บทที่ 1054 สหายผู้จริงใจ
ซูอันมองผู้คุมที่อยู่รอบ ๆ ไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย เขาจึงเริ่มสุ่มรางวัล
ขอบคุณที่ร่วมสนุก… ขอบคุณที่ร่วมสนุก… ขอบคุณที่ร่วมสนุก…
จู่ ๆ ไฟคีย์บอร์ดก็หยุดที่ปุ่ม P
ขอแสดงความยินดี! ท่านได้รับรางวัลทักษะใหม่ “สหายผู้จริงใจ!”
ซูอันรู้สึกแปลก ๆ ในขณะที่มองคำอธิบายทักษะ
สหายผู้จริงใจ : ในโลกนี้มีเพื่อนที่ลึกลับและจริงใจอยู่มาก ไม่สำคัญหรอกว่าท่านต้องการพิสูจน์คำพูดของท่านว่าจริงหรือไม่ หรือมีบางสิ่งที่ไม่ต้องการพูดถึงเพราะมันน่าละอายเกินไป เขาจะเข้ารับรองท่านทันทีโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่มีใครเคยเห็นเขามาก่อน แต่เขามีอยู่จริงในชีวิตของทุกคน
เอฟเฟกต์ทักษะ : เมื่อท่านใช้ ‘สหายผู้จริงใจ’ ทุกคนจะรู้ว่าท่านกำลังปั้นน้ำเป็นตัว จริง ๆ แล้วสหายคนนั้นคือตัวท่านเองนี่แหละ
ซูอันตกตะลึง บัดซบ? ทักษะนี้ไม่ใช่แค่ขยะเหรอ? ถ้าข้าพูดว่า ‘สหายผู้จริงใจ’ ทุกคนก็รู้อยู่ดีว่าข้ากำลังพูดถึงตัวเองอยู่? แล้วข้าจะใช้ทำไม? นี่มันไม่ต่างอะไรกับเจอพวกต้มตุ๋นเลย!
ทักษะนี้เป็นการหลอกลวง อารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนักหลังจากสุ่มทักษะที่ไม่มีประโยชน์ออกมา เขาทำได้เพียงสวดอ้อนวอนต่อสวรรค์ให้ประทานทักษะที่สามารถช่วยให้พ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันได้
ขอบคุณที่ร่วมสนุก… ขอบคุณที่ร่วมสนุก… ขอบคุณที่ร่วมสนุก…
เปลือกตาของซูอันกระตุกเมื่อเห็นคำเหล่านี้ ในท้ายที่สุด เขาไม่ได้รับทักษะหรือของวิเศษแบบใหม่เลย เขาทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
จำนวนผลไม้พลังชี่ที่ได้รับทั้งหมดคือสามร้อยสามสิบเอ็ดผล นับเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ของอัตราการสุ่มทั้งหมด โชคของเขาในวันนี้คือขยะจริง ๆ
หลังจากมองไปรอบ ๆ แม้จะเห็นว่าไม่มีใครสนใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เขาไปที่มุมและใช้ร่างกายบังสายตาจากภายนอกไว้ จากนั้นก็แอบเรียกต๋าจี่และให้ผลไม้พลังชี่แก่นาง
คลื่นพลังของต๋าจี่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและนางก็ก้าวเข้าสู่ระดับหก
ในที่สุด อารมณ์ของซูอันก็ดีขึ้น เขาคิดในใจว่า หากข้าได้รับคะแนนความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีกและสามารถยกระดับต๋าจี่ไปสู่ระดับปรมาจารย์ หรือแม้แต่ระดับปราชญ์ ข้าจะไม่อยู่ยงคงกระพันไปเลยเหรอ?
แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาจะไม่เลวร้ายนัก แต่ระดับเจ็ดก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยในเมืองหลวง มีผู้บ่มเพาะระดับแปดอยู่ทุกหนทุกแห่ง เขาอยากจะร้องไห้เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เขาบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง แต่ในท้ายที่สุดการบ่มเพาะของต๋าจี่กำลังจะตามเขาทัน อภิมหาบัดซบจริง ๆ…?
ทันใดนั้น เขาเก็บต๋าจี่กลับมาอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมาโกวซือปรากฏตัวด้านนอกและถามว่า “น้องซู เจ้าสบายดีไหม?”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าแค่มาฉี่” ซูอันสั่นตัวเล็กน้อยแล้วดึงกางเกงขึ้น
“ดีแล้ว ๆ เจ้าสามารถเรียกใครก็ได้ถ้ามีอะไรที่ต้องการ” โกวซือมองอย่างจับสังเกต เมื่อเห็นว่าซูอันปกติดี เขาก็จากไป พึมพำกับตัวเอง “แปลกจัง… ข้าว่าข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังบางอย่าง นี่ข้าคิดไปเองงั้นเหรอ?”
