หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 303 ผ้ารูปทรงแปลกประหลาด

บทที่ 303 ผ้ารูปทรงแปลกประหลาด

บทที่ 303 ผ้ารูปทรงแปลกประหลาด

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด

ตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในตำหนักของนาง ความทรงจำเหล่านั้นที่เขาเคยลืมก็ค่อยๆหวนคืนกลับมา

ทุกๆท่าทางอาการของนาง เขาก็ค่อยๆรู้สึกถึงมัน

ไม่แน่!

เพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างนางไปต่อไป ความทรงจำเหล่านั้นที่เขาลืมเลือน ก็น่าจะหวนคืนกลับมา……

ทันใดนั้น!

“ฟิ้ว······”

ลมหายใจอันเยือกเย็นที่แสนอันตรายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

พวกเขาต่างรู้เท่าทัน!

หลานเยาเยาลืมตาในทันที ส่วนเย่แจ๋หยิ่งที่โน้มตัวมาข้างหน้า ก็โอบนางไว้ในอ้อมแขน อีกทั้งยังเอื้อมมือไปคว้าอาวุธลับที่พุ่งเข้ามา

มองอาวุธที่พุ่งเข้ามาผ่านอากาศอันหนาวเหน็บนั้น หลานเยาเยาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดๆเลยแม้แต่น้อย

รู้สึกแต่······

รู้สึกแต่ความอบอุ่น

เป็นไปได้อย่างไรกัน? เป็นเพราะอยู่ในอ้อมกอดของเขางั้นรึ?

เช่นนั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง และเมื่อได้สบตากับเขา

จู่ๆใจนางก็เต้นตุ๊บตั๊บ!

ในพริบตาเดียว นางก็เห็นความหวาดกลัวและกังวลในแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง

เขา เขากลัวสิ่งใด?

แล้วกังวลเรื่องอะไรกัน?

ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะนางงั้นรึ?

หึ!

ความกังวลน่ะหรอ? นางไม่รู้สึกถึงมันมาตั้งนานแล้ว……มิใช่รึ?

“ไม่ต้องกลัว ข้าปกป้องเจ้าอยู่” เสียงสุขุมนุ่มลึกอันอ่อนโยนดังขึ้น เพราะกลัวว่าอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจะทำให้นางตกใจด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ตะลึงไปเล็กน้อย

ความกังวลของนางไม่เคยหลอกลวง ครั้งนึง น้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนหวานของเขาเช่นนี้มักจะพูดกับนางคนเดียวเท่านั้น

แต่ในตอนนี้······

ในความคิดของนาง เย่แจ๋หยิ่งกำลังทำให้คนอื่นทุกข์ใจ

นางรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ

ความเจ็บปวดที่เหมือนจะเคยรู้สึกมาก่อน มันค่อยๆรุกรานเข้ามาในก้นบึ้งของหัวใจนาง

ตัวตนของนางในตอนนี้กับในอดีตต่างกันราวฟ้ากับเหว นางจำตัวเองแทบไม่ได้ แล้วคนอื่นจะจำได้ได้อย่างไร?

และดูเหมือน……

เขาคงจะลืมหลานเยาเยาที่ครั้งหนึ่งเคยไร้เดียงสาไปตั้งนานแล้ว และที่เลวร้ายคือ นางก็คิดเองเออเองว่าเขาลืมไปแล้วจริงๆ แถมยังแอบหวังเล็กๆ ว่าอย่างน้อยก็ขอให้เขาจำหลานเยาเยาได้บ้าง

แต่ในตอนนี้ ความหวังนั่นมันเลือนหายไปหมดแล้ว……

หึ!

บัดซบ!

บัดซบ……

หลานเยาเยา แกนี่แหล่ะที่บัดซบ

“อ๋องเย่ เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว”

“ยังมีอันตรายอยู่ ข้า····” ในใจของเย่แจ๋หยิ่งนั้นเจ็บแปลบไปหมด

เมื่อครู่ก็เห็นๆอยู่ว่าไม่เป็นอะไร เหตุใดอยู่ๆถึงได้·····

ไม่ ไม่สิ

ในใจของเขาเมื่อครู่นี้ก็เจ็บอยู่บ้าง แค่ไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่เพลานี้เหตุใดถึงเจ็บแปลบเสียดแทงถึงเพียงนี้?

