หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 259 บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่

บทที่ 259 บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่

บทที่ 259 บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่

จากนั้นอีกวินาทีถัดมา รถม้าก็ตกเหวไปอย่างรวดเร็ว

แล้วในเวลานี้ ดวงตาทั้งคู่ที่ปิดสนิทของเย่แจ๋หยิ่งก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาสีดำเข้มและเย็นชาจับจ้องไปที่นาง……

จากนั้นช่วงเอวก็โดนรัดแน่น

มือใหญ่ทั้งคู่ก็โอบเอวไว้อย่างนุ่มนวล จากนั้นก็พานางเหาะขึ้นไป

หลานเยาเยา : “……”

ภาพเช่นนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

ทั้งๆที่เป็นนางลงมาช่วยเขา ตอนนี้กลับเป็นเขาพานางขึ้นมา

ในใจของนางนึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงคิดจะใช้โอกาสนี้จับชีพจรของเขาสักหน่อย ดูว่าเขาบาดเจ็บจริงหรือแกล้งบาดเจ็บกันแน่

คิดไม่ถึง!

มือเพิ่งจะเลื่อนมาถึงจุดชีพจรของเขา ข้างหูมีเสียงที่ดึงดูดของเย่แจ๋หยิ่งดังขึ้น

“อย่าขยับ จาวหยาง ทำไมเจ้าถึงยังไม่ขึ้นไป?”

อะไร?

จาวหยาง?

เย่แจ๋หยิ่งคิดว่าโหล่วเย่วยังไม่ได้ขึ้นไป คิดว่านางเป็นโหล่วเย่ว?

คงไม่ไช่เพราะได้รับบาดเจ็บหนักจนเพี้ยนหนักไปแล้วนะ?

หลานเยาเยามองไปที่ตาของเขา พูดอย่างเด็ดขาดว่า : “ที่ไม่ควรขยับคือท่าน”

จากนั้นก็แกะมือเขาออก จับไปที่แขนของเขา แล้วก็เก็บด้ายเงิน เพิ่มความเร็วในการเหาะขึ้นไปบนหน้าผาของพวกเขา

หลังจากเหาะไปถึงบนหน้าผายืนอย่างมั่นคงแล้ว หลานเยาเยาก็ปล่อยแขนของเขา แม้มองก็ไม่ได้มองเขาสักนิดจากนั้นก็เหาะไปบนม้า

“สวนหยู่ ไป!”

เมื่อยกแส้ฟาดไป นางก็ขี่สวนหยู่แล้วจากไป

ขณะที่จากไป ด้านหลังก็มีเสียงของคุณชายผู้หนึ่งดังมาด้วยความหงุดหงิด : “น่าแปลก ทั้งๆที่เมื่อครู่ข้ายืนอย่างมั่นคง ทำไมถึงได้ล้ม?”

นี่ทำให้หลานเยาเยาร่างกายชะงักไป ราวกับว่าคิดอะไรได้ แต่ก็ได้ทิ้งความสงสัยในใจไปทันที จากนั้นก็เพิ่มความเร็วในการขี่ม้าขึ้น

ทุกคนมองดูนางจากไป ด้วยหน้าตางงงัน

“ทำไมเทพธิดาจึงจากไปเช่นนี้? ที่นางช่วยไว้เป็นถึงอ๋องเย่เชียวนะ! และพวกเราคุณชายทั้งเจ็ดแห่งเมืองหลวงก็อยู่ นั้นเป็นเรื่องที่ในร้อยปีจะพบเจอได้ครั้งหนึ่ง คาดไม่ถึงว่านางจะไม่มองแม้สักนิด”

“นี่เจ้าไม่เข้าใจล่ะสิ! เทพธิดาไม่ลุ่มหลงแสงสีในโลกมนุษย์ อีกทั้งยังขี่เมฆท่องเที่ยวไปทั่ว ปลงต่อโลกไปนานแล้ว แล้วจะหยุดอยู่ที่นี่เพราะรูปโฉมของพวกเราได้เช่นไร?”

“ก็จริง พวกเจ้าเห็นดวงตาของนางหรือไม่ เย็นยะเยือก ตั้งแต่เมื่อครู่นี้จนจากไป ก็ไม่ได้มีการแปรผันแต่อย่างใด ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเข้าตานางได้อีกแล้ว”

“……”

ทุกคนเห็นว่าอ๋องเย่ไม่เป็นไรแล้ว ก็วางใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ จึงทำได้เพียงแค่มองดูเงาด้านหลังของเทพธิดาที่จากไปแล้ววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ

พระราชธิดาจาวหยางที่ยืนอยู่ข้างเซียวจิ่นหยู มองดูเงาสีแดงที่ไกลออกไป แล้วก็มองที่เสด็จอาของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะถามเบาๆว่า :

“เทพธิดาปลงต่อโลกแล้วจริงหรือ? ทำไมเงาด้านหลังของนางถึงได้ดูโดดเดี่ยวเช่นนี้ล่ะ!”

ได้ยินดังนั้น!

เซียวจิ่นหยูก็เคลื่อนสายตาจากที่ไกลๆมาตรงร่างของนาง พูดเบาๆว่า :

“ที่แท้พระราชธิดาก็เป็นคนที่มีความรู้สึก”

“ห๊ะ? ไม่มี ไม่มี ข้าพูดไปเรื่อยเท่านั้น”

ก่อนหน้านี้อยู่ในความกลัวและกังวลมาตลอด ตอนนี้กลับพบอย่างกะทันหันว่าที่รับนางไว้เมื่อครู่คือเซียวซื่อจื่อ ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที จากนั้นก็เงียบไป

คาดไม่ถึงว่าเซียวซื่อจื่อจะเริ่มพูดกับนางก่อน

และเสียงของเขาก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่ายังคงดูห่างเหินอยู่บ้าง แต่เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว

ในไม่ช้า เซียวจิ่นหยูก็เดินมาถึงข้างๆเย่แจ๋หยิ่ง ทว่า ก็ไม่ได้อยู่ใกล้มากนัก แต่อยู่ห่างออกมาสามก้าว

“สุขภาพของอ๋องเย่ยังดีอยู่หรือไม่ขอรับ?”

เย่แจ๋หยิ่งที่สายตาทอดไปยังหน้าผา ตอบอย่างเบาๆประโยคหนึ่ง : “บาดเจ็บภายในนิดหน่อยเท่านั้น!”

จากนั้นก็เอาสายตามองไปทางด้านหน้า และเงาร่างของหลานเยาเยาก็ได้หายไปจากทางเลี้ยวข้างหน้าผาไปนานแล้ว

“เสด็จอา ต้องการหมอหลวงหรือไม่ขอรับ?”

เย่หลีเฉินสมควรที่จะพูดแล้ว

เมื่อครู่เขาได้ยินที่จาวหยางพูดเป็นธรรมดา คาดว่าเสด็จอาโดนนักฆ่าลอบสังหารอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร เจ้าพาจาวหยางนำไปก่อน”

“ขอรับ เสด็จอา!”

เวลาไม่เช้าแล้ว ตอนนี้ก็เสียเวลาอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว คาดว่าใกล้จะถึงเวลาแข่งขันล่าสัตว์แล้ว ทุกคนไม่กล้ารอช้า

จึงทำความเคารพและขอตัวกับเย่แจ๋หยิ่ง แล้วก็รีบควบม้าจากไป

หลังจากที่คนกลุ่มนี้จากไป

เย่แจ๋หยิ่งก็ยื่นมือมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก แล้วก็มุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นมายิ้มอย่างเย็นยะเยือก

ตอนนี้ มีเงาร่างคนเหาะลงมา คนที่มาคือโม่เหลียงเฉิน เขาเดินไปที่หน้าผามองดูแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่ค่อยน่าเชื่อ :

“คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนสอดแนมที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืด”

เขาหมายถึงคนขับรถม้าผู้นั้นที่ขับรถม้าเมื่อครู่ ปกติคนขับรถม้าจะเป็นองครักษ์ลับปลอมตัวมาทั้งหมด

คนสอดแนมผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ลับ

หากไม่ใช้คนสอดแนมนี้ เปิดเผยเรื่องบางเรื่องของเย่แจ๋หยิ่ง บางทีนางก็อาจจะไม่ต้องตาย

“เอาเรื่องที่ข้าพบเจออันตรายและถูกเทพธิดาช่วยไว้ไปเผยแพร่อย่างลับๆ”

“ขอรับ! อ๋องเย่” โม่เหลียงเฉิงถึงจุดนี้จึงเพิ่งจะเข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วทำไมเย่แจ๋หยิ่งจึงได้ใช้อุบายชายรูปงาม

ที่แท้ก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

เช่นนี้ก็ได้ทั้งกำจัดคนสอดแนม ทั้งจะได้มีเหตุผลที่เหมาะสมเหตุผลหนึ่งที่จะเข้าใกล้เทพธิดา

เพียงแต่ของแลกเปลี่ยนใหญ่ไปหน่อย

นั่นเป็นถึงรถม้าที่อยู่กับเขาเกือบสิบเชียว!

เวลานี้!

เย่แจ๋หยิ่งมองเขาแวบหนึ่ง สีหน้าค่อนข้างแปลกประหลาด จากนั้นก็พูดเบาเบา : “ตอนนี้ที่นี่มีเพียงเจ้าและข้า เจ้ากลับยิ่งเป็นคนอื่นคนไกลไปเรื่อยๆแล้ว”

พวกเขาเป็นคนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

และเป็นผู้เดียวที่เป็นคนรู้ใจที่สามารถอยู่กับเขามาจนถึงตอนนี้ได้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ระหว่างพวกเขาถึงได้เริ่มแปลกหน้ากันไปเรื่อยๆอย่างไม่คาดคิด

โม่เหลียงเฉินตะลึงงันเล็กน้อย!

ใช่!

เพื่อนที่คุยกันได้ทุกอย่าง ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของเย่แจ๋หยิ่งในสองสามปีมานี้ เขากลับเริ่มไม่รู้ว่าควรจะต้องเขาหาเขายังไงแล้ว

“ข้าเพียงแค่ละอายใจ”

“เพราะเรื่องเมื่อสามปีก่อน? ยังเพราะเรื่องที่หลานเยาเยาตายอีก?”

ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึงเรื่องของหลานเยาเยา เขาก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นคำพูดอาจแรงไปหน่อย

บางที อาจเพราะว่าเป็นเช่นนี้ จึงทำให้โม่เหลียงเฉินละอายใจ

“ถ้าหากว่าตอนนั้นข้าอยู่ในชนเผ่าหยินไห่ ก็จะสามารถช่วยท่านได้ นางก็จะไม่ตายแล้ว”

เจ้าลิงน้อยเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เย่แจ๋หยิ่งเกิดมีความรู้สึกด้วย

และเพราะว่ามีเจ้าลิงน้อย ถึงได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของเขา

เขามองออก ความรู้สึกที่เย่แจ๋หยิ่งมีให้เจ้าลิงน้อยฝังลึกไปถึงกระดูกแล้วเช่นนั้น

น่าเสียดาย……

นางตายแล้ว!

“จะโทษตัวเองไปทำไม? บางทีนางอาจจะยังมีชีวิตอยู่”

เมื่อคำพูดนี้ออกไป โม่เหลียงเฉินอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ หลังจากดึงสติกลับมาได้ ก็รีบไล่ถามทันที :

“นาง นางยังมีชีวิตอยู่?”

นี่จะเป็นไปได้เช่นไร?

ภายใต้กรงเล็บปีศาจของคนผู้นั้น เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เช่นไร?

“เจ้าไม่รู้สึกแปลกบ้างหรือ ในร่างกายข้าก็โดนพิษกู่จิ้นแต่ทำไมไม่ต้องใช้ยารักษาก็หายได้? ทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวทำไมถึงถูกเผา? ยังมีกำลังภายในครึ่งหนึ่งของข้าทำไมอยู่ดีดีถึงได้หายไป?”

“แต่ว่า ตอนพวกเราอยู่ที่กลางทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวที่โดนเผาแล้ว หานางพบแล้ว ศพของนาง”

แม้ว่าศพจะถูกเผาจนไม่จำไม่ได้ แต่เครื่องประดับผมพวกนั้นก็เป็นของเจ้าลิงน้อย นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถโต้เถียงได้ และยังเป็นเขาที่เห็นด้วยตาของตัวเองด้วย

“โม่เหลียงเฉิน เจ้าเฉลียวฉลาดเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่าสามปีก่อนยังมีหานแสที่ไปหุบเขาจิ้นกับหลานเยาเยาด้วย? และหานแสก็เป็นเจ้าของเรือของเรือแห่งความสิ้นหวัง

ราชครูบอกว่าหานแสได้ตายอยู่ในทุ่งทะเลดอกกระดูกขาวแล้ว แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตความเป็นอยู่ดี”

ราชครูไม่รู้ว่าหานแสเป็นเจ้าของเรือของเรือแห่งความสิ้นหวัง แต่เขากลับรู้ตัวตนของหานแสก่อนที่จะเข้าไปในชนเผ่าหยินไห่

คราวนี้

ดวงตาของโม่เหลียงเฉินก็เปล่งประกายขึ้น!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท