ตอนที่ 345 เห็นอกเห็นใจกัน
……….
ต้วนอวิ๋นหลางได้ยินน้ำเสียงซินโย่วก็ไม่กล้าปากแข็ง “หกล้มน่ะ ก็เพราะกลัวสหายร่วมชั้นเรียนหัวเราะเยาะเอา จึงได้บอกทุกคนว่าล้มป่วย”
“หกล้ม?” ซินโย่วมองตาต้วนอวิ๋นหลาง “หกล้มเองหรือ”
หากเป็นดังนี้ เกรงว่าเมิ่งเฝ่ยก็คงไม่ตั้งใจมาเอ่ยกับนาง
“อืม…” แววตาต้วนอวิ๋นหลางวูบไหว คิดจะเบือนสายตาหนี
ซินโย่วขมวดคิ้ว “ในความทรงจำข้า พี่รองมิใช่คนที่ปกป้องคนชั่วจนต้องทนกล้ำกลืนตนเอง”
“แน่นอนว่าข้าไม่ใช่…” ต้วนอวิ๋นหลางสบสายตาเยียบเย็นของสาวน้อย พลันคิดว่าตนเองปิดบังความจริงนี้ไว้ช่างโง่สิ้นดี
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเกาศีรษะเอ่ยว่า “ข้าพูดแล้ว อาโย่ว เจ้าฟังๆ ไปก็พอ”
“ได้”
“ข้าสงสัยว่าจังซวี่ลงมือ…” ต้วนอวิ๋นหลางเอ่ยถึงเรื่องวันนั้นที่จังซวี่ขวางเขาไว้และถามถึงซินโย่ว “หลายวันก่อนหยุดเรียน ข้าไปเดินตลาดกลับมา เดินผ่านตรอกหนึ่ง ก็ถูกคลุมด้วยกระสอบและทุบตี แม้ว่าไม่เห็นคนลงมือ แต่ทว่าข้ารู้สึกว่านอกจากเจ้าจังซวี่แล้วไม่มีผู้อื่นอีกแน่”
“ดังนั้นพี่รองไร้หลักฐาน”
ต้วนอวิ๋นหลางท่าทางเก้ดัง “อา…อาศัยเพียงจิตใต้สำนึก”
ซินโย่วคลี่ยิ้ม “ไร้หลักฐาน มิอาจพูดออกไปได้จริงๆ”
“ถูกต้อง ได้แต่ยอมรับว่าโชคร้ายเอง” ปฏิกิริยาซินโย่วทำให้ต้วนอวิ๋นหลางวางใจ
เขากลัวจริงๆ ว่าอาโย่วจะไปเอาเรื่องจังซวี่
ความจริงแม้ว่ามีหลักฐาน เขาก็คงไม่เอาเรื่อง
คิดถึงตนเองเช่นนี้ ต้วนอวิ๋นหลางก็รู้สึกต่ำต้อยและพ่ายแพ้
“เช่นนั้นพี่รองพักรักษาตัวให้ดีเถอะ ไว้ข้าให้คนนำยาทาบาดแผลภายนอกมาให้สองขวด”
“คุยจบแล้ว?” รองเจ้ากรมต้วนเดินเข้ามา
“ใต้เท้าต้วนรอนานแล้ว ข้าจะกลับแล้ว”
รองเจ้ากรมต้วนพลันไม่รู้ควรเอ่ยอันใด เดินไปส่งซินโย่วเงียบๆ พอก้าวออกนอกประตูก็ขยับปากเอ่ยว่า “ข้าไม่เคยคิดอยากให้ชิงชิงเกิดเรื่อง นางเป็นหลานสาวแท้ๆ…”
ซินโย่วตัดบทรองเจ้ากรมต้วนเบาๆ “แล้วหลังจากตอนข้ามาที่นี่เล่า”
โค่วชิงชิงตัวจริงอ่อนโยนเชื่อฟังเป็นดังแกะอวบอ้วนไร้พิษภัย นายหญิงผู้เฒ่ากับรองเจ้ากรมต้วนยังพอยอมรับให้นางใช้ชีวิตสุขสงบต่อไปได้ ท่านยายและท่านลุงแท้ๆ ยอมให้นางแค่ดำรงชีวิตต่อไปก็ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้วหรือ
ความจริงก็พิสูจน์แล้ว ตอนหลานสาวกางเขี้ยวเล็บ ลุงแท้ๆ ก็มีจิตคิดสังหารได้
แววตารองเจ้ากรมต้วนตะลึงงันและตกใจ
เด็กนี่รู้จิตคิดสังหารของเขาหรือ
แววตาใสกระจ่างดังกระจกเยียบเย็นมองมา จิตใจความคิดสกปรกคล้ายว่าไม่อาจหลบซ่อน รองเจ้ากรมต้วนได้แต่อธิบายลนลาน “คนเราให้ดูที่การกระทำ มิใช่จิตคิด…”
“ดังคาด ให้ดูที่การกระทำ มิใช่จิตคิด”