“ข้าหาได้เป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอไร้กำลังไม่” หลานเยาเยาตอบอย่างเย็นชา

“อา งั้นข้าคงจะหุนหันพลันแล่นเกินไป” ความเจ็บปวดภายในใจจางหายไป

เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆปล่อยตัวนาง ส่วนอันตรายในความมืดก็เลือนหายอย่างไร้ร่องรอย ไปพร้อมๆกับรถม้าที่เคลื่อนตัว

หลังจากนั้น ในรถม้าก็ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

หลานเยาเยานั่งเงียบๆ เหม่อลอยไปกับความคิด

ส่วนเย่แจ๋หยิ่งก็นั่งอกผายไหล่ผึ่ง จดจ่ออยู่กับหนังสือในมือ

ทว่า!

หลังผ่านไปพักหนึ่ง

เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นหลานเยาเยาเหม่อลอยไปไหนต่อไหน ก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเล็กน้อย

เขานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน แถมเพิ่งจะปกป้องนางไปเมื่อครู่

ใยนางถึงยังดูอารมณ์ไม่ดีอยู่อีก?

เช่นนั้นเขาจึงวางหนังสือลง ยื่นมืออันเรียวบางมาโบกๆอยู่ตรงหน้านาง โบกอยู่อย่างนั้นจนนางได้สติ

“มีอะไร?” กำลังเพลินเลยเนี้ย!

“ข้าอยากหาหนังสือเล่มอื่นมาอ่าน”

สิ่งที่พูดเหมือนกับว่าจะขอความยินยอมจากนาง

ทว่า พอเขาพูดจบ ก็ไม่ได้รอคำตอบของนาง แต่กลับเปิดช่องลับในรถม้าอย่างคุ้นเคย

ในช่องลับมีหนังสืออยู่สองสามเล่ม หลังเขาสุ่มหยิบออกมาเล่มนึง ก็ไม่ได้ปิดช่องลับ แต่ยังคงรื้อหาของต่อ

ช่องลับนั้นมีความกว้างเท่ากับตัวรถม้า ด้านในมีของอยู่มากมาย พวกมันระเกะระกะทับซ้อนกันไปหมด

“······”

เขาทำอะไรของเขา?

เขาขัดจังหวะการเหม่อลอยของนาง เพื่อให้นางมาดูเขารื้อของงั้นรึ?

หากเป็นเมื่อก่อน นางคงจะโมโหโต้เถียงกับเขา หรืออาจจะถึงขั้นตีกันสักตั้งเลยก็ได้

แต่ตอนนี้น่ะรึ!

นางรู้สึกว่ามันไร้สาระ

จะรื้อก็รื้อไป ยังไงก็ไม่ได้มีของสำคัญอะไรอยู่แล้ว ของที่สำคัญมันมาอยู่ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บนี่หมดแล้ว!

นางยังคงคิดต่อไปถึงสำนักหงอี

ช่วงแรกของการก่อตั้ง ในสำนักหงอีมีแต่คนเฒ่าคนแก่ หลังจากที่ค่อยๆรุ่งเรืองขึ้นมา ถึงได้มีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสองสามคน

เพื่อให้สำนักหงอีเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป แน่นอนว่านางต้องให้ความชำนาญการแก่พวกนาง

ในบรรดาพวกนางมีหญิงสาวคนหนึ่งที่โดดเด่นราวกับดอกไม้ไฟ นางมีความสามารถในการค้าเป็นอย่างมาก เช่นนั้นนางจึงมอบทักษะสมัยใหม่ให้แก่นาง

อย่างเช่น การผลิตข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันประเภทต่างๆของผู้หญิง

มันสมองของนางนั้นเป็นเลิศ

ใช้เวลาไม่นานก็ทำสิ่งของในภาพร่าง ออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างไร้ที่ติ อีกทั้งยังขายดีอย่างมากในทุกๆย่านของหอโคมเขียว

เหมือนว่านางจะเคยส่งมาให้หลานเยาเยาอยู่ชุดนึง ซึ่งนางน่าจะโยนไว้·····ในรถม้า

เอ๋?

รถม้า?

ทันใดนั้น นางก็ดูประหม่า อย่างกับเจอผีในทันใด และมองไปยังช่องลับจักรกล เพียงแวบเดียวก็เห็นชุดเข้ารูปสีสันสดใส

แต่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มันอยู่ถัดจากมือของเย่แจ๋หยิ่ง

ทันใดนั้น ม่านตาของนางก็เบิกกว้างอย่างรุนแรง

“กรี๊ด·····”

นั่นเป็นของที่เขาส่งมาให้นี่

เย่แจ๋หยิ่งรื้อเจอผ้ารูปทรงแปลกประหลาด แล้วก็ได้ยินเสียงของนางที่จู่ๆก็ร้องลั่นขึ้นมา

จึงนึกว่ามีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกแล้ว

ดังนั้น!

เขาจึงหันหน้ามา ยังไม่ทันเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ ก็เห็นว่าหลานเยาเยาพุ่งเข้ามาดันตัวเขา

และแล้ว หลานเยาเยาก็ดันเย่แจ๋หยิ่งไปติดกับกำแพง

เย่แจ๋หยิ่งจ้องมองใบหน้าอันงดงามที่อยู่ใกล้เกือบคืบ ริมฝีปากแดงๆของนาง เกือบจะจุ๊บหน้าเขาอยู่แล้ว

จึงถามขึ้นอย่างไม่รู้ความ: “อะแฮ่ม มีสิ่งใดฤา?”

หลานเยาเยาจะอะไรขนาดนั้น ล้มทับลงมาก่อนแล้วค่อยบอกทีหลังเฉยเลย

จะอย่างไรก็แค่ยับยั้งเขาจากการรื้อของต่อได้ก็พอแล้ว หากเขาเห็นเข้า ก็คงจะไม่มีที่ให้ซุกหัวแล้วล่ะ

“ไม่มี ไม่มี ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”

นางพูดไปยิ้มไป พร้อมกับกดตัวเย่แจ๋หยิ่งไว้ ในขณะที่จะปิดช่องลับอย่างเงียบๆ

เมื่อช่องลับปิดลง นางก็โล่งใจไปยกใหญ่:

“ฟู่ว·····”

หลังตัดความกังวลที่น่าอายออกไปได้ นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น จากนั้นจึงปล่อยเขาอย่างสบายใจ พลางพูดอย่างจริงจังว่า:

“ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าอ๋องเย่จะชอบรื้อค้นของของผู้อื่น”

“ข้าก็อยู่กับเจ้า เจ้าก็ไม่เห็นจะห้ามข้านี่”

เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นว่านางไม่เป็นอะไรจริงๆ จึงมองนางอย่างสงสัย

หากมิเป็นอันใดแล้วเหตุใดถึงกรี๊ด?

ทั้งยังกระโจนเข้ามาหาอีก เพื่อสิ่งใดกัน?

เป็นการขอบคุณหรือเป็นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับกันแน่?

แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา!

แบบไหนก็ดีทั้งนั้น แค่นางไม่เกลียดเขาก็พอ

“ไม่ใช่ว่าไม่ห้าม แค่กำลังเพลินอยู่กับความคิดต่างหาก

เดี๋ยวนะ แววตาของเจ้านี่มันทำไม อ๋องเย่ ข้าจะบอกให้นะ อย่าได้มองข้าเช่นนั้น ในช่องลับนั่นมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”

“······”

เย่แจ๋หยิ่งเหมือนอยากจะขำออกมา

ไม่รู้ว่านางจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆปานนั้นด้วยเหตุใด?

อย่างไรก็ตาม ถึงนางจะเป็นเช่นนี้ก็ยังงามล้นเหลือเกิน

แต่แค่····

“มิมีสิ่งใดจริงๆงั้นรึ?”

เขาเบนสายตาเล็กน้อย แล้วเหล่มองไปที่ช่องลับ

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็รีบพุ่งไปขวาง กั้นช่องลับไว้ในทันที พลางมองเขาอย่างหวาดระแวง

“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? บอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีไง”

“งั้นนี่มันคือสิ่งใดรึ?”

เย่แจ๋หยิ่งยกชิ้นผ้าทรงประหลาดในมือขึ้นมา แล้วมองนางด้วยความสงสัย

เมื่อหลานเยาเยาได้เห็น ก็แข็งทื่อไปในพริบตา……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท