หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 305 มีอีดอกทองมาหาเรื่อง

บทที่ 305 มีอีดอกทองมาหาเรื่อง

บทที่ 305 มีอีดอกทองมาหาเรื่อง

“ไม่ได้หรอกโยม

เรือนสี่ประสานนี้มีโยมอยู่ ขณะนี้โยมผู้นั้นก็เหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล กำลังพักผ่อนอยู่! โปรดอย่าได้รบกวนเลย”

พระสงฆ์ผู้นำทางพูดกับสาวใช้มารยาททราม ด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

“อะไรนะ? เดินทางมาไกล? นางยิ่งใหญ่อลังการมากเลยงั้นสิ! คุณหนูผู้มีเกียรติสูงส่งของข้า ไม่เบาะบางเหมือนนางงั้นสิ

เป็นพวกขี้โรคหน่ะสิไม่ว่า

ไหนๆก็เป็นพวกขี้โรคอยู่แล้ว ใยไม่ป่วยตายกลางทางไปเสีย จะมาใช้เรือนสี่ประสานในวัดด้วยเหตุอันใด?”

เสียงของสาวใช้กำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงที่ดังสนั่นของนางเมื่อครู่ คนในเรือนสี่ประสานคงจะไม่กล้าส่งเสียงใดๆเลยล่ะสิ

อีกทั้ง!

ที่ประตูก็ไม่ได้มีสาวใช้มาคอยอารักขาเลยสักคน หากไม่ใช่คุณหนูขี้โรคที่ใจเสาะ

ก็คงเป็นคุณหนูผู้อาภัพ แล้วจะมาเทียบกับคุณหนูของนางได้อย่างไร?

“โยม พุทธศาสนาเป็นสถานที่เงียบสงบ อย่าได้ส่งเสียงดัง”

ด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังของสาวใช้ พระสงฆ์ผู้นำทางก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

สาวใช้ที่ปากคอเราะรายคนนั้น เอามือเท้าสะเอว เอียงคอเล็กน้อย มองพระสงฆ์อย่างเหนื่อยหน่าย:

“พระองค์นี้นี่ รู้หรือไม่ว่าคุณหนูของข้าเป็นผู้ใด?

เป็นถึงคุณหนูคนที่สามในสมรสของสิงปู้ช่างชูผู้มีเกียรติ เป็นที่รักที่ยกย่องของผู้คน

คุณหนูผู้อาภัพจากถิ่นทุรกันดาร คิดจะมาแย่งชิงเรือนสี่ประสานกับคุณหนูของข้างั้นรึ? ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้ว

พระสงฆ์ผู้โง่เขลา สำเหนียกดูให้ดี เจ้าจงไตร่ตรองให้แน่ชัด”

ใบหน้าของสาวใช้ที่เหมือนกำลังพูดกับพระสงฆ์ แต่ความหมายเป็นนัย คือหมายถึงคนที่อยู่ในเรือนสี่ประสาน

พระสงฆ์ผู้นำทางยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด

สาวใช้ก็หันไปทางคุณหนูที่อยู่ด้านข้าง——ฉินหลิงเจียว เมื่อเห็นว่าผมของคุณหนูถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง

ก็รีบไปจัดผมของฉินหลิงเจียวให้เป็นระเบียบ พร้อมเอ่ยว่า:

“คุณหนูเจ้าคะ เรือนสี่ประสานที่ท่านถูกใจโดนแย่งไปแล้ว จะทำเช่นไรดีเจ้าคะ? จะให้ข้าน้อยเข้าไปไล่มันออกมาดีหรือไม่เจ้าคะ?

ฉินหลิงเจียวที่เอาแต่มองวิวทิวทัศน์โดยรอบ ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดอย่างเย็นชาว่า:

“ไล่มัน?”

งานวัดปีที่แล้ว นางอยู่ในที่เรือนสี่ประสานหลังนี้ ที่นี่มีวิวทิวทัศน์อันงดงาม หากเปิดหน้าต่างก็จะเห็นทิวทัศน์ของของงานวัดไปเกือบครึ่ง

และที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือ

หน้าประตูด้านขวาของเรือนสี่ประสาน มีต้นโพธิ์ที่เก่าแก่อันเขียวชอุ่มอยู่ต้นหนึ่ง รูปทรงนั้นงดงามอร่ามตา เสริมให้เรือนสี่ประสานหลังนี้สง่างามมากขึ้น

ที่ที่สวยงามพึงเพียงนี้ เป็นเจ้าของคนเดียวก็พอแล้ว………

“จะไม่ใจดีไปหน่อยรึ?” ฉินหลิงเจียวแสยะยิ้ม

“สาวใช้เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!”

คุณหนูพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะต้องสั่งสอนให้หนำใจก่อน แล้วค่อยไล่มันออกไป

ดังนั้น!

นางจึงส่งซิกให้สาวใช้อีกคน แล้วทั้งคู่ก็ตรงปรี่ไปที่ประตูทางเข้าเรือนสี่ประสานอย่างมุ่งร้ายในทันที

เพื่อเป็นสักขีพยานในชะตากรรมของผู้ที่มาบุกรุกเรือนสี่ประสานของนาง นางจึงค่อยๆเดินตามไป

เพิ่งจะมาถึงประตูทางเข้า

นางก็ได้ยินเสียงที่เฉียบแหลมอันโอหังของสาวใช้ดังออกมา

“อีดอกทองพวกนี้ โผล่หัวออกมากันได้ละ ยังไม่รู้ตัวเองอีกว่าต้องไสหัวไป ไม่งั้นละก็ ได้เห็นดีกันแน่”

“มาทำตัวไร้สาระกับนายของข้า เจ้าลงมือ ข้าลงตีน ถ้ายังกล้าหืออีกละก็ แม่จะจวกหน้ามันให้เละ เอาให้มันอับอายขายขี้หน้าไปชั่วกัปชั่วกัลป์”

นังสาวใช้สองนางนี้ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยตัว

และที่ยิ่งไปกว่านั้น ฉินหลิงเจียวก็ยังคอยถือหางให้ท้าย ไม่เพียงแค่เอาแต่ใจไม่เห็นหัวใครในตำหนักเท่านั้น แม้กระทั่งนอกตำหนักก็ยังผยองเชิดหน้าชูตาด้วยเหมือนกัน หากไม่ถูกใจก็จะจวกยับ หากถูกใจก็จะเอามาให้ได้

แต่ถึงอย่างไรก็มีคนหนุนหลังพวกนาง

และยังเป็นผู้ที่คนทั่วไปไม่กล้าจะยุ่งอะไรด้วย แล้วอย่างงี้จะไม่ให้พวกนางกล้าทำเรื่องไร้ยางอายได้อย่างไร?

หลานเยาเยาที่นั่งอยู่หน้ากระจกทองแดง สัมผัสสายเครื่องดนตรี ไม่สนใจสาวใช้ที่จะสั่งสอนนางเลยแม้แต่น้อย

บ่าวรับใช้ที่วางอำนาจบาตรใหญ่พวกนี้

ก็แค่พวกอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่ง หาได้อยู่ในสายตานางไม่

เมื่อพวกนางทั้งสองมาถึงด้านหลังของนาง ก็กะที่จะรุมเตะต่อยนาง

แผ่นหลังของหลานเยาเยาที่เบิกกว้างดั่งดวงตา

ทันทีที่กำลังภายในที่มองไม่เห็นระเบิดออกมา พวกนางทั้งสองก็ลอยเด้งออกไปถึงประตูทางเข้า

“กรี๊ด……”

“กรี๊ด……”

ตามด้วยเสียงดังสนั่นของวัตถุที่หนักตกลงบนพื้น นางก็ยังคงสัมผัสสายเครื่องดนตรีอย่างสบายใจ ด้วยรอยยิ้มบางๆเปื้อนที่มุมปาก

“คุณหนู เจ็บมากเลยเจ้าค่ะ! อีดอกทองนั่นมันตีข้า……”

หนึ่งในสาวใช้ ยังพูดไม่ทันจบ ก็ต้องกล้ำกลืนกลับไป

นางเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ เรือนร่างสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว

เพราะว่า!

ในขณะนี้ หลานเยาเยาได้หันหลังกลับมา……

ฉินหลิงเจียวที่ยังเดินมาไม่ถึงประตู

ก็ประหลาดใจที่ได้เห็นสาวใช้คนสนิทของนางทั้งสองคน เหมือนร่างไร้วิญญาณ ค่อยๆคลานออกมาจากทางเข้าห้อง

“นังพวกไร้ประโยชน์ แค่ให้ไปสั่งสอนคน จะกลัวอะไรถึงเพียงนี้ ไปเจอผีมารึไง?”

ฉินหลิงเจียวพูดอย่างเย็นชา

หลังจากนั้น

ก็เตะพวกนางไปคนละหนึ่งป๊าบ และกะจะเข้าไปในห้องเพื่อที่จะลงมือเอง

และก็ได้เห็นหลานเยาเยากำลังอุ้มพิณกู่ฉินจื่อหลิงอยู่ ขณะที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มอันบ้าเลือดค่อยๆเดินไปทางนาง

ใบหน้าของนางที่แดงก่ำ ก็เลือนหายถอยสู่ใบหน้าอันซีดเผือดด้วยความเร็วที่มองเห็นได้

“เทพ……ธิดา……”

จะเป็นนางได้อย่างไรกัน?

นางไม่ได้อยู่กับเฉิงเสี้ยง และมัคนายกที่วิหารวัดหน้าพระใหญ่นุ่นหรอกรึ?

ใยถึงได้อยู่ที่นี่?

หลานเยาเยาเดินมาอยู่ตรงหน้าฉินหลิงเจียว ขาทั้งสองข้างของฉินหลิงเจียวอ่อนยวบ หากไม่ใช่เพราะบานประตูกั้นเอาไว้ นางก็คงจะล้มไปแล้ว

ในที่สุด!

หลานเยาเยาก็เลี่ยงนาง เดินออกไปข้างนอก แล้วหันหน้ากลับมา ถามว่า:

“เจ้าอยากจะชิงเรือนสี่ประสานหลังนี้งั้นรึ?”

“ไม่ใช่ๆ ไม่เลยเจ้าค่ะ เข้าใจผิด เป็นการเข้าใจผิดกันเจ้าค่ะ เทพธิดา ท่านเข้าใจผิดแล้ว เรือนสี่ประสานหลังนี้เป็นของท่านเจ้าค่ะ” ฉินหลิงเจียวปัดมือตีโพยตีพาย

หึ!

ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะอาละวาดไปหรอกรึ?

ทำเอะอะโวยวาย ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ได้เห็นหน้าสักหน่อยก็กลัวแล้วงั้นรึ?

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่สนามม้าของราชวงศ์ ก็ดูอำนาจบาตรใหญ่ซะเหลือเกิน นางยังจำได้ดี

ดูเหมือนว่า………

ที่สั่งสอนไปคราวก่อนก็ยังได้ผลอยู่บ้างนะเนี่ย!

“เช่นนั้นพวกเจ้าเข้ามาในนี้ด้วยการอันใด?” จู่ๆสายตาของนางก็เยือกเย็น สีหน้าเคร่งขรึมในทันใด

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

แม้ว่าฉินหลิงเจียงจะโง่เขลาอยู่ แต่เพลานี้ก็รู้แล้วว่าเทพธิดาหมายถึงสิ่งใด จึงรีบลากขาที่อ่อนแรงออกไปอย่างลุกลี้ลุกลน

ท่าทางนั้นดูอ่อนแรงเหลือเกิน หากไม่ได้ค้ำต้นไม้ได้ทันเวลาละก็ เดาว่าคงล่วงลงพื้นไปแล้ว

ส่วนสาวใช้สองคนนั้น ก็เหมือนหมาจนตรอกมิมีผิด วิ่งหัวซุกหัวซุนมาหลบหลังฉินหลิงเจียวอย่างคนขี้ขลาดตาขาว มันช่างตรงกันข้ามกับความถือตัวถือตนก่อนหน้านี้จริงๆเชียว

พระสงฆ์:“……”

รังสีของเทพธิดานั้นแกร่งกล้าเหลือเกิน เพียงพริบตาเดียวก็มากพอที่จะทำให้คนหวาดกลัว

“หึ!”

หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงหันหลังกลับไป ในขณะที่เรือนร่างของนางหายไปจากตรงหน้าของพวกเขา เสียงอันเย้ายวนก็ดังแว่วขึ้นมา

อย่าได้ให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก มิเช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าสาบสูญไปตลอดกาล”

เมื่อคำนี้ดังขึ้น

ดวงใจของฉินหลิงเจียวก็สั่นระรัว ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปทั่วร่างในทันใด

“คุณ คุณหนู เทพธิดานี่เกินไปแล้วนะเจ้าคะ นางบังอาจทำเช่นนี้กับคุณหนูได้อย่างไรกันเจ้าคะ?”

เมื่อร่างของเทพธิดาลับสายตาไป หนึ่งในสาวใช้พูดออกมาอย่างหวาดผวา

เมื่อสาวใช้อีกคนเห็นเช่นนี้ ก็ฉุนขึ้นหน้าออกมาเหมือนกัน:

“ใช่! คุณหนูเจ้าคะ นายท่านเป็นถึงสิงปู้ช่างชู นางกล้าดียังไงมาข่มขู่ท่านเช่นนี้ เป็นเทพธิดาแล้วเก่งจังเลยนะแหม!

ในมุมมองของข้าน้อย นางก็แค่เด็กสาวบ้านนอกที่มีทักษะวิทยายุทธเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ ไม่เห็นจะน่าเกรงขามแต่อย่างใด”

“เพี๊ยะ……”

“เพี๊ยะ……”

เสียงตบดังลั่นสนั่นหู สาวใช้ทั้งสองกุมหน้ากันคนละข้าง ความเจ็บที่แสบร้อนทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัว

“อีดอกสองตัวนี้ พวกเอ็งจะไปรู้สิ่งใด? พ่อเคยพูดไว้ว่า คนที่ไม่เห็นหัวแม้แต่ฮ่องเต้

เหมือนคนอย่างอ๋องเย่ จะอย่างไรก็ห้ามไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด ไม่งั้นจะไม่ได้ตายดีเป็นแน่”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท