ตอนที่ 794 ถกเรื่องเต๋า? มาหาเรื่องมากกว่า!
……….
นักพรตฉางเหมยผู้นั้นเล่นแทงข้างหลังชื่อเจินจื่อ แต่ฉินหลิวซีกลับไม่เชื่อเขาอย่างง่ายๆ เห็นทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยบาป จึงให้เฮยซาตามหาผู้ที่ยึดร่างหลานโย่วที่อารามแห่งนี้ ส่วนนางก็จับตัวฉางเหมยไว้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ค้นวิญญาณโดยตรง
นักพรตฉางเหมย “…”
มิสู้สู้กันให้รู้แล้วรอดไปเลยจะดีกว่า
ดวงวิญญาณของนักพรตฉางเหมยสกปรก มีเรื่องมากมาย ฉินหลิวซีไม่ได้ดูอดีตของเขา แต่ข้ามไปในช่วงสองปีที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว เดิมทีเขาไม่ใช่นักพรตอารามไท่ซ่างแห่งนี้ ได้มาประจำอยู่ที่นี่เมื่อห้าปีก่อน และได้ฆ่านักพรตเฒ่าและคนอื่นๆ เมื่อก่อนหน้านี้ตายกันหมด และตัวเองยึดครองขึ้นเป็นผู้นำ ต่อมาได้สมรู้ร่วมคิดกับวัดหนาหมัวเลี้ยงดูสตรีเป็นเครื่องมือในการคลอดบุตร โดยทำสิ่งที่ไร้คุณธรรมที่สุดเพื่อหล่อหลอมแมลงศพกลายเป็นแมลงพิษ หล่อหลอมศพทารกเป็นศพเดินได้
ต่อมาได้มีเด็กหนุ่มหน้าตางดงามมาที่อารามไท่ซ่าง ต่อสู้กับเขาจนเขายอมจำนน ซ้ำยังใช้กลอุบายของเขาเมื่อก่อนหน้านี้มาแทนที่เขาในฐานะผู้นำของอารามไท่ซ่าง และเปลี่ยนจากอารามไท่ซ่างเป็นวังหลิงซวี
ต้องบอกว่าในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่งย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่า สิ่งที่เจ้าเคยทำ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าก็ทำได้เช่นกัน
หลังจากเปลี่ยนชื่อ เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ได้ปั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางไว้บูชาในห้องโถงหลัก แล้วได้นำรูปปั้นขนาดเล็กให้นักพรตฉางเหมยนำไปร่วมมือกับวัดหนาหมัว ปั้นพระพุทธรูปออกมาให้ผู้ศรัทธาอัญเชิญกลับไปสักการะ สอนพวกเขาว่าให้หว่านล้อมให้ผู้ศรัทธาบวงสรวงอย่างจริงใจอย่างไรบ้าง จนกลายเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วค่อยพัฒนาสาวกใหม่ๆ และผู้ที่กลายเป็นสาวก ก็สามารถไปขอน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดหนาหมัวซึ่งประทานมาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากดื่มแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนยาว
สิ่งที่เรียกว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ แท้จริงแล้วก็คือน้ำผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อยแล้วใส่ใบสาระแหน่สองสามใบ เมื่อดื่มเข้าไปจะมีรสหวาน ชุ่มชื่นปอด กระปรี้กระเปร่า ย่อมรู้สึกมีชีวิตชีวา จากนั้นก็จะควบคุมตัวเองไม่ได้ เต็มใจที่จะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว ดูต่อไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเด็กหนุ่มผู้นั้นพูดถึงที่มาของตัวเอง นางจึงได้ลืมตาขึ้น ที่แท้ก็เป็นชื่อเจินจื่อ!
เมื่อเห็นฉากที่ชื่อเจินจื่อเปิดเส้นทางหยินแล้วจากไปผ่านความทรงจำของนักพรตฉางเหมย สีหน้าของฉินหลิวซีก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
แย่แล้ว
นางหัวใจเต้นแรง ความไม่สบายใจแพร่กระจายออกไป
“เฮยซา”
เมื่อเฮยซาได้ยินเสียงร้องดังกึกก้องนี้ ก็รีบกระโดดกลับมาทันที เอ่ยว่า “ด้านหลังยังมีอารามเล็กหนึ่งแห่ง มีสตรีท้องโตหลายคน”
ฉินหลิวซีไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ เอ่ยว่า “เจ้าจัดการเรื่องที่นี่ ข้าจะกลับไปก่อน เมื่อทางด้านของเจ้าเรียบร้อยแล้วค่อยมาหาข้า”
หลังจากที่นางกล่าวจบก็เอาคางคกที่อยู่ในถุงสัมภาระทิ้งไว้ “ดูแลตัวเองให้ดีเถิด”
นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อเฮยซากับคางคกได้สติกลับมา นางก็ได้เปิดเส้นทางหยินและหายตัวไปแล้ว
เฮยซาขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นฉินหลิวซีสูญเสียความสงบนิ่ง แม้แต่ตอนที่ต่อสู้กับตัวเองในตอนนั้น ก็ยังท่าทางสบายๆ แต่ตอนนี้นางร้อนใจและวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
คางคกพูดไม่ออกว่าในใจรู้สึกอย่างไร มันเป็นอิสระแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกโดดเดี่ยวผุดขึ้นมา
มันถูกทิ้งแล้ว!
ในเวลากลางคืนอันเงียบสงบ
ชื่อเจินจื่อมาที่อารามชิงผิงอย่างเงียบๆ เคลื่อนตัวผ่านอารามราวกับผี มาที่ห้องเต๋าของชื่อหยวน แต่ไม่มีใคร
เขาเดินออกไป เห็นนักพรตเฒ่ากำลังเดินหาวออกมาจากเรือนเต๋าพอดี เดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ
นักพรตเฒ่าชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่มีใบหน้างดงาม กะพริบตา ถามว่า “เหตุใดผู้ประเสริฐจึงมาอยู่ที่นี่ กำลังมองหาห้องส้วมอยู่หรือ”
“ข้ามาหาชื่อหยวนเพื่อถกเรื่องเต๋า เขาอยู่ที่ไหน”
นักพรตเฒ่าเปลือกตากระตุก “ถกเต๋าในเวลานี้หรือ”
เหตุใดข้าเห็นว่าเจ้าดูเหมือนจะมาหาเรื่องมากกว่า!
น่ารำคาญจริงๆ ชื่อเจินจื่อฉีกยิ้ม เอื้อมมือไปหาเขา ทันใดนั้นนักพรตเฒ่าก็ตกใจเหงื่อออกไปทั้งตัว กรีดร้องเสียงดัง “ใครก็ได้ มีโจรลามก!”
เมื่อชื่อเจินจื่อได้ยินเสียงตะโกนร้องที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ ก็ตกใจจนมือสั่น “?”
ข้า รูปร่างหน้าตางดงาม โจรลามก? ซ้ำยังมาทำอนาจารในอาราม?
แต่เสียงร้องนี้ได้ทำลายความฝันของผู้คนมากมาย มีนักพรตบางคนวิ่งออกมาเท้าเปล่าโดยไม่สวมรองเท้า ปากตะโกนว่า “โจรลามก อยู่ที่ไหน”
บังอาจนัก มาทำอนาจารถึงในอารามชิงผิง
ชื่อเจินจื่อโกรธเป็นอย่างมาก คว้าซานหยวนที่อายุน้อยที่สุด มือกดลงบนคอของเขา เอ่ยว่า “ชื่อหยวนอยู่ที่ไหน”
“ท่านเจ้าอาวาสกำลังกักตัวอยู่ เจ้าปล่อยเด็กคนนั้นไปซะ” ชิงหย่วนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
กักตัวหรือ
ชื่อเจินจื่อหรี่ตาลง คำนวณข้อนิ้วทำนายอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็โยนซานหยวนออกไป เปิดเส้นทางหยินแล้วจากไป
ชิงหย่วนรีบพยุงซานหยวนขึ้นมา เอ่ยกับนักพรตเฒ่าว่า “พวกท่านช่วยดูแลสักหน่อย”
เขารีบเดินไปที่ห้องเต๋าของชื่อหยวน ค้นหีบและตู้ต่างๆ พบยันต์ส่งข่าวพันลี้อันล้ำค่าหนึ่งแผ่น จะต้องแจ้งให้ท่านเจ้าอาวาสน้อยทราบ
เมื่อฉินหลิวซีได้รับยันต์ส่งข่าวของชิงหย่วน สีหน้ามืดครึ้มราวกับหมึก “ชื่อเจินจื่อ บังอาจนัก!”
ในขณะเดียวกัน ทางด้านเส้นเลือดมังกร นักพรตเฒ่าชื่อหยวนลืมตา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เปิดใช้งานค่ายอาคมสังหาร
ทันทีที่ชื่อเจินจื่อเข้ามาในค่ายอาคม สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ค่ายอาคมสังหาร”
เขามองไปยังชื่อหยวนที่ยืนอยู่หน้าบ้านไม้ หัวเราะเยาะ “ศิษย์พี่อ้างว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรม แต่ก็เอาพื้นที่อันล้ำค่าของคนอื่นไปกักตัวฝึกบำเพ็ญ คนเมื่อแก่แล้วก็ไม่มีศักดิ์ศรีแล้วหรือ”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเพิกเฉยต่อคำเหน็บแนม ยืนมือไขว้หลัง จ้องมองใบหน้าอันละเอียดอ่อนของเขาอย่างเย็นชา “เจ้าไปยึดร่างผู้อื่นอีกแล้วจริงๆ ด้วย”
ชื่อเจินจื่อลูบใบหน้าของตัวเองอย่างพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “วางใจเถิด นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
เขาจะใช้ร่างนี้เพื่อมีชีวิตอยู่ไปอีกนานแสนนาน ติดตามเทพเจ้าขึ้นสู่การเป็นเซียน
ทันทีที่เขากล่าวจบ ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เริ่มบุกเข้าไป เขาต้องเอาชื่อหยวนมาอยู่ในมือให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้คนที่ตามจองเวรจองกรรมผู้นั้นตามมาทัน
ค่ายอาคมสังหาร ชั้นนอกมีไว้ฆ่า ชั้นในมีไว้ขังให้คนอยู่ในค่ายอาคมไม่สามารถออกมาได้
ชื่อเจินจื่อเพิกเฉยต่อกระบวนท่าสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุด มือทั้งสองข้างร่ายอาคมไม่หยุด โจมตีไปยังใจกลางค่ายอาคม เสียงดังอึกทึกครึกโครมราวกับจะถล่ม พลังวิญญาณเริ่มแตกกระจายเล็กน้อย
ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างอนาถ แต่ค่ายอาคมก็ถูกโจมตีจนสั่นคลอนไม่น้อย
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองวิชาเต๋าทำลายอาคมของเขา สีหน้าเคร่งขรึม นี่เพียงไม่กี่เดือน ไม่ถึงครึ่งปีนับตั้งแต่ที่เขาพ่ายแพ้ซีเอ๋อร์ไปเมื่อครั้งที่แล้ว พลังของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ กระทั่งแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นเท่าตัว
เขานึกถึงคำพูดของฉินหลิวซี กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้ากลายเป็นสุนัขรับใช้ของมารเอ้อฝูแล้วจริงๆ หรือ”
หากไม่ใช่เช่นนั้น เหตุใดตบะวิชาเต๋าจึงได้ฟื้นฟูกลับมารวดเร็วเพียงนี้
ชื่อเจินจื่อสะดุ้งเล็กน้อย มารเอ้อฝูอะไรกัน
“เทพเจ้าที่ข้ารับใช้นั้นยิ่งใหญ่ไม่มีใครเหนือกว่า ใช่ผู้ที่เจ้าจะมาดูถูกได้หรือ” ชื่อเจินจื่อดึงห้าสายฟ้าผ่าลงที่ใจกลางค่ายอาคม
ใจกลางค่ายอาคมถูกทำลาย ค่ายอาคมพังทลาย
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนตกตะลึงกับตบะของเขาในตอนนี้ ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม
เมื่อทำลายค่ายอาคมแล้ว ชื่อเจินจื่อก็กลืนยาลูกกลอนหนึ่งเม็ด เลียคาบเลือดที่ริมฝีปาก เอ่ยว่า “ท่านก็อย่าได้โทษศิษย์น้องอย่างข้า เดิมทีข้าคิดว่าจะไม่มาต่อสู้กับท่าน อย่างไรเสียตอนนี้สถานการณ์ของแต่ละฝ่ายก็แตกต่างกัน น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองย่อมดีกับทุกฝ่าย แต่ลูกศิษย์ที่ไม่ไปผุดไปเกิดของท่านตามจองเวรจองกรรม เอาแต่ไล่ตามข้า เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือกับพวกท่าน จับตัวท่านไป ผีเด็กผู้นั้นก็ต้องยอมจำนน”
“เจ้าฝันไปเถอะ!” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนแสยะยิ้ม เขาอัญเชิญแผ่นค่ายอาคมหยินหยางแปดเหลี่ยมออกมา ขังทั้งสองคนไว้ในค่ายอาคม
ต่อให้ต้องตายที่นี่ เขาก็จะไม่ยอมเป็นจุดอ่อนของนางหนูผู้นั้น