ซูอันเตือนตัวเองทันที ดูเหมือนว่าจะดีกว่าที่จะระมัดระวังมากกว่านี้ หากเรื่องของต๋าจี่รู้ไปถึงหูของจูเซี่ยฉือซิน สิ่งต่าง ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาได้
จากนั้นเขานอนลงบนเตียงและเริ่มทบทวนรายละเอียดของเรื่องทั้งหมดอย่างช้า ๆ…
…
ซูอันไม่ได้ถูกสอบปากคำเป็นเวลาหลายวัน เขาเบื่อในห้องขังมากจนรู้สึกเหมือนแม่ไก่อยากจะวางไข่
โชคดีที่ฉู่ชูเหยียนมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว นำข้อมูลล่าสุดจากราชสำนักมาให้ “ราชสำนักกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย เนื่องจากยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด ฝ่ายขององค์หญิงรัชทายาทจึงเริ่มทำการตอบโต้อย่างเต็มกำลัง โดยพยายามสืบสวนหาผู้บงการที่วางแผนใส่ร้ายอยู่เบื้องหลัง
“ฝ่ายของราชันลมปราณไม่เต็มใจที่จะถอยเช่นกัน พวกเขาเอะอะกันอย่างมากกับพยานและเสื้อผ้าของเจ้าที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ว่าแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับองค์หญิงรัชทายาทจริง ๆ เหรอ? ทำไมเสื้อผ้าของพวกเจ้าถึงถูกพบด้วยกัน”
ซูอันยิ้มด้วยความเขินอายและพูดว่า “พวกเราถูกใส่ร้าย มันเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะขโมยเสื้อผ้าของข้า”
“แต่การขโมยชุดองค์หญิงรัชทายาทนั้นไม่ง่ายใช่ไหมล่ะ?” ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้สงสัยซูอันอย่างจริงจังนัก นางกล่าวต่อ “หลังจากการถกเถียงกันอย่างรุนแรง มีคนเสนอให้ตามผู้เบิกเท็จมาพิสูจน์หาความจริง
“ในตอนแรก หลายคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีอะไรอื่นที่พวกเขาสามารถทำได้ ปล่อยให้พวกเขาเดินคิดไปมาสักสองสามวัน ข้าเชื่อว่าทุกคนจะบรรลุข้อตกลงในไม่ช้า และผู้เบิกเท็จจะมาจัดการเรื่องนี้”
แววตาของฉู่ชูเหยียนเผยให้เห็นถึงความกังวลของนาง “ความแข็งแกร่งของผู้เบิกเท็จนั้นยากจะหยั่งถึง เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าราชันลมปราณเลย มีบางคนสงสัยว่าความสามารถในบางด้านของเขาอาจจะเทียบได้กับฝ่าบาทด้วยซ้ำ ไม่มีใครสามารถโกหกต่อหน้าผู้เบิกเท็จได้”
ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับเกียรติเช่นนี้ แม้แต่คนสำคัญก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
เขาจำได้ว่าอวิ้นเจียนเยว่กล่าวว่ามีคนสองคนครึ่งที่นางหวั่นเกรง เขารู้ว่าสองคนคือจักรพรรดิและราชันลมปราณ อีกครึ่งหนึ่งที่ว่าจะใช่ผู้เบิกเท็จคนนี้หรือไม่?
“เจ้ายังมีอารมณ์จะหัวเราะอีกเหรอ?” ฉู่ชูเหยียนเริ่มตื่นตระหนก “ถ้าเจ้าทำอะไรลงไปจริง ๆ ไม่มีทางที่จะซ่อนมันจากผู้เบิกเท็จได้”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ “สมมุตินะ แค่สมมุติ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีบางอย่างระหว่างข้ากับองค์หญิงรัชทายาท? เจ้าจะทำอย่างไร?”
ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว “ต่อให้เจ้าต้องตายก็สมควรแล้ว!”
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
—
ดูสาวขี้หึงคนนี้สิ! ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ทั้งองค์หญิงรัชทายาทและข้าเป็นผู้บริสุทธิ์” แม้ว่า… การตีความคำว่าบริสุทธ์ของเราอาจแตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิด
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว เมื่อผู้เบิกเท็จมา เจ้าควรจะได้ออกจากคุกหลวงในไม่ช้า”
ซูอันสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของภรรยา หัวใจของเขาอ่อนลง เขาจับมือนางและพูดว่า “ชูเหยียน ข้าทำให้เจ้าลำบากมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เจ้าต้องวิ่งไปโน่นมานี่ไม่ได้หยุดเลยใช่ไหม?”
ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจและพูดว่า “ข้ารู้ว่าทุกสิ่งที่ข้าทำไปล้วนไร้ประโยชน์ เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ร้ายแรงมาก ทั้งตระกูลฉู่และตระกูลฉินไม่สามารถทำอะไรให้เจ้าได้มากเกินไป”
ซูอันยิ้มอย่างอบอุ่น “เจ้าช่วยข้าได้มากแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ใช่ผู้เบิกเท็จที่มา แต่ข้าจะถูกปิดปากอย่างลับ ๆ แทน”
ฉู่ชูเหยียนยิ้ม “เจ้ามักจะปลอบโยนข้าเสมอ”