หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 246 การพบปะครั้งที่ 2

บทที่ 246 การพบปะครั้งที่ 2

บทที่ 246 การพบปะครั้งที่ 2

ฮ่องเต้แสร้งทำเป็นลังเลใจ

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองท่านจงรักภักดีต่อพระองค์ เป็นคนที่พระองค์สนับสนุนมาเองกับมือ

ความภักดีของพวกเขา พระองค์รับรู้ถึงมันได้อย่างถ่องแท้

เหตุที่พระองค์ด่าว่าพวกเขา ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องคร่ำครวญอย่างสุดใจ ก็เพราะพระองค์อยากจะดูว่า เทพธิดาจะลงเอยอย่างไร

“ในเมื่อฮ่องเต้คิดว่าพวกเขานั้นภักดี และพวกเขาก็คิดว่าตนเองนั้นซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เช่นนั้นข้าก็จะถามพวกเขาสักสองสามคำถาม

หากพวกเขานั้นจงรักภักดีจริงๆ ข้าก็จะรักษาเกียรติของตนเอาไว้ ด้วยการใช้เวลาหนึ่งวัน ในการเสาะหาเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าในนามของฮ่องเต้”

ทันทีที่คำนี้พูดขึ้นมา

“วา……”

ทุกๆคนต่างลุกลี้ลุกลน ตกอกตกใจ

เทพธิดาจะหาตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าให้เจอในนามของฮ่องเต้ และยังจะหาภายในวันเดียวอีกด้วย

นี่มัน……

จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

ฮ่องเต้ตามหามานานกว่าหลายสิบปี ไม่เคยพบแม้แต่ร่องรอย แต่เทพธิดาจะให้หาเจอภายในหนึ่งวันงั้นรึ?

เป็นไปไม่ได้ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆ……ดี ดีๆๆ เทพธิดาถามพวกเขาได้ตามสบาย” ฮ่องเต้พูดคำว่าดีไปสองสามคำ ความสุขบนใบหน้านั้นก็สุขเกินกว่าจะบรรยาย

ได้รับการรับประกันจากเทพธิดาแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงการถามเพียงสองสามคำ ต่อให้จะถามเยอะเป็นรถถัง จะใช้เวลาชีวิตของพวกเขาไปกว่าครึ่ง พระองค์ก็ไม่มีปัญหา

ถึงอย่างไร!

เบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าก็เป็นความกังวลใจของพระองค์

เพียงได้พบเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า บัลลังก์ของพระองค์ก็จะปลอดภัย เมื่อบัลลังก์ปลอดภัย แน่นอนว่าความกังวลก็จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่เชื่อเทพธิดา ว่าจะสามารถหาเบาะแสของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าได้ภายในวันเดียว แต่ก็เห็นความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมของเทพธิดา

พระองค์จึงรู้สึกได้ทันทีว่า ครั้งนี้จะค้นพบตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าอย่างแน่นอน

หลานเยาเยาพยักหน้าเบาๆ

จากนั้นก็มองไปทางคนสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาคุกเข่าตัวสั่นระรัวอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา

เช่นนั้น นางจึงค่อยๆเดินไปทางพวกเขา พร้อมเผยอริมฝีปาก

“เช่นนั้นจะถามคำถามง่ายๆอุ่นเครื่องก่อนแล้วกัน”

หลานเยาเยาค่อยๆพูดอย่างสงบเสงี่ยม ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะน่าฟัง “ขอประทานอภัยท่านทั้งสอง ข่าวคราวของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่า แพร่มาจากที่แห่งใดของเมืองหลวงกันรึ?”

“ทางถนนทิศตะวันตกของกำแพงเมืองขอรับ”

เฉียนตุ้นและหลานเฉินมู๋เกือบจะพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี พวกเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ใช่สิ่งที่หลานเยาเยาสนใจ

“ด้วยเหตุที่ถูกแพร่มาจากทางทิศตะวันตกของกำแพงเมือง งั้นขอถามว่า มันมาจากคนเดินเท้าตามทางเท้าหรือว่ามันมาจากในย่านร้านค้าที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง?”

หลังจากที่นางถามคำถามนี้ออกมา

หลานเฉินมู๋และเฉียนตุ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆพูดว่า:

“……คนเดินเท้าขอรับ”

“……แพร่มาจากในย่านร้านค้าขอรับ”

เมื่อพวกเขาตอบออกมา อยู่ๆก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา

พวกเขาเอามาจากไหนกัน ว่าแพร่มาจากทางเท้า หรือแพร่มาจากในย่านร้านค้า!

เนื่องด้วงหลังจากช่วงที่มีข่าวของตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าแพร่ออกมา ยังไม่ทันถึงหนึ่งชั่วยาม ข่าวก็ได้สะพัดไวอย่างกับไฟป่า แพร่กระจายไปทุกซอกตรอกซอย

อีกทั้ง……

ธูปสองดอกยังไม่ทันมอด ข่าวก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว

พวกเขาวุ่นตรวจสอบกันแต่ย่านร้านค้า และคนเดินเท้าแถบด้านทิศตะวันตกของกำแพงเมืองเท่านั้น

แล้วจะไปเจอแหล่งที่มาได้อย่างไรกัน?

“หึ! ไม่ทันไรก็ตอบไม่ตรงกันซะแล้ว อย่างงั้นก็ขอถามว่า ต้องใช้กำลังสักเท่าไหร่ ถึงจะสามารถแพร่กระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วโดยมิทันมีผู้ใดสังเกตเห็นได้เลย?”

เมื่อนางพูดออกมา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายก็กระจ่างในทันใด

ใช่แล้ว!

หากมิมีอำนาจอันใด ข่าวก็ไม่สามารถแพร่ออกไปได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น ขณะที่เพิ่งจะรู้ตัว คนทั้งเมืองหลวงเขาก็รู้กันหมดแล้ว

การกระจายข่าวออกไปไม่ใช่แค่คนคนหนึ่ง แต่เป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจ และที่ยิ่งไปกว่านั้น มันคืออำนาจอันทรงพลังที่พวกเขามิอาจสังเกตเห็น

ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลงเหมือนตระหนักบางสิ่งได้

พระองค์ก็ต้องเคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเป็นแน่ มันก็แน่นอนว่า ตราหยกแห่งราชวงศ์เก่าจะต้องหายไปกับคนของราชวงศ์เก่า

อย่างงั้นก็ ………

การปรากฏขึ้นของมันในเพลานี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เก่าอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น!

เขาก็หยุดสายตาลงที่ร่างของเฉียนตุ้นและหลานเฉินมู๋

เห็นพวกเขายืดยาดไม่ตอบกลับ ก็อดไม่ได้ที่จะใจหาย

เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน รู้เพียงแต่การตรวจหาสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงว่า จะให้เวลาพวกเขาในการตรวจสอบไปสักกี่เดือน พวกเขาก็ไม่สามารถหาต้นตอได้เลย

หึ!

ไอ้พวกไร้ประโยชน์

“แม่ทัพหลาน เฉียนส้าวชิง(ส้าวชิง ชื่อตำแหน่ง) ใยเจ้าทั้งสองถึงไม่ตอบ?”

เมื่อได้ยินความหงุดหงิดของฮ่องเต้

หลานเฉินมู๋ที่ดูกังวลก็กัดฟัน ตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา:

“ฮ่องเต้ขอรับ ข้าน้อยก็เคยตระหนักถึงปัญหานี้ และเคยรายงานต่อเฉียนส้าวชิงมาก่อน

แต่เฉียนส้าวชิงกลับกล่าวว่า เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเมืองหลวงได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา หากมีพลังอำนาจใดแฝงอยู่ องครักษ์แห่งวังหลวงจักต้องรู้ได้

ข้าน้อยเองก็รู้สึกว่าถูกต้องแล้ว แต่ถึงอย่างไร เฉียนส้าวชิงเป็นถึงยอดฝีมือในการตัดสินคดีแห่งศาลต้าหลี่ แต่ข้าน้อยเป็นเพียงขุนนางธรรมดา ในเมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ข้าน้อยก็มิอาจถามต่อให้มากความพระพุทธเจ้าข้า”

“แม่ทัพหลาน เจ้าอย่าพูดไร้สาระ เจ้าไม่เคยพูดเรื่องสำคัญนี้กับข้า เมื่อเทพธิดายกขึ้นมาในเพลานี้ เจ้าจึงปัดเรื่องทั้งหมดมาให้ข้า เจ้ามีเจตนาอันใดกันแน่?”

เฉียนตุ้นเป็นกังวลอย่างทันท่วงที

ไม่มีปัญหาขึ้นมาก็ดี แต่เมื่อมีขึ้นมาพวกเขาก็ไม่ควรปัดความรับผิดชอบ

ไม่คิดเลยว่าหลานเฉินมู๋จะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับเขา

หมดหนทาง!

“ข้าพูดไร้สาระงั้นรึ?”

หลานเฉินมู๋ชี้นิ้วมาที่ตนเอง จากนั้นเขาก็ก้มหัวกระแทกพื้นต่อฮ่องเต้ รวมทั้งสาบานต่อฟ้าดิน:

“ฮ่องเต้ คำของข้าน้อยนั้นเป็นความจริง องครักษ์ที่ไปตรวจสอบกับข้าน้อยต่างก็ได้ยินกันหมด

อีกทั้งเฉียนส้าวชิงก็ยังไม่ได้รวบรวมคำให้การของพยานส่งต่อแก่ศาลต้าหลี่ แต่นำทั้งหมดกลับมาที่จวน ข้าน้อยรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยมากขอรับ”

ในช่วงเพลาเช่นนี้ หลานเฉินมู๋รู้สึกว่า หากมีน้ำเน่า สาดได้ก็ต้องสาด

เมื่อเฉียนส้าวชิงมีปัญหา เช่นนั้นความผิดในหน้าที่ของเขาก็จะยิ่งลดลงไป

“เจ้า……แม่ทัพหลาน คำให้การเหล่านั้นมีนับพันนับหมื่นคำ ในช่วงนั้นเราทุกคนต่างมึนงงกันไปหมด

ศาลต้าหลี่อยู่ห่างจากที่ที่เราอยู่อย่างไกลโข และจวนของข้าก็อยู่ใกล้ๆ จึงได้นำกลับมาที่จวนเพื่อให้ดูได้ง่ายขึ้น

ตอนนั้น ก็ย่อมผ่านการยินยอมของเจ้าด้วยเช่นกัน ด้วยการปัดความรับผิดชอบ เจ้าจึงได้แว้งกัดข้า ไอ้คนใจคด”

มองดูพวกเขาที่ตอกกลับกันไปตอกกลับกันมา

ใบหน้าของหลานเยาเยาก็เผยรอยยิ้มขึ้นมามากกว่าเดิม

หลานเฉินมู๋ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเป็นที่สุด ไม่ทำให้นางผิดหวังเลยจริงๆ

ใช่แล้ว!

เมื่อเป็นเช่นนี้กันต่อไป คนที่จะอับอายขายขี้หน้าก็คือฮ่องเต้

ไม่ได้เห็นหน้าของฮ่องเต้ ไม่รู้ว่าหน้าจะยาวเหมือนหน้าม้าไปรึยัง? พวกเขายังเถียงกันไปเถียงกันมาอยู่ตรงนั้น

และแล้ว!

พวกเขาก็เถียงกันอย่างดุเดือดมากขึ้น ดั่งกับว่ามิมีผู้ใดนั่งหัวโด่อยู่ด้วยเลย……

“ปัง……”

ฮ่องเต้กริ้วโกรธถึงขั้นตบลงบนบัลลังก์มังกร พวกเขาทั้งสองจึงหุบปากเงียบ

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย ต่างรีบคุกเข่าลงด้วยความยำเกรง พลางพูดเสียงดังลั่น: “ฮ่องเต้โปรดเย็นพระทัย”

มองเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่ แล้วก็หันไปมองหน้าที่คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของเทพธิดา ฮ่องเต้โกรธหน้าดำหน้าแดงไปหมด

นี่คือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองที่ภักดีต่อพระองค์งั้นรึ?

ด้วยปัญหาอันน้อยนิด กลับมาเถียงกันไม่หยุดหย่อนอยู่กลางพระตำหนักกระดิ่งทอง ที่ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาทำต่อหน้าเทพธิดาที่เพิ่งจะมาเยือนประเทศก่วงส้าเป็นครั้งแรกอีก

แล้วพระองค์จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน?

ภายในห้องโถง จู่ๆก็มีบรรยากาศเสียวสันหลังอันเงียบสงัด ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถึงกับผายลมออกมาเพราะกลั้นไว้ไม่อยู่ จึงได้ยินเสียงกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ฮ่องเต้จะทำเหมือนไม่ได้ยินก็ไม่ได้ จึงหันหน้าหนีไปทางอื่นแทน

เขายังปั้นหน้าได้อยู่อีกไหมนะ?

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกของตน แล้วเดินห่างออกมาจากแหล่งที่มาของลมเน่านั่น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท