เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 600 คอยดูแล้วกันว่าใครจะถูกไล่ออกจากราชสำนัก

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 600 คอยดูแล้วกันว่าใครจะถูกไล่ออกจากราชสำนัก

จื่อฮุ่ยหยิบขนมออกมาจากตะกร้าใบเล็กที่เอามาด้วย ก่อนจะยื่นให้กับอาเอ่อร์ไท่

พวกนางล้วนเป็นคนที่มาจากในวัง ย่อมไม่ใช่คนโง่ คนผู้นี้ติดตามอยู่ข้างกายท่านข่านและใกล้ชิดอย่างมาก ต้องเป็นคนสนิทข้างกายของท่านข่านอย่างแน่นอน ดังนั้นต้องพยายามเอาใจเข้าไว้

“ให้เจ้า”

อาเอ่อร์ไท่เกาหัว แม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ดูจากท่าทางของจื่อฮุ่ย คงจะเอาให้เขากินกระมัง

เขาก้มหน้าลงมองดูขนมที่ข้างนอกใสราวกับหยดน้ำและด้านในมีสีชมพูคล้ายกลีบดอกไม้ในตะกร้าของนาง จึงถามด้วยความประหลาดใจ “นี่คืออะไร?”

มีคนที่รู้ภาษาทั้งสองแคว้นบอกเขาว่า “นางให้เจ้ากินขนม นี่คงเป็นของว่างในวัง”

อาเอ่อร์ไท่รับมาด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วกลืนมันลงไปในคำเดียว คงจะติดคอเขาเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะคายก็ไม่คาย

เซี่ยวั่งซูจึงให้คนเอาน้ำให้เขาถ้วยหนึ่ง อาเอ่อร์ไท่รีบดื่มลงไป “อร่อยก็อร่อยอยู่หรอก แต่มันหวานมาก!”

ที่ถู่เจียล้วนมีแต่อาหารแห้ง และที่นี่ก็ไม่มีน้ำตาล ดังนั้นรสหวานจึงเป็นอะไรที่แปลกมาก

ทันใดนั้นอาเอ่อร์ไท่ก็คิดถึงเมื่อวานนี้ตอนที่เค่อตุนแต่งเข้ามา ขบวนรับเจ้าสาวก็ได้มีการโปรยขนมมงคลมากมาย

ทุกคนต่างเสียดาย จึงให้เด็ก ๆ เก็บมันใส่ในกระเป๋า แล้วค่อยเอาออกมาเลียเป็นครั้งคราว

เพราะน้ำผึ้งนั้นต้องออกล่าไกลมาก หากโชคดีเจอผึ้งป่าก็จะสามารถได้น้ำผึ้งมา

จู่ ๆ อาเอ่อร์ไท่ก็ถามขึ้นมา “ที่ต้าจิ้นใคร ๆ ก็มีน้ำตาลกินอย่างนั้นหรือ?”

เซี่ยวั่งซูแยกเส้นไหมและฟังคนแปลไปด้วย ก่อนจะพูดว่า “ภายหน้าถู่เจียก็จะมีเช่นกัน เพราะพวกเราจะปลูกอ้อย ผลไม้ มันเทศ มันภูเขา…ในหลายอย่างล้วนสามารถเอามาสกัดเป็นน้ำตาลได้”

แม้ว่านางจะไม่เคยปลูกต้นไม้ แต่ระหว่างการเดินทางที่ยาวไกลเพื่อมาแต่งงาน นางได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำเกษตรทั้งหมดแล้ว

และได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการสร้างราชวงศ์อย่างไร

อาเอ่อร์ไท่เบิกตากว้าง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจประกายตาของท่านข่านเมื่อครู่แล้ว!

“องค์หญิง ท่านเป็นเทพธิดาหรือขอรับ! มีเพียงเทพธิดาเท่านั้นจึงจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความแข็งแกร่ง!” ในถ้ำต่าง ๆ ของถู่เจีย ล้วนมีภาพฝาผนังที่เทพธิดาช่วยเหลือโลกมนุษย์อยู่

เซี่ยวั่งซูได้ยินก็พ่นเสียงหัวเราะออกมา “ข้าไม่ใช่เทพธิดา ข้าเป็นแค่ภรรยาของท่านข่านของพวกเจ้า และเป็นเค่อตุนของพวกเจ้า”

อาเอ่อร์ไท่ชอบองค์หญิงมากจริง ๆ! แม้ว่านางจะดูบอบบาง แต่นางเก่งมาก นางสามารถนำของดีมากมายเพียงนี้มาสู่ถู่เจีย

อาเอ่อร์ไท่จึงออกไปพาคนกลุ่มหนึ่งมาช่วย

“อีกสองเดือนที่นี่ก็จะมีหิมะตกแล้ว ดังนั้นพวกเราต่างก็กำลังกักตุนเสบียงกันอยู่” ชาวถู่เจียแรงเยอะและสูงใหญ่ จึงสามารถช่วยหญิงทอผ้าที่ผอมบางเหล่านั้นประกอบเครื่องทอผ้าได้อย่างง่ายดาย

อาเอ่อร์ไท่มองดูเสื้อผ้าของพวกนาง ก่อนจะพูดขึ้นมา “เสื้อผ้าของพวกเจ้าบางเกินไปแล้ว เมื่อคืนมีการจุดกองไฟ ดื่มเหล้าจึงทำให้อบอุ่นขึ้น แต่เวลากลางคืนที่นี่จะหนาวมาก ข้าจะให้คนเอาหนังสัตว์มาให้ และให้คนสอนพวกเจ้าทำเสื้อผ้าที่อบอุ่นกว่านี้”

ที่ถู่เจียยังไม่ถึงเดือนสิบหิมะก็ตกหนักแล้ว มิน่าเล่า เพิ่งจะแต่งงานได้วันเดียวชางฉีก็ต้องพาพวกผู้ชายออกไปล่าสัตว์ และยังสามารถเห็นผู้คนในราชสำนักที่กำลังยุ่งวุ่นวายได้ทุกที่

แม้แต่เด็ก ๆ ก็ยังต้องไปต้อนสัตว์ด้วยเช่นกัน

“ขอบใจเจ้ามาก” เซี่ยวั่งซูออกมาจากกระโจมของหญิงทอผ้า ก่อนจะไปหาพวกช่างก่ออิฐ เพื่อคุยเรื่องการทำเตียงอุ่นกับพวกเขา

เมื่อออกมาอีกครั้ง เหล่าพ่อครัวหลวงก็เริ่มเตรียมอาหารแล้ว

โดยมีอาเอ่อร์ไท่และคนงานคอยเป็นลูกมือ เตาขนาดเล็กจึงถูกสร้างขึ้นที่ด้านนอก

เด็ก ๆ หลายคนมารวมตัวกันด้วยความสงสัย เพื่อดูว่าพวกเขาทำอาหารอะไร

อาเอ่อร์ไท่ก็ให้คนนำแกะที่หั่นแล้วมาตัวหนึ่ง บอกว่าจะย่างเนื้อแกะให้พวกเขากิน

ทั้งสองฝ่ายแม้ว่าจะต่างภาษากัน แต่ก็กำลังพยายามแสดงความปรารถนาดีของตนออกมา

“นั่นองค์หญิง!”

“องค์หญิง!” มีเด็กเห็นเซี่ยวั่งซู จึงถือมงกุฎดอกไม้เอาไว้ในมือแล้ววิ่งเข้ามา

เป็นมงกุฎที่ทำด้วยดอกไม้ป่า

เซี่ยวั่งซูประหลาดใจอย่างมาก ก่อนจะย่อตัวลงให้พวกเขาสวมให้นาง

“ท่านข่านไปล่าสัตว์ เขาจึงบอกว่าให้พวกเราดูแลภรรยาเขาให้ดี ๆ องค์หญิง พวกเราจะปกป้องท่านเองขอรับ!” เหล่าชายชาตรีตัวน้อยตบหน้าอกตัวเอง ดูฮึกเหิมอย่างมาก

เซี่ยวั่งซูใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะจูงมือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วนั่งกับพวกเขา

นี่เป็นประสบการณ์ที่นางไม่เคยมีมาก่อนในต้าจิ้น

จื่อหลันและจื่อฮุ่ยก็ได้รับกำไลและมงกุฎที่ทำจากดอกไม้เช่นกัน

“องค์หญิง คนที่นี่อัธยาศัยดีมากจริง ๆ นะเพคะ”

อย่างไรเสียก็ดีกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก

“รีบเอาลูกอมมา”

“เพคะ!”

อาเอ่อร์ไท่ได้ขนมมาหนึ่งตะกร้าจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก จึงตั้งใจจะนำไปให้ท่านแม่และพี่สาวกิน หลังจากเอาไปส่งให้ที่บ้านแล้ว เขาก็จะรีบกลับไปเฝ้าเซี่ยวั่งซูต่อ เพื่อดูว่าองค์หญิงมีอะไรขาดเหลือหรือไม่

“อาเอ่อร์ไท่!”

มีเสียงตะโกนดังขึ้น อาเอ่อร์ไท่จึงหันหน้าไป “ซูตี๋หย่า!”

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีน้ำเงินที่หรูหราและงดงาม กำลังถือแส้ยืนอยู่ไกล ๆ สีหน้าแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ

“ท่านข่านเล่า?”

“ท่านข่านไปล่าสัตว์ เจ้ามาหาเขามีเรื่องอะไร?”

อาเอ่อร์ไท่เป็นผู้ติดตามชางฉี หากต้องการหาชางฉี เช่นนั้นต้องถามอาเอ่อร์ไท่

ซูตี๋หย่ากัดริมฝีปาก “เมื่อครู่ข้าเห็นพวกเจ้าต่างก็ไปล้อมองค์หญิงจากต้าจิ้นนั่น เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนที่นางจะมา เจ้าพูดว่าอย่างไร?”

อาเอ่อร์ไท่เกาหัว ก่อนองค์หญิงมาเขาพูดอะไรอย่างนั้นหรือ?

“อ่อ นั่นข้าล้อเล่น องค์หญิงเป็นเทพธิดา พวกเราควรเคารพนาง ท่านข่านก็พูดแล้ว ต้องเคารพนางเหมือนที่เคารพเขา”

ซูตี๋หย่ามีสีหน้าเปลี่ยนไป “นางใช้คำพูดหวานหูมอมเมาพวกเจ้าหรืออย่างไรกัน อย่าลืมสิว่านางเป็นคนต้าจิ้น นางพาชาวต้าจิ้นเข้ามาในราชสำนักมากมายเพียงนั้น พวกเจ้าไม่กลัวหรือ?”

“คนเหล่านั้นล้วนเป็นช่างฝีมือและมีประโยชน์กับเรา ซึ่งมีทั้งช่างตีเหล็ก ช่างไม้ พวกเขาทำอะไรเป็นหลายอย่าง…” อาเอ่อร์ไท่ยังพูดถึงความดีของเซี่ยวั่งซูให้ซูตี๋หย่าฟังไม่ทันจบ

ซูตี๋หย่าก็เอ่ยขัดเขาขึ้นมาเสียก่อน “หุบปาก! จะเป็นไปได้อย่างไร ต้าจิ้นคือแคว้นที่ไม่อยากให้พวกเราเจริญรุ่งเรืองที่สุดแล้ว! เมื่อนางมาที่นี่ก็เป็นได้แค่เชลยศึกเท่านั้น มีแค่พวกเจ้าเท่านั้นที่ให้ความสำคัญกับนาง”

อาเอ่อร์ไท่ไม่พอใจขึ้นมาทันที “ห้ามดูถูกเค่อตุน! นางคือเค่อตุนที่สูงส่งที่สุดของพวกเรา เจ้าต้องขอโทษเดี๋ยวนี้!”

ซูตี๋หย่าเกิดมาก็เป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดแห่งทุ่งหญ้า และมีนักรบมากมายที่ทำทุกอย่างเพื่อเอาอกเอาใจนาง และนางก็ยังคิดว่าตัวเองคือคนที่จะได้แต่งงานกับชางฉี

ทว่าตอนนี้ชางฉีกลับแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ทั้งยังเป็นผู้หญิงจงหยวนที่นางดูถูกมากที่สุด

ซูตี๋หย่าไหนเลยจะทนได้

“ข้าว่าเจ้าต้องถูกมนต์ของนางมอมเมาเป็นแน่! จึงเสียสติและลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร!”

อาเอ่อร์ไท่ไม่อยากพูดกับนางอีก “ข้าขอเตือนเจ้าว่าเก็บคำพูดเหล่านี้ไปจะดีกว่า หากเจ้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าท่านข่านละก็ ข้ารับรองได้ว่าไม่เพียงเจ้าจะไม่ได้แต่งงานกับท่านข่าน เป็นผู้หญิงของท่านข่าน หรือมีลูกให้เขาแล้ว เกรงว่าคงจะถูกไล่ออกจากราชสำนักด้วย!”

ซูตี๋หย่าไม่เชื่อ นางกับชางฉีต่างหากที่เป็นสาวงามคู่วีรบุรุษ ผู้หญิงที่มาจากแคว้นอื่นก็แค่แสดงให้ต้าจิ้นดูก็เท่านั้น

จะสามารถรอดพ้นฤดูหนาวปีนี้ไปได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ผู้หญิงจงหยวนที่อ่อนแอเช่นนี้ จะให้กำเนิดทายาทที่แข็งแรงได้อย่างไรกัน!

ซูตี๋หย่าคิดถึงตรงนี้ ก็มองตะกร้าใบเล็กที่อาเอ่อร์ไท่ถืออยู่ ก่อนจะสะบัดแส้ฟาดออกไป จนตะกร้าร่วงลงพื้น ขนมก็กระจัดกระจายไปหมด

“คอยดูก็แล้วกัน! ดูว่าใครจะเป็นคนถูกไล่ออกจากราชสำนัก!”

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคนจี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอแต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม!.โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย!.เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน!..ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้..จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท