บทที่ 196 อย่าทำร้ายเด็กในท้องจะดีกว่า
“เอา……เออะ เอาอาหารเมนูแนะนำของโรงเหล้ามาอีกหนึ่งจาน เออะ ……เจ้าเอามาให้ในเวลาที่สั้นที่สุดจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาเจ้ามาเป็นอาหารแทน” สายตาของหลานเยาเยาจ้องมองอยู่ที่อาหารรสเลิศ บ่นคำสาบานพึมพรำ : “กินพวกเจ้าไม่หมด ข้าจะคุกเข่าลงรองเพลงเพื่อเอาชนะ!”
นึกถึงเมื่อสองสามวันก่อน ถ้าไม่ใช่หนีตายก็เก็บคนมารักษา ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กินอาหารดีๆมื้อใหญ่ๆเลย
วันนี้นางจะต้องกินอาหารเลิศรสชดเชยสองสามวันที่ผ่านมาที่ขาดหายไป
ถ้าไม่ได้ชดเชยคืนมา สาบานว่าจะไม่เป็นคนอีก!
พนักงานร้านกลืนน้ำลาย หน้าตาแสดงออกถึงความหวาดกลัว เหลือบมองชุดผ้าไหมคุณภาพสูงบนตัวนางอีกครั้ง จึงได้หลบออกจากห้องส่วนตัวไป
เจ้านายที่ร่ำรวย ไม่สามารถหาเรื่องได้
พนักงานเพิ่งออกไป หลานเยาเยาก็เอามือลูบท้องที่พองขึ้นของนาง ถึงแม้ว่าจะกินจะจุกแล้ว แต่มืออีกข้างหนึ่งของนางก็ยังคงคีบอาหาร คำแล้วคำเล่าใส่เข้าไปในปาก
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบช่วยเขาหน่อย ขอร้องพวกท่านล่ะ……”
เสียงร้องไห้ของหญิงผู้หนึ่งดังมาจากทางหน้าต่าง นางร้องไป พร้อมทั้งส่งเสียงขอร้องไปทางกลุ่มคน
“อาฝู เจ้ารีบไป อย่าห่วงข้า ไม่งั้นพวกเราทั้งคู่ต้องตายที่นี่แน่” เสียงที่หนักแน่นของชายผู้หนึ่งที่ดูอ่อนแอดังขึ้น
“ข้าไม่ไป เจ้าตายข้าก็จะไม่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ถ้าต้องโดนพวกเขาจับไปเผาบนแท่นบูชาให้ตายทั้งเป็น เช่นนั้นตายพร้อมเจ้าที่นี่ยังดีซะกว่า”
เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ที่น่าเศร้าสลด เสียงของการเกิดการตายการจากลา หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน จากนั้นก็เอาเอวไปค้ำไว้กับขอบหน้าต่าง มองหาที่มาของต้นเสียง
เห็นเพียงชายหญิงสองคนแต่งตัวแบบต่างชาติ นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ใต้ชายคาของโรงเหล้าฝั่งตรงข้าม
บนตัวของผู้ชายมีบาดแผลจากมีดหลายรอย บาดแผลที่ร้ายแรงที่สุดสุดอยู่ตรงท้อง บนคอและที่ข้อมือมีรอยโดนมัด ผู้หญิงดูดีกว่าผู้ชายมาก แม้ว่าที่คอที่มือและเท้าจะมีรอยโดนมัดอย่างชัดเจน แต่นางไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ผมเผ้ารุงรังดูน่าสังเวช
และเจ้าของร้านเหล้า ไม่เพียงแต่ไม่สงสารพวกเขา ยังจะรังเกียจความซวยของพวกเขาทั้งคู่ด้วย สั่งให้คนไล่พวกเขาไป
แต่ทว่า!
ที่น่าแปลกมากก็คือ เมื่อพวกเขาโดนไล่ไปบนถนนใหญ่ ผู้คนบนถนนเมื่อเห็นการแต่งตัวของพวกเขา ก็ต่างตกใจแล้วหลบหนีไปอยู่ไกลๆ
หลานเยาเยารู้สึกคันไม่คันมือขึ้นมานิดหน่อย คู่รักที่แสนจะเหมาะสมกันที่น่าสงสารเช่นนี้ หากนางไม่ยื่นมือเข้าช่วย ภายในจิตใจต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่!
แต่ว่านางไม่สามารถช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพาคนกลับไปที่โรงเตี๊ยมเลย
เย่แจ๋หยิ่งจะต้องฆ่านางแน่ๆ
จังหวะนี้พอดี พนักงานร้านวิ่งยกอาหารเมนูแนะนำของร้านเข้ามา ยังไม่ทันรอให้พนักงานร้านวางอาหารลงดีๆ หลานเยาเยาก็จับเขาไปถาม
“มองเห็นคนสองคนนั่นที่แต่งตัวแปลกๆบนถนนหรือไม่?”
พนักงานร้านโดนการกระทำที่กะทันหันของหลานเยาเยาขู่ให้ตกใจ ในใจคิดเพียงว่าในมือที่เขายกมาต่างหากที่อร่อย ไม่ใช่เขา!
หลังจากที่รู้ว่าหลานเยาเยาไม่ได้คิดจะกินเขา เขาจึงได้มองไปยังทิศทางที่หลานเยาเยาชี้ไป
“มอง มองเห็นแล้วขอรับ”
“พวกเขาเป็นใคร? ทำไมทุกคนต่างกลัวพวกเขา?”
“คุณชาย ท่านคงจะไม่รู้ คนปกติธรรมดาจะไม่แต่งตัวเช่นนี้ ที่แต่งตัวเช่นนี้ก็จะมีเพียงเด็กชายเด็กหญิงในชนเผ่าเท่านั้น พวกเขาเป็นคนที่ต้องถวายให้กับหุบเขาจิ้น พูดให้กระจ่างก็คือเป็นเครื่องเซ่นไหว้
ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาถูกเลือกให้เป็นเครื่องเซ่นไหว้เป็นต้นมา ก็จะถูกลิขิตว่ามีความโชคร้ายติดตัว จนกว่าจะถึงเวลาเซ่นไหว้ ตอนนี้พวกเขาหนีออกมาแล้ว หากใครที่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาก็จะเท่ากับว่าเข้าไปพบกับความโชคร้ายด้วย”
เด็กชายเด็กหญิง?
ความโชคร้ายติดตัว?
หลานเยาเยาไม่เชื่อเรื่องที่พูดว่าความโชคร้ายจะติดตัว นี่เป็นเพียงแค่ประเพณีและก็ข่าวลือก็แค่นั้น
นางไม่ใช่นักปราชญ์ ไม่สามารถไปแก้ไขทัศนคติของผู้อื่นได้ และก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนหมู่มากได้
ช่วยคนนี่สิ……
งั้นก็ช่างมันละกัน!
นางไม่อยากจะสร้างปัญหาเพิ่มโดยไม่จำเป็น บนโลกนี้เรื่องไม่ยุติธรรมเต็มไปหมด นางจัดการไม่ได้ และไม่อยากจัดการ
ด้วยเหตุนี้!
หลานเยาเยาจึงได้กลับไปยังที่นั่งทันที แล้วก็ปิดหน้าต่างลง
บนถนน ผู้หญิงที่ชื่ออาฝู เห็นการตอบสนองของกลุ่มคน ก็รู้ว่าหมดความหวังในการขอความช่วยเหลือแล้ว จึงได้พยุงผู้ชายที่อยู่ข้าง ก้าวทีละก้าวเดินไปในทิศทางที่ไกลออกไป
คิดไม่ถึง……
“พวกเขาอยู่ตรงนี้ เร็วเข้า จับพวกเขากลับมา พวกผู้อาวุโสกำลังรอเซ่นไหว้อยู่!”
“หยุดนะ อาฝู โม่ซาง รีบกลับไปกับพวกข้า พวกเจ้าอยากจะให้ชนเผ่าเผชิญกับความวิบัตหรือไง?”
คนที่มาจับกุมพวกเขา รีบมาทางพวกเขาทั้งคู่เพื่อสกัดไว้อย่างรวดเร็ว ผู้เป็นผู้นำเต็มไปด้วยความโกรธและคำตำหนิ
ทำไมพวกเขาจึงคิดไม่ถึง หลายปีที่ผ่านมานี้ของเด็กชายเด็กหญิง ผู้ใดบ้างที่ไม่ได้รอคอยการถูกนำมาเซ่นไหว้อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว?
พวกเขากลับดี คาดไม่ถึงเลยว่าจะหนีออกมาในวันเซ่นไหว้
“เซ่นไหว้? ทุกปีมีการเซ่นไหว้ แต่ความขัดแย้งกันในชนเผ่าเคยหยุดลงบ้างไหม? พวกเขาเพียงแค่ต้องการล้างแค้นเป็นการส่วนตัว อยากให้พวกข้าตายเท่านั้น” โม่ซางมองหน้าเพื่อนสนิทในอดีตด้วยความโกรธ ที่วันนี้เป็นศัตรูกัน
“หึ! ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้วยังจะพูดจาไร้สาระอีก หลอกลวงข้า นี่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของพวกเจ้าที่อยากมีชีวิตต่อเพราะกลัวความตายเท่านั้น”
“พวกข้าล้วนเป็นเพื่อสนิทที่เติบโตมาพร้อมกับหยู่อัน พวกข้าตายแล้ว หยู่อันจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับพวกข้า” ดวงตาของอาฝูมีน้ำตา ที่พยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
“นางไปแล้ว จะไม่กลับมาแล้ว แล้วจะทวงความยุติธรรมคืนให้พวกเจ้าได้เช่นไรอีก?”
ผู้นำที่พาคนที่มาจับกุมพวกเขาดูเหมือนจะไม่อยากพูดกับโม่ซางให้มากมายนัก เมื่อโบกมือ ก็สั่งให้คนอื่นไปจับพวกเขาเอาไว้
โม่ซางและอาฝูจะให้จับกุมมัดมือได้เช่นไร?
รู้ตัวดีว่าสู้ไม่ได้ อาฝูจึงพาโม่ซางเหาะขึ้นไปบนหลังคา
“พวกเขาหนีไปแล้ว”
“หึ! โม่ซางบาดเจ็บ พวกเขาหนีไปได้ไม่ไกล ตาม ตามมาให้ข้า”
……
อาฝูและโม่ซางวิ่งมาเป็นเวลานาน สุดท้ายก็โดนคนด้านหน้าที่ตามจับกุมพวกเขาตามทัน
“วิ่งสิ! พวกเจ้าวิ่งต่อไปสิ ทำไมไม่วิ่งแล้วหล่ะ?”
“ถึงพวกข้าจะต้องตายที่นี่ ก็จะไม่กลับไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้” ขณะพูด อาฝูเอามีดสั้นออกมาจ่อไว้ที่คอของตัวเอง
โม่ซางก็เตรียมตัวฆ่าตัวตายไว้แล้ว
ใครจะรู้……
ผู้นำคนนั้นเอาหินขึ้นมาแล้วดีดไป ก็ทำให้มีดสั้นที่อยู่ที่คอของอาฝูตกลงมา จากนั้นเขาก็รีบขึ้นไปข้างหน้า หยุดยั้งการฆ่าตัวตายของโม่ซาง
“พวกเจ้าจะต้องตายบนแท่นบูชาเท่านั้น และยังต้องโดนไฟเผาให้ตายทั้งเป็น” คนที่เป็นผู้นำส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ให้คนเอาเชือกมามัดพวกเขาไว้
ทันใดนั้น!
“ฉึบ……”
“ฉับ……”
เข็มเงินหลายเล่มลอยมาจากที่ลับ โจมตีไปยังคนที่เป็นผู้นำ คนที่เป็นผู้นำหลบหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นก็ยังมีอาวุธลับอีกหลายด้ามโจมตีมาอีก บีบบังคับให้คนที่อยากจะมัดอาฝูและโม่ซางถอยล่นไป
สุดท้าย “ปั่ง” เสียงหนึ่ง มีอะไรบางอย่างระเบิดอยู่ตรงกลางกลุ่มคน จากนั้นก็มีควันสีขาวปะทุขึ้นมามากมาย พวกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมอยู่ด้านใน
แล้วคนพวกนั้นก็เกิดความอลหม่านขึ้นมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้สิ! หมอกนี้มาอย่างน่าประหลาด”
“หึ! จะต้องมีคนมาก่อกวนแน่นอน ทุกคนระวังตัวด้วย”
รอจนหมอกขาวที่หนาแน่เริ่มจางลง ก็ไร้ร่องรอยอาฝูและโม่ซางแล้ว สีหน้าของคนที่เป็นผู้นำโกรธจนเขียวปั๊ด ปรากฏแววตาแห่งความโกรธ
ในบ้านหลังหนึ่งที่ดูทรุดโทรม อาฝูและโม่ซางนั่งอยู่ที่พื้นด้วยความมึนงง สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของชายที่สวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหรา
เมื่อชายผู้นั้นเรอ แล้วหันกลับมาพร้อมลูบท้องของตัวเองที่ป่องขึ้นมาไปพลาง อาฝูและโม่ซางเกิดความสับสนขึ้นมาทันที
ผู้ชายก็สามารถท้องได้หรือ?
อาฝูไม่เคยได้ออกจากชนเผ่ามาก่อน ดังนั้นนางมองที่โม่ซางด้วยสีหน้าสงสัย โม่ซางก็ส่ายหัวให้
ผู้ชายตั้งท้อง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
แต่ว่า!
ไม่ว่าจะพูดเช่นไร คุณชายตรงหน้าที่ตั้งท้องผู้นี้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ อาฝูพูดด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณอย่างยิ่งว่า : “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต ไม่สามารถตอบแทนพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของคุณชายได้ หวังเพียงแค่จะไม่ทำให้เด็กในท้องของคุณชายบาดเจ็บจะดีที่สุด
หลานเยาเยา : “……”
นางตั้งท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมตัวนางเองจึงไม่รู้?