหนักอึ้ง นั่งรถตรงไปจวนตระกูลซิน

“น้ากุ้ย” เสี่ยวเหลียนกะเวลามารออยู่ด้านนอกนานแล้วรีบเข้ามาต้อนรับ ยื่นมือไปรับกล่องอาหารจากมือน้ากุ้ย “ข้าถือเอง”

“ไม่ต้อง หนักอยู่”

“เช่นนั้นก็ยิ่งต้องให้ข้าถือ” เสี่ยวเหลียนดึงดันจะรับมาถือ พอถือมาไว้ในมือก็ทำเอาเกือบร่วง

น้ากุ้ยรับไว้ทัน เผยรอยยิ้มเอ็นดูให้เสี่ยวเหลียน “ก็บอกแล้วว่าหนักอยู่”

เสี่ยวเหลียน “…” แต่ไม่ควรหนักเพียงนี้ไหม!

หวนคิดถึงกล่องหนักเพียงนี้ใส่อาหารอร่อยไว้มากมายเพียงใด สาวใช้ก็พลันยิ้มเบิกบาน คล้องแขนน้ากุ้ยเดินเข้าไปด้านใน

“น้ากุ้ยมาแล้วหรือ” ซินโย่วเดินเข้ามา

น้ากุ้ยถือกล่องอาหาร อึ้งมองสาวน้อยที่เดินเข้ามาใกล้

นางเคยพบ “คุณหนูโค่ว” หลายครั้ง และเป็นการพบปะสนทนากันแท้จริง แต่เห็นชัดว่าสาวน้อยตรงหน้าใบหน้าดังเดิม แต่กลับทำให้นางรู้สึกเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน

เหมือนกับดอกเหมยตูมที่ในที่สุดก็เบ่งบานอย่างไม่สงวนท่าที เผยความสูงงามสง่าท่ามกลางความหนาวเหน็บเคร่งขรึม

เหมือนจริง เหมือนโอรสสวรรค์ที่นางเคยพบยามประทับอยู่บนแท่นสูงผู้นั้น

ซินโย่วยื่นมือออกไปรับกล่องอาหารจากมือน้ากุ้ยมาอย่างเป็นธรรมชาติ

น้ากุ้ยพลันสะดุ้งตั้งสติได้ พบว่าอาหารถูกซินโย่วรับไปถือด้วยท่าทีสบายๆ

“คารวะคุณหนูซิน” น้ากุ้ยรีบคำนับ

ซินโย่วเข้าประคองไว้ “น้ากุ้ย อย่าได้เห็นข้าเป็นคนนอก”

น้ากุ้ยสบตาดวงตากระจ่างใสของสาวน้อย ความรู้สึกห่างเหินที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พลันมลายหายไปหมดสิ้น

หน้าตาเหมือนฮ่องเต้แล้วอย่างไร ที่สำคัญก็คือคุณหนูซินเป็นบุตรสาวของฮองเฮาที่จากไป

ซินโย่วรับรู้ไว สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของน้ากุ้ย มุมปากก็กระดกโค้ง “น้ากุ้ย พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”

ซินโย่วเข้ามาในโถงบุปผาแล้วก็วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ หัวเราะเบาๆ ถามขึ้นว่า “ของอร่อยที่น้ากุ้ยทำเองหรือเจ้าคะ”

เอ่ยถึงของถนัด ความเคร่งเครียดของน้ากุ้ยก็ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด หยิบอาหารออกจากล่องไปเอ่ยไปว่า “นี่คือขนมซูหวงตู๋ที่คุณหนูชอบ นี่คือเปาะเปี๊ยะไส้ผัก นี่คือรากบัวราดน้ำผึ้งดอกกุ้ย…”

อาหารแต่ละอย่างวางขึ้นโต๊ะ เสี่ยวเหลียนกลืนน้ำลายเอ่ยว่า “น้ากุ้ย หากได้กินอาหารที่ท่านทำทุกวันก็คงเป็นวาสนาแท้!”

น้ากุ้ยยิ้ม “หากได้ทำให้คุณหนูซินกับเสี่ยวเหลียนกินทุกวัน ก็เป็นวาสนาข้าเช่นกัน”

ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ ซินโย่วคิดว่าแววตาที่น้ากุ้ยมองมาแฝงความหมายลึกซึ้ง

แก้มนางเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่อาจใช้สติควบคุมได้ จนกระทั่งน้ากุ้ยขอตัวกลับ จึงได้พอจะเข้าใจแล้วว่า อาจเพราะมีเพียงน้ากุ้ยที่ทำให้นางรู้สึกถึงน้าซย่าและผู้อาวุโสในหุบเขา

“ท่านโหวฝากบ่าวบอกคุณหนูซินว่า ให้ท่านวางใจบาดแผลของเขา”

“ท่านโหวไม่เป็นอันใดก็ดี”

น้ากุ้ยมองไม่เห็นอันใดจากใบหน้าซินโย่ว ในใจก็ทอดถอนใจหรือว่าท่านโหวคิดไปเพียงฝ่ายเดียว

รอสักครู่ ไม่ทันรอให้ซินโย่วฝากวาจาไป น้ากุ้ยก็กลับจวนหวนด้วยความผิดหวัง แต่พอเปิดกล่องของขวัญดู เห็นด้านในเป็นโสมก็สูดลมหายใจเฮือก

ซี๊ด…คุณหนูซินใจกว้างเฉพาะกับท่านโหว หรือว่ากับผู้ใดก็เป็นเช่นนี้

กว่าจะรอจนเฮ่อชิงเซียวกลับมาจากที่ทำการ น้ากุ้ยรีบนำของขวัญไปให้เขาดู “โสมคนนี้สีสันชั้นเลิศ อย่างน้อยมีค่าร้อยตำลึงได้”

เฮ่อชิงเซียวมองดูโสมป่าอวบอ้วน ก็ยกกล่องขึ้น “เช่นนั้นข้าจะเก็บไว้ให้ดี”

น้ากุ้ยจ้องมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มไปอย่างงุนงง ของขวัญสูงค่าเช่นนี้รับไว้ด้วยท่าทีไม่กะพริบตาเช่นนี้หรือ

ท่านโหวมิใช่คนเช่นนี้นะ!

เฮ่อชิงเซียวตรงกลับถึงห้อง ก็เปิดกล่องดูอีกครั้ง มองดูโสมคนอวบอ้วนครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือไปแตะส่วนหัวของโสมคนเบาๆ

พอดีคนงานยกน้ำเข้ามา เห็นท่าทางเฮ่อชิงเซียวก็เบิกตากว้าง

เหตุใดท่านโหวลูบส่วนหัวของโสมคน

แย่ละ คงมิใช่ปีศาจโสมคนล่อลวงท่านโหวเข้าแล้วกระมัง!

“มัวยืนทำอันใดอยู่” เฮ่อชิงเซียวเห็นคนงานยืนนิ่ง ก็ส่งสายตาเรียบเฉยมองมา

ท่านโหวเป็นปกติแล้ว

คนงานแอบโล่งอก ก่อนจะยกกะละมังเดินเข้าไป

วันต่อมารถม้าจวนองค์หญิงใหญ่มารับแต่เช้า ซินโย่วพาเสี่ยวเหลียนนั่งรถม้าเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังพร้อมกับองค์หญิงใหญ่เจาหยางและบุตรชายหญิง

“นอกจากพวกเรา ผู้ที่เข้าวังวันนี้ยังมีซิ่วอ๋องอีกคน คนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นพระสนมวังหลังที่ให้กำเนิดองค์ชายองค์หญิงกับบรรดาองค์ชายองค์หญิง…” องค์หญิงใหญ่เจาหยางเล่าเรื่องคร่าวๆ ของงานเลี้ยงวันนี้ให้ซินโย่วฟัง มองดูสีหน้านิ่งสงบของนางแล้วก็อดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

นางยังเป็นห่วงว่าอาโย่วจะตื่นเต้น แต่ดูท่าแล้วน่าเป็นห่วงเก้อเสียแล้ว

งานเลี้ยงในวังครั้งนี้เป็นงานภายในครอบครัว จัดในศาลากลางสวนดอกไม้ มีขันทีและนางกำนัลมารอ อยู่หน้าประตูวังนานแล้ว นำขบวนองค์หญิงใหญ่เจาหยางเข้าไป

ตลอดทางมามีแต่ศาลารับลม ภูเขาจำลอง ก้อนหินทรงแปลกตา รวมกันเป็นทิวทัศน์ งดงามดึงดูดสายตา ไม่นานก็มองเห็นผู้คนแต่งกายงดงามพากันเข้ามาในศาลายาวหลังหนึ่ง ศาลาติดริมน้ำ ในสระน้ำมีดอกบัวสีเขียวชูช่อรับแสงตะวัน

“องค์หญิงใหญ่เจาหยางเสด็จ…”

เสียงขันทีรายงานดังขึ้น เสียงพูดคุยกันในศาลาก็เงียบลง ทุกคนพากันลุกขึ้นทักทายองค์หญิงใหญ่เจา หยาง แววตาหลายคู่ บ้างก็เก็บงำ บ้างก็เปิดเผย มองไปยังสาวน้อยข้างกายนาง

ในบรรดาคนเหล่านี้ ซินโย่วเคยพบน้อยมาก ส่วนใหญ่พบกันครั้งแรก ได้เห็นผู้มีใบหน้าละม้ายฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ สายตาหลายคู่ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท