ตอนที่ 622 เกี่ยวพัน(2)
…………….
ตอนที่ 622 เกี่ยวพัน(2)
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่มีอะไรต้องคัดค้านอยู่แล้ว จึงรีบหาที่แล้วนั่งลง
แต่คนอื่นกลับไม่อยากใช้บริการแล้ว
“สาวน้อย แบบนี้ไม่ถูกนะ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสาวน้อยสองคนนี้อายุยังน้อยอยู่เลย แล้วจะรักษาคนได้ยังไง พวกเราอยากให้หมอลั่วตรวจชีพจรให้พวกเราน่ะ”
วันนี้พวกเขามาที่ซิ่งหลินถังก็เพื่อจะซื้อยาบำรุงสุขภาพ สาวน้อยคนนั้นกลับพูดว่ายังไม่มี แต่ได้ยินมาว่าหมอที่นั่งตรวจประจำร้านกลับมาแล้ว มีคนตรวจจับชีพจรได้แล้ว เห็นว่าเป็นหมอสูงอายุที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าแถวรอเพื่อรับการตรวจ
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อมั่นในตัวฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย คังอันเหอที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบอธิบายขึ้นทันที “นี่คือหมอฉินมู่หลาน พวกคุณมั่นใจในทักษะการแพทย์ของเธอได้เลยค่ะ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่อยากให้หมอฉินตรวจให้นะคะ”
“จริงเหรอ?”
ทุกคนต่างแสดงท่าทางไม่เชื่อ เพราะถึงอย่างไรรูปลักษณ์ของเซี่ยเหยียนลั่วก็ดูน่าเชื่อถือมากกว่า
แต่สองคนที่เพิ่งมาถึง ทันทีที่เห็นว่าเป็นฉินมู่หลาน ก็รีบเดินตรงเข้ามาหาเธอแล้วเอ่ยถาม “หมอฉิน วันนี้คุณตรวจเหรอคะ?”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใช่ค่ะ วันนี้ค่อนข้างยุ่งมาก เพราะฉะนั้นฉันก็เลยมาช่วยตรวจค่ะ”
“ดีจังเลยหมอฉิน ในที่สุดก็ได้พบคุณแล้ว ถ้าอย่างนั้นช่วยตรวจให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“ได้แน่นอนค่ะ”
ฉินมู่หลานจำได้ว่าหญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนไข้ที่มาตรวจกับเธอในวันที่ร้านเพิ่งเปิด และจำได้ว่าอีกฝ่ายมีเนื้องอกที่มดลูกแต่ขนาดไม่ใหญ่นัก หากได้รับการผ่าตัด ก็จะหายขาดในไม่ช้า “พี่สะใภ้ คุณมาอีกแล้ว เชิญนั่งก่อนค่ะ”
เกาซู่ฟางเห็นฉินมู่หลานจำหล่อนได้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“หมอฉิน คุณยังจำฉันได้ด้วยเหรอคะเนี่ย คุณความจำดีจังเลย ตั้งแต่ได้กินยาที่คุณจ่ายไปให้ ฉันก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ พอมีเวลาว่างก็จะแวะมาดู ในที่สุดก็ได้เจอคุณแล้ว” หลังจากพูดจบ หล่อนก็ยื่นแขนออกไป
หลังจากฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้อย่างละเอียดก็กล่าวว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนนะคะ กินยาอาจช่วยควบคุมอาการได้ แต่ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุค่ะ”
เมื่อนึกไปถึงว่าตอนนี้ตัวเองทำงานเสริมที่โรงพยาบาลปักกิ่งและโรงพยาบาลทหารแล้ว เธอจึงเสนออีกหนึ่งทางเลือก “พี่สะใภ้ คุณเชื่อใจฉันได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะทำการผ่าตัดให้คุณเอง ถึงยังไงฉันก็เป็นหมอประจำโรงพยาบาลปักกิ่งและโรงพยาบาลทหารด้วย โรงพยาบาลทั้งสองแห่งนี้สามารถทำการผ่าตัดให้คุณได้ค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เกาซู่ฟางก็ดูมีท่าทางลังเลนิดหน่อย แต่เมื่อนึกไปถึงว่ายาก่อนหน้าที่ฉินมู่หลานจ่ายให้มีประสิทธิภาพมาก หล่อนจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนหมอฉินแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เช้าคุณเข้าไปที่โรงพยาบาลปักกิ่ง เดี๋ยวพอฉันไปถึง จะทำการผ่าตัดให้ค่ะ”
“หมอฉิน ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนด้วยนะคะ”
ฉินมู่หลานยิ้มพลางส่ายหัว ก่อนจะกล่าว “ไม่รบกวนหรอกค่ะ”
คนที่มากับเกาซู่ฟางคือเพื่อนของหล่อน ได้ยินมาว่าทักษะการแพทย์ของหมอฉินแห่งซิ่งหลินถังดีมาก จึงขอตรวจด้วย
หลังจากฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้หล่อนแล้ว ก็เขียนใบสั่งยาให้ทันที แล้วเอ่ยว่า “ปัญหาของคุณไม่ได้มีอะไรมากค่ะ แค่กินยาตามที่สั่งไปสักช่วงหนึ่งก็จะดีขึ้น”
“จริงเหรอคะ นั่นเป็นเรื่องดีมากเลยค่ะ”
หลังจากเกาซู่ฟางและเพื่อนของหล่อนรับยาแล้ว ก็บอกลาฉินมู่หลาน “หมอฉินคะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปรอคุณตรงหน้าประตูโรงพยาบาลปักกิ่งนะคะ”
“ค่ะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราไปเจอกันตอนแปดโมงนะคะ”
หลังจากทั้งสองไปแล้ว คนอื่นก็มองฉินมู่หลานด้วยความลังเล สุดท้ายหลายคนก็เดินเข้าไปหา แล้วให้ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้ พวกเขาล้วนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้แล้ว ดูเหมือนว่าหมอฉินสาวคนนี้จะเก่งจริง
ส่วนทางด้านเซี่ยปิงหรุ่ย ก็มีหลายคนเดินไปหา ดังนั้นจึงต้องตรวจเร็วมากขึ้น
หลังจากตรวจคนไข้ให้รับยาทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดกล่าวไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าวันนี้คนจะเยอะขนาดนี้ โชคดีที่พวกเรามา ไม่อย่างนั้นถ้าคุณปู่ลั่วอยู่คนเดียวคงจะยุ่งมากแน่นอน”
เซี่ยเหยียนลั่วทุบหลังส่วนล่างของตัวเองเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ฉันก็แก่มากแล้ว นั่งทั้งวันแล้วเส้นก็ยึดเวลายืนก็จะยืดตัวตรงไม่ค่อยได้ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ซิ่งหลินถังของเราจะโด่งดังขนาดนี้แล้ว คนจึงแห่มากันเยอะ”
ฉินมู่หลานถามหลังจากรับแก้วชาไป “อาชุย วันนี้ปรับตัวได้มากขึ้นหรือยังคะ?”
ชุยจวี๋รีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ปรับได้แล้ว ปรับได้ดีมากเลย ฉันรู้สึกว่าซิ่งหลินถังนี่ดีมากเลย”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้มแล้วกล่าว “ปรับตัวได้ก็ดีแล้วค่ะ ถ้ามีคำถามอะไร ก็ลองคุยกับปิงชิงกับอันเหอดูนะคะ”
วันนี้ชุยจวี๋มาทำงาน จึงได้พบกับเซี่ยปิงชิงและคังอันเหออยู่แล้ว หล่อนจึงรีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ได้ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”
หลังจากเสร็จงานตรงนี้แล้ว ฉินมู่หลานก็ขอตัวกลับก่อน แต่เธอยังไม่ได้กลับบ้าน กลับตรงไปที่โรงพยาบาลปักกิ่งแทน เพื่อแจ้งให้ทางโรงพยาบาลปักกิ่งทราบเรื่องการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจึงกลับไป
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินมู่หลานมาถึงโรงพยาบาล เกาซู่ฟางก็มาถึงแล้ว ทันทีที่เธอเห็นฉินมู่หลาน ก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วกล่าวว่า “หมอฉิน พวกเราต้องเข้าไปเลยไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ เข้าไปกันเลย ฉันเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เกาชู่ฟางได้ยินแบบนี้ก็รีบพยักหน้าทันที
ครั้งนี้เป็นการผ่าตัดเล็ก ฉินมู่หลานจึงใช้เวลาผ่าเพียงแค่สี่ชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เกาซู่ฟางรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยหลังจากตื่นขึ้นมา “หมอฉิน นี่…เสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้ว ว่าเป็นเพียงการผ่าตัดเล็กเท่านั้นค่ะ” หลังจากพูดจบ เธอก็บอกเกาซู่ฟางเกี่ยวกับสิ่งที่ควรให้ความใส่ใจหลังจากนี้ จากนั้นก็ให้หล่อนไปรับยาแล้วกลับบ้าน
“หมอฉิน ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
หลังจากเกาซู่ฟางกลับไป ฉินมู่หลานก็เตรียมจะกลับเหมือนกัน แต่แถวนี้ใกล้กับบ้านของเหมาชุนเถา เธอจึงคิดว่าจะไปหาหล่อนสักหน่อย สองแม่ลูกไม่ได้กลับบ้านช่วงวันหยุดปีใหม่ เธอจึงวางแผนจะไปเชิญพวกเขามาเที่ยวเล่นที่บ้าน
แต่ในขณะนี้ เหมาชุนเถากำลังจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว พลางเอ่ยว่า “ทำไมคุณยังเสนอหน้ามาหาพวกเราอีก ไปซะ รีบไปให้พ้นหน้าฉัน”
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือสามีเก่าของเหมาชุนเถา ตอนนี้เขากำลังจ้องมองจี๋เซียงน้อยที่กำลังหลบอยู่ข้างหลังเหมาชุนเถาก่อนจะเอ่ยว่า “จี๋เซียงเป็นลูกชายผม เขาเป็นทายาทตระกูลซุนของพวกเรา ยังไงก็ต้องกลับไปกับผม”
“ไม่…ผมไม่กลับไปหรอก”
ถึงจี๋เซียงน้อยจะยังเด็ก แต่ก็พอรู้ความแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากอยู่กับแม่ ไม่อยากกลับไปกับพ่อ
เหมาชุนเถาได้ยินแบบนี้ สีหน้าก็แดงก่ำด้วยความโกรธ “ไปให้พ้น ไปให้พ้นหน้าฉันซะ จี๋เซียงเป็นลูกชายของฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลซุนของคุณแล้ว คุณดูแลเขาไม่ดีมาตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เขาไป”
“ไม่ได้ จี๋เซียงต้องกลับไปกับผม”
หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็ยื่นมือออกมาคว้าตัวจี๋เซียงน้อยไป
“ปล่อยผม ปล่อยผมนะ”
เหมาชุนเถายืนด้วยท่าทางมาดมั่นต่อหน้าจี๋เซียงน้อย เพียงแต่ความแข็งแรงของชายและหญิงค่อนข้างแตกต่างกัน หล่อนจึงไม่สามารถต้านทานได้ ขณะที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ก็มีมือหนาเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าของหล่อน ก่อนจะผลักซุนหนานกระเด็นออกไป
“สหาย นายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”