แม้ในใจรองเจ้ากรมต้วนคิดสังหารนางหมื่นครั้ง นางเตรียมตัวโต้กลับเงียบๆ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ลงมือเสียที ได้แต่ปล่อยเขาไป
สาวน้อยกระตุกริมฝีปากเผยรอยยิ้มแฝงความนัย “ดังนั้นใต้เท้าต้วนถึงยังคงพูดจากับข้าได้อย่างไรเล่า”
รองเจ้ากรมต้วนพลันหนาวยะเยือก
ซินโย่วก้าวผ่านรองเจ้ากรมต้วนไปขึ้นรถม้า
แสงสายัณห์ใกล้ลาลับ บ้านเรือนสองข้างทางเริ่มมีควันไฟปรุงอาหารลอยขึ้น กลิ่นอาหารลอยมาตามสายลม
ซินโย่วเดินเข้าไปในร้านหนังสือชิงซง ปฏิกิริยาแรกของหลิวโจวก็คือรีบมองดูลูกค้าในห้องโถง กระซิบเตือน “ท่านเจ้าของร้าน มีลูกค้าอยู่ไม่น้อย”
ทุกคนพบว่าเจ้าของร้านมาแล้ว ทำอย่างไรดี!
“คุณหนูโค่ว!” เสียงตะโกนประหลาดใจระคนยินดีดังขึ้น เสิ่นหนิงรีบก้าวเข้ามา
เสียงตะโกนของเขา ทำให้ลูกค้าในโถงไม่น้อยที่ยังไม่ทันสังเกตหันขวับมามองทันที
มุมลึกในชั้นหนังสือ เฮ่อชิงเซียววางบันทึกการเดินทางลงเงียบๆ
หลิวโจวหน้าเบ้ ในใจคิดว่าผู้ดูแลร้านกล่าวได้ถูกต้อง อดีตเจ้าของร้านมีแต่จะทำให้เรื่องยิ่งยุ่งยาก
ในแววตาเสิ่นหนิงไม่มีคนอื่น มีแต่ความอยากรู้ “เรียกผิดใช่หรือไม่ ควรเรียกท่านว่า…”
“เรียกข้าว่าคุณหนูซินก็พอ”
“คุณหนูซินท่านมาดูแลร้านหนังสือหรือ”
ไม่ได้ว่ากันว่าเป็นองค์หญิงไปแล้วหรือ วันหน้ายังต้องการทำการค้า?
ผู้ดูแลร้านหูเหล่มองเขาเงียบๆ
เจ้าคนล้มเหลวนี่อย่าได้ทำเจ้าท่านของร้านล้มเหลวไปด้วย!
“อืม ‘บันทึกตะวันตก’ ยังออกไม่จบเรื่องไม่ใช่หรือ”
ทุกคนได้ยินก็อดพยักหน้าไม่ได้
ก็ใช่น่ะสิ คุณหนูซินก็คือคนที่เขียนเรื่องของท่านซงหลิง หากไม่สนใจดูแลร้านหนังสือ พวกเขาใช่ว่าไม่อาจได้อ่านตอนจบของ ‘บันทึกตะวันตก’ กันแล้วหรือ
นิยายที่ชอบอ่านเป็นพิเศษไม่มีตอนจบ…จะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร
เสิ่นหนิงเองก็เผยสีหน้าหวาดกลัว “ใช่ ใช่ ร้านหนังสือชิงซงไม่อาจขาดคุณหนูซิน เช่นนั้นรอ ‘บันทึกตะวันตก’ ออกจบ คุณหนูซินยังจะเขียนเรื่องใหม่อีกหรือไม่”
“แน่นอน” ซินโย่วมองชายหนุ่มวงหน้ากระจ่างเข้าตามากขึ้น “ข้ามาก็เพื่อบอกผู้ดูแลร้านว่าระยะนี้วางโครงเขียนหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ รอให้ ‘บันทึกตะวันตก’ เล่มหกวางจำหน่ายก็จะมอบเป็นอภินันทนาการแก่ทุกคนที่มาซื้อเล่มหก”
เสิ่นหนิงรู้สึกสนใจอย่างมาก “หนังสืออันใด”
“เกี่ยวกับความคิดของมารดาผู้ล่วงลับ”
เรื่องราวความลับของปฐมฮองเฮาหรือ มารดาแห่งแผ่นดินใช้ชีวิตท่ามกลางชาวบ้านหรือ ความลับฮองเฮาซินหายสาบสูญหรือ
ความอยากรู้อยากเห็นของเสิ่นหนิงส่องประกายวาว “เช่นนั้นจะต้องรออ่าน”
“หนังสืออภินันทนาการมีจำกัด”
“ข้ายินดีซื้อ”
เรื่องสอดรู้สอดเห็นผู้ใดไม่ชอบอ่านกัน!
“คุณชายเสิ่นเกรงใจไปแล้ว รอให้หนังสือพิมพ์เสร็จแล้ว ก็จะเก็บให้ท่านเล่มหนึ่ง”
เสิ่นหนิงซาบซึ้งอย่างมาก
สมควรแล้ว เขากับคุณหนูซินมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นด้วยเงินทอนหนึ่งหมื่นตำลึง!
“คุณหนูซินมีเวลาหรือไม่”
“คุณชายเสิ่นมีธุระ?”
เสิ่นหนิงพัดพัดจีบไปมา “หากคุณหนูซินมีเวลา ข้าอยากเชิญท่านไปรับประทานอาหารที่หอเฟิงเว่ย”
ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะถูกเข้าใจผิด เขาชี้ไปทางผู้ดูแลร้านหู “ผู้ดูแลร้านและทุกคน ทุกคนไปด้วยกัน”
“ความมีน้ำใจของคุณชายเสิ่นก็ขอรับด้วยใจแล้ว วันนี้มีเรื่องต้องหารือกับผู้ดูแลร้านสักหน่อย”
“เช่นนั้นก็รอวันหน้าค่อยไปกินกัน ซาลาเปาไข่ปูหอเฟิงเว่ยสุดยอดที่สุด”
เอื๊อก..เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นในห้องโถง มาจากหลายทิศทาง
เฮ่อชิงเซียวได้ยินว่าเสิ่นหนิงจะเลี้ยงอาหารซินโย่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตอนได้ยินว่าไปหอเฟิงเว่ย คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น
พอเสิ่นหนิงบอกว่าเลี้ยงซาลาเปาไข่ปูหอเฟิงเว่ย เฮ่อชิงเซียวก็เปล่งรัศมีดำกำจายรอบกายที่แทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ก็มิใช่หึงหวง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ เจ้าหนุ่มนี่วันๆ ไม่ทำงานทำการ เหตุใดเชิญไปกินซาลาเปาไข่ปูที่หอเฟิงเว่ยได้อย่างสบายๆ เช่นนี้
คนที่อารมณ์เดียวกับเฮ่อชิงเซียว ก็ยังมีเจ้ากรมตรวจสอบเหอที่เพิ่งก้าวเข้ามาในร้านหนังสือและได้ยินคำพูดนี้พอดี
ความจริงเจ้ากรมตรวจสอบเหองานยุ่งมาก ยากจะมีเวลาว่างมาเสียเวลาที่ร้านหนังสือชิงซง แน่นอนซื้อหนังสือไม่ไหว ทุกครั้งจะมาปรากฏตัวต่อหน้าคุณหนูจู ก่อนจะเดินไปยังชั้นหนังสือที่คุ้นเคยอย่างชำนาญทาง
ยามนี้ชายหนุ่มสองคนกระเป๋าเงินแฟบพบกันที่มุมลึกสุดของชั้นหนังสือ เห็นฝ่ายตรงข้ามก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อยอย่างไม่ได้นัดหมาย
ซินโย่วได้กล่าวสิ่งที่อยากกล่าวต่อหน้าทุกคนแล้ว ก็กล่าวกับผู้ดูแลร้านหูว่า “ผู้ดูแลร้าน พวกเราไปคุยด้านหลังกัน จะได้ดูโรงพิมพ์ระยะนี้ด้วย”
พอออกจากโถงแล้ว ผู้ดูแลร้านหูก็กระซิบว่า “ท่านเจ้าของร้าน ใต้เท้าเฮ่ออ่านหนังสืออยู่ที่ชั้นหนังสือ”
“รอให้ในโถงไม่มีคนอื่นแล้ว เชิญใต้เท้าเฮ่อมาที่โถงบุปผา” ซินโย่วกระซิบสั่งการ
คนในโถงหลังซินโย่วไปแล้วก็ไม่มีเรื่องสนุกให้ชม ก็ค่อยๆ สลายตัวกันไป สุดท้ายเหลือเพียงเฮ่อชิงเซียวกับเจ้ากรมตรวจสอบเหอ