รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 1071 หลี่จิ่วเต้า ‘นางเซียนผู้นี้งดงามแล้วยังช่างเจรจา!’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 1071 หลี่จิ่วเต้า ‘นางเซียนผู้นี้งดงามแล้วยังช่างเจรจา!’

“สวัสดีนางเซียน”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มเล็กน้อย เรียกขานมู่อวี่ว่านางเซียน ไม่ใช่เพราะนอบน้อมเกรงใจ แต่เพราะมู่อวี่คือนางเซียนจริง ๆ

เห็นกับตาว่ามู่อวี่เหินมาจากอวกาศ ไม่ใช่นางเซียนแล้วจะเป็นสิ่งใดได้อีก ทะยานในจักรวาลได้ตามปรารถนา มู่อวี่ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

‘นางเซียน?’

ลั่วสุ่ยกระแนะกระแหนในใจ คุณชายเรียกขานมู่อวี่ว่า ‘นางเซียน’ เพราะต้องการเอ่ยชมความงามของมู่อวี่หรือ แม้ว่ามู่อวี่นั้นงดงามจริง ๆ สวยสุด ๆ ก็ตาม

นางมองจ้องมู่อวี่อย่างระมัดระวังระคนความอิจฉานิดหน่อย มีผู้อื่นมาแย่งคุณชายกับนางอีกแล้วหรือ

มู่อวี่ไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น

นางคลี่ยิ้มพลางเอ่ยชื่นชม “สหายเก่งกาจยิ่งนัก เพลงฉินระดับนี้เรียกได้ว่าเป็นเสียงจากสรวงสวรรค์ ไพเราะวิเศษยิ่งนัก จนข้าอดไม่ได้อยากมาทำความรู้จักสหายสักครา”

“อ้อ เช่นนี้หมายความว่านางเซียนก็แตกฉานด้านฉินเช่นกันหรือ”

หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกาย สนอกสนใจขึ้นมา

“พอมีความรู้อยู่บ้าง” มู่อวี่พยักหน้า

ไม่ใช่ว่านางถ่อมตน เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่จิ่วเต้า นางแค่มีความรู้อยู่บ้างจริง ๆ เพราะทักษะเพลงฉินของเขาเหนือกว่านางมากนัก!

ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทักษะเพลงฉินของพี่ชายเหนือกว่าหลี่จิ่วเต้าหรือไม่ เพราะในสายตาของนาง ทักษะเพลงฉินของหลี่จิ่วเต้าทัดเทียมพี่ชาย ยากจะตัดสินว่าผู้ใดเหนือกว่า

เก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ

คิดมาถึงนี่ นางก็อดทึ่งอยู่ในใจไม่ได้ หรือว่ามีบุคคลระดับเดียวกับพี่ชายอุบัติในดินแดนเก่าเป็นคนที่สองแล้วหรือ

‘ดินแดนเก่ามหัศจรรย์จริง ๆ มีบุคคลระดับสูงส่งอย่างพี่ชายแล้วคนหนึ่งไม่พอ ยังมีบุคคลระดับสูงส่งอย่างคนผู้นี้อีก!’

นางอุทานในใจ

ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ทำให้นางตัดสินใจว่าควรใช้ชีวิตในดินแดนเก่าต่อไป

นางเป็นเฉกเช่นปรมาจารย์ดินแดนใหม่ที่ฟื้นคืนชีพอย่างพวกจั่วเหยียน ชีวิตใหม่นี้ถือเป็นการกำเนิดใหม่อย่างเจิดจรัส เปลี่ยนแปลงถึงแก่นในทุก ๆ ด้าน!

เมื่อคราวนางกลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ตระหนักได้ถึงความมหัศจรรย์ของดินแดนเก่า นึกอยากฝึกฝนในดินแดนเก่า

หากได้ฝึกฝนในดินแดนเก่า ย่อมบากบั่นไต่ระดับขึ้นไปได้อีกก้าว!

‘ศักยภาพของดินแดนใหม่สูงว่า แต่ดันเกิดปัญหาใหญ่…’

นางลอบถอนใจเมื่อนึกถึงดินแดนใหม่

ดินแดนใหม่คือพรมแดนแสนวิเศษที่พี่ชายสร้างขึ้นจากพื้นฐานของดินแดนเก่า หากไม่มีเรื่องใดผิดคาด ขีดจำกัดของดินแดนใหม่ย่อมต้องสูงกว่า

น่าเสียดาย ดินแดนใหม่ยังไม่บริบูรณ์ คราวพี่ชายยังอยู่ไม่ได้มีปัญหาอันใด แต่หลังพี่ชายไม่อยู่แล้ว ความด่างพร้อยต่าง ๆ จึงปะทุออกมากันหมด

“พี่ชายห่วงใยใต้หล้า เป็นกังวลแทนสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนนับล้าน!”

ความใฝ่ฝันของพี่ชายคือสร้างพรมแดนซึ่งเหมาะแก่การฝึกฝนที่สุดให้ผู้ฝึกตน เพราะเหตุนี้ดินแดนใหม่ถึงอุบัติขั้น ถูกพี่ชายสร้างออกมา

ครานั้น พี่ชายเอ่ยบอกนางว่าดินแดนใหม่คือโลกในอุดมคติของพี่ชาย อนิจจา ดีเลิศเกินไปกลับไม่ตรงอุดมคติ

พี่ชายต้องการตามหาสิ่งที่ไม่ตรงตามอุดมคติออกมาเพื่อถ่วงดุลย์ น่าเสียดาย สิ่งที่ไม่ตรงตามอุดมคติไม่ได้พบเจอกันง่าย ๆ

เพราะอย่างนั้น พี่ชายถึงเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตดินแดนเก่าจำนวนหนึ่งไปยังดินแดนใหม่เพื่อค้นหาสิ่งที่ไม่ตรงอุดมคติและถ่วงดุลย์

ก่อนหน้านั้นดินแดนใหม่ยังว่างเปล่า ปัญหาหลายอย่างยากจะสะท้อนออกมา เมื่อดินแดนใหม่ไม่ได้ว่างเปล่า มีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยแล้ว ปัญหาที่ยากจะสะท้อนออกมาก็ค่อย ๆ เผยให้เห็น

พี่ชายคิดไม่ผิด

หลังจากสิ่งมีชีวิตดินแดนเก่ามายังดินแดนใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาก็เผยออกมามากมาย นางจำได้ดีว่าพี่ชายในเวลานั้นยุ่งเป็นพัลวัน คอยซ่อมแซมปัญหาต่าง ๆ ของดินแดนใหม่

กระทั่งอยากพบหน้าพี่ชายสักครายังยากเย็น

“มีความรู้อยู่บ้างนับว่าถ่อมตัวเกินไป มาสิ หากนางเซียนไม่รังเกียจ มาบรรเลงสักบทเพลงด้วยฉินของข้าเถิด”

เวลานั้นหลี่จิ่วเต้าเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาอยากฟังเพลงฉินของมู่อวี่ดู

หลังมู่อวี่ได้ยินคำกล่าวของหลี่จิ่วเต้าความคิดความอ่านก็กลับเข้าที่ คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉินของสหายเป็นหนึ่งในหมื่น วิเศษสูงส่ง สหายให้ข้าบรรเลงด้วยฉินเล่มนี้นับว่าเกินเอื้อมสำหรับข้าไป!”

นางไฉนเลยจะรังเกียจ ฉินเล่มนี้เทียบกับฉินของพี่ชายแล้วรังแต่จะทรงพลังกว่า ที่นางกล่าวมานั้นล้วนมาจากใจจริง

ทว่าหลี่จิ่วเต้าฟังแล้วกลับรู้สึกว่าที่มู่อวี่เอ่ยมาเป็นเพียงวาจาตามมารยาทเท่านั้น

ฉินอี๋อินเป็นเพียงฉินสามัญ ไม่ได้แลกมาจากบรรพจารย์ฝู ไฉนเลยจะเรียกได้ว่าหนึ่งในหมื่น สูงส่งวิเศษได้เล่า

เขานึกในใจ นางเซียนอย่างมู่อวี่ไม่เพียงแต่รูปงาม ซ้ำยังช่างเจรจามากด้วย

“ฉินธรรมดาสามัญเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่นางเซียนว่า”

เขาเอ่ยยิ้ม ๆ แต่ยังบอกความจริงออกไป เพราะไม่ใช่พวกชอบวางมาด กลับกันเขาซื่อตรงอย่างยิ่ง

ฉินธรรมดาสามัญ?

หมายความว่าอย่างไร?

ทั้งที่เป็นฉินวิเศษสูงส่ง เหตุใดต้องเอ่ยว่าธรรมดาสามัญด้วย

นัยน์ตาส่วนลึกของมู่อวี่ทอประกายแปลกใจ จดจำจุดพิลึกนี้ไว้

นางไม่ได้คาดคั้น

วาจาของผู้ยิ่งใหญ่ระดับหลี่จิ่วเต้าย่อมแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง หากคาดคั้นอย่างไม่รู้จักดูสถานการณ์ รังแต่จะทำให้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่จิ่วเต้าไม่พอใจ

ถึงแม้นางจะไม่ได้ต้องการประจบเอาใจผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่จิ่วเต้า แต่นางก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่จิ่วเต้าไม่พอใจ

“มาเถิดแม่นาง ลองบรรเลงดู”

ชายหนุ่มลุกขึ้น ยกที่ให้มู่อวี่ได้นั่งบรรเลงฉิน

มู่อวี่พยักหน้า นั่งลงโดยไม่ได้อิดออด นิ้วเรียวยาวขาวผ่องวาววามประดุจรูปแกะสลักหยกวางอยู่บนฉินอี๋อิน

ชั่วขณะนั้น แม้แต่ตัวนางยังไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ความรู้สึกคุ้นเคยถึงผุดขึ้นในใจ

ทว่าความรู้สึกคุ้นเคยนี้มาไวและไปไว แทบจะลมหายใจต่อมานางก็ไม่เหลือความรู้สึกนี้อีก

‘คงเพราะฉินเล่มนี้คล้ายกับฉินของพี่ชาย สูงส่งวิเศษเหมือน ๆ กัน ข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้กระมัง…’

มู่อวี่เอ่ยในใจ ไม่ได้คิดมากนัก นางมั่นใจว่าก่อนหน้านี้นางไม่เคยเห็นฉินอี๋อิน และไม่เคยแตะต้องฉินอี๋อินมาก่อน ไม่มีทางเกิดความคุ้นเคย

‘เกือบถูกจับได้แล้ว!’

ฉินอี๋อินคิดในใจอย่างตระหนก

มันสนิทกับมู่อวี่มาก ในอดีตมู่อวี่ดีดมันอยู่เป็นนิตย์ ยามสองมือของมู่อวี่วางบนตัวมัน มันจึงอดไม่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่คุ้นเคยต่อมู่อวี่ออกไป

ต่อมามันก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว สงวนพลังปราณทั้งหมดไม่ให้มู่อวี่จำได้

รูปลักษ์ของฉินในยามนี้ต่างจากที่มู่อวี่เคยสัมผัสในอดีตอย่างสิ้นเชิง รวมถึงรูปโฉมของคุณชายก็ด้วย นี่คือรูปโฉมคุณชายใน ‘ยุคนี้’ ไม่ใช่รูปโฉมดั้งเดิมของคุณชาย

นอกจากนี้ รวมถึงพู่กัน ธนูเซวียนหยวน และเครื่องใช้อื่น ๆ ของคุณชายก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์เดิม

‘นี่เป็นผลกระทบจากศึกนั้น หากยังเป็นดั่งเก่าต้องเกิดปัญหาใหญ่ ถูกจับตัวได้ง่ายแน่’

ฉินอี๋อินเอ่ยในใจ

หลังจบสงครามคราวนั้น ยอดศาสตราอย่างพวกมันผ่านอะไรมามาก ไม่ได้อยู่ในมือคุณชายตลอด พวกมันเพิ่งมาอยู่ในยุคนี้เท่านี้ ก่อนหน้านั้น ยอดศาสตราอย่างพวกนั้นพเนจรอยู่ที่อื่นมาตลอด

ด้วยเหตุนี้ ในดินแดนเก่าแห่งนี้ถึงมีตำนานเล่าขานถึงพวกมันนับคณา

ชื่อเรียกอย่างฉินอี๋อิน ธนูเซวียนหยวนก็ไม่ใช่นามอันแท้จริงของพวกมัน เป็นเพียงชื่อในประสบการณ์ช่วงหนึ่งของพวกมันเท่านั้น

‘อยากเปิดเผยตัวตนต่อมู่อวี่เหลือเกิน น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา…’

มันลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้ว่ายามนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ควรเปิดเผยตัวตน มันไม่สามารถเปิดเผยความจริงทั้งหมด หาไม่แล้วต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่

แต่กระนั้นมันยังดีใจที่อย่างน้อยมันก็ได้พบมู่อวี่อีกครั้ง

ความรู้สึกคุ้นเคยหายไป มู่อวี่ขจัดความคิดฟุ้งซ่าน ตั้งสติและบรรเลงเพลงฉินอย่างจริงจัง

พี่ชายเคยบอกนางว่าไม่ว่ากระทำเรื่องใดล้วนต้องจดจ่อ ห้ามไม่ให้วอกแวกนึกถึงเรื่องอื่น หากเป็นเช่นนั้นไม่ว่าเรื่องใดคงไม่อาจทำได้ดี

เสียงฉินดังขึ้น สีหน้าหลี่จิ่วเต้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นี่หรือพอมีความรู้อยู่บ้าง

นี่ควรเรียกว่ามีความรู้สุด ๆ ต่างหาก!

เขาสะท้อนใจ มู่อวี่ถ่อมตนเกินไปแล้ว ทักษะฉินระดับนี้ถือว่าเก่งกาจที่สุดในทุกคนที่เขาเคยพบ

ขณะเดียวกัน เซี่ยเหยียน หลิงอิน ต้นหลิว ก้อนหิน เสี่ยวหยา และต้าเต๋อพากันก้าวลงจากรถลากทั้งหมด

หลังพวกเขาก้าวออกมาก็ได้ยินเพลงฉินที่มู่อวี่บรรเลง พลันทึ่งกับทักษะของนางทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น

แม้แต่ต้นหลิวก็ด้วย อุทานจากใจว่านอกจากคุณชาย มู่อวี่คือผู้ที่บรรเลงฉินได้ยอดเยี่ยมที่สุดที่มันเคยพบ!

‘ข้ายังต้องฝึกฝนมากกว่านี้!’

เสี่ยวหยาสะท้อนใจกว่าผู้ใด นางถูกคุณชายชมว่ามีพรสวรรค์ด้านฉินสูงที่สุด อีกทั้งก้าวหน้าในด้านฉินได้อย่างพุ่งทะยาน ยกระดับมหาศาล

ทว่าเมื่อเทียบกับมู่อวี่ยังห่างไกลอีกมาก ไม่อาจเทียบกันได้เลย

ก่อนนี้นางยังทะนงตัวอยู่บ้าง ทว่าบัดนี้นางไม่เหลือความทะนงแม้แต่น้อย รู้ดีว่านางยังต้องตั้งใจฝึกฝนต่อไป

‘เฮ้อ ใต้หล้านี้มีผู้เก่งกาจอยู่เสมอ!’

ความรู้สึกของหลิงอินนั้นซับซ้อน

นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล บำเพ็ญวิถีด้วยเสียงเพลง วิถีแห่งเสียงเป็นสิ่งที่นางภาคภูมิที่สุด

นางในครานั้นมุ่งมั่นเฉิดฉัน ประพันธ์ลำนำ ‘เซียนโบยบินในห้วงนภา’ ด้วยขอบเขตจ้าวสูงสุดไว้ด้วย

ต่อมา หลังได้พบคุณชายถึงรู้ว่าวิถีแห่งเสียงของนางหาได้สุดยอดไม่ ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่ต้องก้าวเดิน

มาตอนนี้ได้พบมู่อวี่ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในวิถีแห่งเสียงอีกตนที่เหนือชั้นกว่านางมาก ทำให้หวนนึกถึงเมื่อคราวนางอยู่ในยุคโบราณกาล มุ่งมั่นเฉิดฉัน ประกาศศักดาว่าไม่มีผู้ใดเหนือกว่านางในวิถีแห่งเสียงได้นึกถึงทีไรก็หน้าร้อนผ่าวทุกที

เวลานั้นนางอยู่ในก้นบ่ออย่างแท้จริง เพิ่งจะถึงไหนเองก็กล้าเอ่ยว่าไม่มีผู้ใดเหนือชั้นกว่านาง

อีกด้าน ใช่ว่าทุกคนออกมากันหมด ยังมีอีกผู้หนึ่งซ่อนตัวในรถลากไม่ยอมออกมา

‘บัดซบ ซวยจริง ๆ! ก่อนนี้มีมารกู่ บัดนี้มู่อวี่มาอีกคน!’

เขาอยากร่ำไห้ คร่ำครวญในใจไม่หยุดอย่างน่าอนาถ กลัวสิ่งใดสิ่งนั้นมักเกิดขึ้น เขาไม่อยากให้คนรู้จักรู้เรื่องที่เขากลายมาเป็นข้ารับใช้

ทว่าราวกับโชคชะตาชอบเล่นตลกกับเขา คนรู้จักโผล่มาหาเขาคนแล้วคนเล่า

ใช่แล้ว เขาก็คือจั่วเหยียน ปรมาจารย์ผู้หนึ่งจากดินแดนใหม่ คืนชีพในดินแดนเก่า มีตาหามีแววไม่มาหาเรื่องหลี่จิ่วเต้าจนถูกกำราบมาเป็นบ่าว

ไม่ใช่แค่หลี่จิ่วเต้าเท่านั้นที่เป็นเจ้านายของเขา คนข้างกายหลี่จิ่วเต้าล้วนเป็นเจ้านายเขาทั้งหมด เขาต้องปรนนิบัติทุกคน!

‘ระยำจริง ข้าช่างน่าเวทนานัก!’

เขาก่นด่าในใจ ชอกช้ำอย่างยิ่งยวด

ดูมู่อวี่สิได้รับการปฏิบัติเช่นไร หลี่จิ่วเต้าวางตัวกับนางอย่างมีมารยาท ซ้ำยังเรียกนางว่า ‘นางเซียน’ แล้วยังได้รับคำเชิญจากหลี่จิ่วเต้าให้บรรเลงฉินอันวิเศษถึงเพียงนั้น!

เขาเล่า?

ต้องมาเป็นข้ารับใช้ อนาถเหลือเกิน!

แม้แต่ฉินวิเศษยังรังเกียจเขา ไม่ยอมให้เขาเช็ดถู สั่งให้เขาไปให้พ้นหน้า!

บัดนี้มู่อวี่กลับได้บรรเลงฉินวิเศษอย่างง่ายดาย เขาช่าง…ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ยิ่งคิดยิ่งตรอมตรม!

‘ได้อย่างไรกัน ทุกคนเป็นปรมาจารย์ดินแดนใหม่เหมือนกันหมดแท้ ๆ!’

เขาเอ่ยในใจอย่างเคียดแค้น ‘หรือเพราะมู่อวี่หน้าตามงดงาม? หากเป็นเช่นนี้ข้าก็ทำได้เหมือนกัน ข้าสามารถตอนตัวเองแล้วกลายเป็นสตรีอย่างแท้จริงได้เลย!’

บอกตามตรง หากเขาได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เขาก็อยากกลายเป็นสตรีสมบูรณ์นางหนึ่งเหมือนกัน!

‘บัดซบ เจ้าเด็กเหลือขอต้าเต๋ออย่าร้องหาข้าสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเชียว!’

เวลานั้น เขานึกถึงต้าเต๋อ ภาวนาในใจไม่หยุด

ต้าเต๋อถือเป็นคู่ปรับของเขาอย่างแท้จริง เขาเกรงกลัวต่อต้าเต๋อมาก!

เขากับมู่อวี่เป็นปรมาจารย์ดินแดนใหม่ทั้งคู่ ขืนออกไปมู่อวี่ต้องจำเขาได้แน่ เขาไม่ต้องการให้มู่อวี่เป็นสภาพเขาที่เป็นบ่าวรับใช้ เวลานี้จึงอยากซ่อนตัวอยู่เช่นนี้จนกว่ามู่อวี่จะกลับ

หากไม่มีต้าเต๋อ เขาไม่นึกวิตกแม้แต่น้อย ต้องซ่อนตัวจนกว่ามู่อวี่จะกลับไปได้แน่

ทว่าต้าเต๋ออยู่นี่ เขาไม่มั่นใจเลยจริง ๆ ต้าเต๋อไม่ได้ความสักนิด ราวกับต้องการข่มแต่เขาอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขามีเรื่องที่ไม่ต้องการทำ ต้าเต๋อจะโผล่มาพอดีแล้วสั่งให้เขาไปทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ!

‘ขอร้องเถิดต้าเต๋อฝอ! ต้าเต๋อฝอผู้เปี่ยมเมตตา! ต้าเต๋อฝอผู้องอาจเกรียงไกร! ขอเพียงท่านหลงลืมข้าไปสักระยะก็พอ!’

เขาภาวนาในใจอย่างเปี่ยมศรัทธา วอนขอให้ต้าเต๋อไม่เอ่ยถึงเขายามมู่อวี่ยังอยู่ก็พอ!

ซ่อนตัวจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงนี้เป็นอันพอ!

บอกตามตรง นี่ก็เพราะสิ่งมีชีวิตดินแดนใหม่ไม่เห็นท่าทางเลื่อมใสศรัทธาของจั่วเหยียน หากได้เห็นพวกเขาต้องอึ้งจนกรามค้างแน่

ปรมาจารย์ดินแดนใหม่เชียวนะ ตัวตนระดับแสวงวิถี แม้กระทั่งวิถีสวรรค์ยังถูกเหยียบอยู่ใต้เท้า พวกเขาบงการสั่งการได้ทุกวิถี แล้วจะภาวนาเพื่อสิ่งใดเล่า?

นอกจากนี้ ภาวนาต่อผู้ใดกัน?

ผู้ฝึกตนทั่วไปภาวนาต่อวิถีสวรรค์ ระดับแสวงวิถีเหยียบวิถีสวรรค์ไว้ใต้เท้าแล้วยังต้องภาวนาต่อวิถีสวรรค์อีกหรือ

อย่าล้อเล่นหน่อยเลย คำภาวนาของปรมาจารย์ขอบเขตแสวงวิถี วิถีสวรรค์รับไม่ไหวแน่!

น่าเสียดาย คำภาวนาของจั่วเหยียนคล้ายว่าไม่ได้ผล เขายังภาวนาไม่จบก็ได้ยินเสียงจากต้าเต๋อ

“บ่าวจั่ว แขกคนสำคัญมา ยังไม่รีบออกมาคอยรับใช้อยู่ข้างเคียงอีก บ่าวจั่วคิดอู้หรือไร”

ต้าเต๋อบ่นอยู่ข้างนอก จั่วเหยียนผู้อยู่ข้างในได้ยิน

‘เวร! เขาคือคู่ปรับของข้าจริง ๆ!’

จั่วเหยียนน้ำตานอง ชาติก่อนเขาทำกรรมใดไว้ เหตุใดถึงต้องมาพบพานต้าเต๋อ

เขาภาวนาด้วยความศรัทธาไม่ให้ต้าเต๋อเรียกเขายามมู่อวี่ยังอยู่ ทว่าต้าเต๋อบัดซบผู้นี้กลับเรียกเขาขณะที่มู่อวี่ยังอยู่!

‘แกล้งตาย ซ่อนตัวไม่ต้องออก!’

เขาไม่ลังเล รีบทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ ปัดกวาดภายในรถลากไปทั่วแสร้งว่ากำลังพัลวัน ไม่ได้ยินเสียงเรียกของต้าเต๋อ

จั่วเหยียนไม่อยากให้คนรู้จักอย่างมู่อวี่เห็นภาพที่เขาตกเป็นข้ารับใช้จริง ๆ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท