หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 342 วิธีการบังคับให้สารภาพที่ไม่ธรรมดา

บทที่ 342 วิธีการบังคับให้สารภาพที่ไม่ธรรมดา

บทที่ 342 วิธีการบังคับให้สารภาพที่ไม่ธรรมดา

คนที่พวกยิงจวนยายเมิ่งตามไล่ฆ่าก่อนหน้านี้ ก็คืออาฝูและโม่ซางของชาวหยินไห่ โม่เหลียงเฉินก็คงจะมาช่วยคนเช่นกัน คาดว่าคงถูกจื่อเฟิงชิงไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว

สำหรับคำพูดที่ตรงไปตรงมาของนาง โม่เหลียงเฉินตกใจเล็กน้อย

แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแทะเสบียงที่อยู่ในมือย่างเงียบๆ

หลานเยาเยาก็ไม่นึกว่า ได้เห็นร่างสองสามคนที่อยู่ไม่ไกล ก็งอมุมปากขึ้น

“มีคนมา!”

โม่เหลียงเฉินทอดสายตาไปที่นาง เมื่อเห็นอาฝูและโม่ซางที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เขาก็ขมวดคิ้ว

จึงรีบเดินเข้าไปถาม

“บอกข้ามา ว่าฮัวหยู่อันอยู่ที่ไหน”

อาฝูและโม่ซางรู้จักกับโม่เหลียงเฉิน แต่เมื่อถามเขาเขากลับปิดปากนิ่งเงียบ สายตาที่มองเขาถึงกับมีความโกรธอยู่เล็กน้อย

หลานเยาเยาเห็นสีหน้าท่าทางในดวงตาของพวกเขา ในใจก็รู้สึกสงสัย แล้วก็เดินเข้าไป

“คุณหนู พาคนมาแล้ว” จื่อเฟิงประสานมือแสดงความเคารพ

“ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน ไปเถอะ!”

“คุณหนู นำกลับไปตำหนักไหม” แต่ในตำหนักมีคนของเรือแห่งความสิ้นหวัง หากถูกพบเข้า ไม่กล้านึกถึงผลที่ตามมาเลยว่าจะน่ากลัวแค่ไหน

“ปล่อยพวกเขาไป”

“ครับ!”

หลานเยาเยารู้ดีว่า หากฮัวหยู่อันตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าอาฝูและโม่ซางจะไม่ชอบโม่เหลียงเฉิน ก็จะบอกเบาะแสของฮัวหยู่อัน ขอให้โม่เหลียงเฉินช่วยชีวิตคน

ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะไม่พูด

นั่นแสดงว่า คนไม่ได้เป็นอะไร

ในเมื่อคนไม่ได้เป็นอะไร นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

สำหรับอาฝูและโม่ซาง นางเคยเจอกับพวกเขาครั้งหนึ่งเพราะฮัวหยู่อัน เลยได้ช่วยเขาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าพวกเขาสวมเสื้อผ้าที่ดูไม่ดี ตอนนี้นางก็คงเก็บค่าช่วยชีวิตไปแล้ว

หลานเยาเยาหันกลับและเดินไปยังทิศทางที่ม้าสุดรักของนางจากไป นางเอามือไขว้หลัง และเดินไปทีละก้าวอย่างสบายๆ

แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดจู่ๆ หันกลับมา และพูดเตือนอาฝูและโม่ซาง “พวกเจ้ายังไม่ได้ขอบคุณข้าเลยนะ !”

จื่อเฟิง “……” คุณหนูอารมณ์เสียอีกครั้ง

นางตั้งใจเดินอย่างช้าๆ เพียงเพื่อรอคำขอบคุณ

ในใจอาฝูและโม่ซางย่อมรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว เพราะหลังจากได้เห็นโม่เหลียงเฉินที่สูญเสียฮัวหยู่อันไป ก็ลืมไปชั่วขณะ

เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าผู้มีพระคุณจะเป็นเทพธิดาที่มีชื่อเสียง และยังเป็นเทพธิดาที่เสนอตัวมาเองอีกด้วย

พวกเขารู้สึกละอายใจทันที

ทั้งสองรีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที และก้มศีรษะแสดงความขอบคุณ “ข้าชื่อโม่ซาง ผู้นี้คืออาฝูภรรยาของข้า อยากจะขอบคุณเทพธิดาสำหรับพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตไว้ หากเทพธิดาต้องการความช่วยเหลือใด บุกน้ำลุยไฟพวกข้าก็ยินดี ไม่ปฏิเสธ”

“ไม่ต้องถึงบุกน้ำลุยไฟหรอก เพียงจดจำข้าไว้ก็ได้แล้ว”

ไม่คิดเลยว่าพวกเขาแต่งงานกันแล้ว ช่างเถอะ ก็ไม่ทำให้คนอื่นลำบากใจแล้ว

พูดจบ ก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

กลับไปยังตำหนักเทพธิดา

หลานเยาเยายังไม่ได้ลงจากม้า ก็เห็นป่ายเม่ยเซิงยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองนางเหมือนกับคนที่ยืนรอจนกลายเป็นหิน ในดวงตานั้นคือการแสดงความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพียงนางลงจากม้า เดิมทีไม่ได้คิดจะทักทายกับป่ายเม่ยเซิง แต่กลับพบว่าสีหน้าของเขานิ่งเฉย และลอยจากไปอย่างรวดเร็ว

เอ่อ……

เห็นผีหรือไง

วิ่งเร็วอะไรขนาดนั้น

เมื่อหลานเยาเยาเห็นเย่แจ๋หยิ่งในชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่เด็มไปด้วนดอกสีขาวที่อยู่ตรงลานด้านหน้า ก็รู้ได้ว่าทำไมป่ายเม่ยเซิงจึงวิ่งหนี

ดวงตาของหลานเยาเยาเปล่งประกายเล็กน้อย

ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งใช้กลยุทธ์แสร้งปฏิเสธที่อยู่ในสามสิบหกกลยุทธ์

ดังนั้น!

นางจึงยึดอกขึ้น และเดินไปหาเย่แจ๋หยิ่งอย่างสงบนิ่ง นางได้เห็นความนุ่มนวลในดวงตาของเย่แจ๋หยิ่ง

ดังนั้นเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของเขา ไม่ได้พูดอะไรและก้าวผ่านเขาไป โดยไม่แม้แต่จะมองเขา

หลานเยาเยารู้สึกว่าท่าทีในตอนนี้ของนาง ต้องการสง่างามเท่าไหร่ก็สง่างามเท่านั้น

คิดไม่ถึงว่า แขนจะถูกมือใหญ่มือหนึ่งจับเอาไว้

หลานเยาเยาหยุดฝีเท้าลง หันศีรษะไปมองมือใหญ่ที่จับแขนของนางเอาไว้ จากนั้นก็มองไปยังเย่แจ๋หยิ่ง

“อ๋องเย่หมายความว่าอย่างไร” อ๋องเทพสงครามผู้สง่างามมาลากฉุดทำอะไรแบบนี้ในตำหนักข้า”

เย่แจ๋หยิ่งมองนางอย่างแปลกๆ มุมปากที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มได้พูดออกไป

“อาหารเตรียมพร้อมแล้ว เทพธิดาร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันได้หรือไม่”

“ที่ไหนหรือ”

ดวงตาของหลานเยาเยาเปล่งประกายขึ้นในทันที ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“ในห้องบรรทมของข้า”

“รีบไปเถอะรีบไปเถอะ”

เมื่อได้พบกับของกิน เรื่องการต้อนรับหรือปฏิเสธอะไรก็ล้วนลืมไปหมด จูงเย่แจ๋หยิ่งให้รีบไปอย่างรวดเร็ว

ในห้องบรรทมชั่วคราวของเย่แจ๋หยิ่ง

หลานเยาเยาก็นั่งลงบนเก้าอี้ สายตาได้จ้องตรงไปยังอาหารอร่อยที่อยู่บนโต๊ะ กลืนน้ำลายไม่หยุด

ไม่ง่ายเลยที่จะรอจนกระทั่งเย่แจ๋หยิ่งจะนั่งลง หลานเยาเยาก็อดใจไม่ไหวที่จะกินเข้าไป

หากว่าเป็นในอดีต

หลานเยาเยารับประทานอาหารราวกับสายลมที่กระโชก วันนี้กลับยากที่จะเห็นการกินอย่างสง่างาม

เย่แจ๋หยิ่งอดไม่ได้ที่จะมองไปหลายครั้ง

“ไม่อร่อยหรือ” เขาถาม

“เวลาทานข้าวไม่พูดจา เวลานอนไม่พูดคุย” หลังจากหลานเยาเยาพูดประโยคดังกล่าว ก็ยังคงกินอย่างสุภาพเรียบร้อย

หลังจากกินจนอิ่มท้องแล้ว หลานเยาเยาก็วางตะเกียบลง

นางเหลือบไปมองเย่แจ๋หยิ่ง ก็พบว่าเขายังกินอะไรไปไม่มากเลย ทันทีที่นางวางชามลง เขาก็วางลงเช่นกัน

“ขอบคุณมาก!” หลานเยาเยาพูดขอบคุณอย่างเกรงใจ จากนั้นลุกขึ้นและจากไป โดยไม่เปิดโอกาสให้เย่แจ๋หยิ่งได้พูดเลยแม้แต่น้อย

หลังจากกลับถึงห้องบรรทม หลานเยาเยาก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ จากนั้นก็ยังไม่หยุดที่จะไปดูบรรดาตาแก่ที่ได้รับบาดเจ็บ

นางให้พวกเขากินยา และยังเป็นยาที่ระบบเปิดออกมาใหม่ แต่บรรดาตาแก่ก็ไม่ได้กินมัน

และยังพูดอย่างจงเกลียดจงชังว่านางนิสัยไม่ดี และยังรู้ว่ามั่วอยู่กับผู้ชาย กลับมาแล้วก็ไม่มาพบกับพวกเขาก่อน

หลานเยาเยา “……”

ในท้ายที่สุดหลังจากที่ให้พวกเขาทั้งหมดกินยาอย่างยากลำบาก หลานเยาเยาก็มองไปยังสีของท้องฟ้า ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว

นางรีบออกไปอีกครั้ง

ในค่ำคืนของเมืองหลวง แม้ว่าโคมไฟทั้งหมดจะไม่ได้ดับลง นอกจากเสียงของสุนัขที่ดังออกมาเป็นครั้งคราวแล้ว ทุกอย่างก็ค่อนข้างเงียบ

ตำหนักองค์ชายสี่

เงาดำที่สง่างามและป่าเถื่อน ได้ทะลุกำแพง หลบหลีกองครักษ์ที่ลาดตระเวน เหาะขึ้นไปบนหลังคาตรงไปยังห้องบรรทมชั่วคราวขององค์ชายสี่

เงาดำเลื่อนสลักประตูที่ลงกลอนไว้ด้านในอย่างช้าๆ ขณะที่ประตูเปิดออก เขาก็คว้าจับกลอนประตูที่กำลังตกลงพื้นไว้อย่างแนบเนียน

จากนั้นฝีเท้าก็ช้าลงอีกครั้ง และเดินไปที่เตียงในห้องชั้นใน

เมื่อเห็นผ้านวมที่อยู่บนเตียงนูนสูงขึ้น เงาดำก็ยกมือทั้งสองข้างที่ถือมืดไว้เหนือศีรษะ ตั้งแต่เริ่มเดินเข้าไปตำหนักองค์ชายสี่ เขาก็กระทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นนักฆ่าชั้นยอด

แต่……

เมื่อเขายกมีดขึ้นเหนือศีรษะ เตรียมพร้อมที่จะลงมือฆ่า

แสงเทียนก็สว่างขึ้นทันที

ภายในห้องมีคนอยู่ยี่สิบกว่าคน แต่ละคนล้วนแต่กอดอก และจ้องมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร

“……”

ทำไมคนเยอะขนาดนี้

นักฆ่าเงาดำได้ตกตะลึงขึ้น

จากนั้นเขาก็มาอย่างทันที และถูกจับอย่างหมดอาลัยตายอยาก

คิดจะกัดยาพิษฆ่าตัวตายที่ซ่อนเอาไว้ในปากก็ทำไม่สำเร็จ เพราะร่างกายได้ถูกสกัดจุดไว้แล้ว ไม่สามารถขยับได้

เมื่อนักฆ่าเงาดำได้ถูกนำตัวออกจากห้อง จึงพบว่า มีองครักษ์จำนวนมากมายถือคบเพลิงยืนเรียงเป็นแถวอยู่ด้านนอก มายืนล้อมรอบที่นี่อยู่อย่างมากมาย

การที่เขาต้องเข้าไปในตำหนักองค์ชายสี่ ก็ถูกกำหนดให้ไม่อาจหลบหนีได้

อีกทั้งองค์ชายรัชทายาทและเทพธิดาก็ยืนอยู่ด้านหน้าสุด

“บอกมา ว่าใครเป็นคนส่งเจ้ามาที่นี่” เย่หลีเฉินจ้องไปยังนักฆ่าอย่างโกรธเกรี้ยว

นักฆ่ามิได้ไหวติง

หลานเยาเยาก้าวไปข้างหน้า และพูดเบาๆ

“เขาเป็นนักฆ่า ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ซักไซ้อย่างธรรมดาก็เปล่าประโยชน์สำหรับเขา”

เมื่อเห็นความหยิ่งยโสของนักฆ่า ที่มีท่าทีดูเหมือนอย่างมากก็แค่ตาย

หลานเยาเยากล่าวต่อ

“ต้องใช้วิธีการใหม่ในการบังคับให้สารภาพ ขั้นแรกให้คนใช้วิธีการตัดมือเฉือนหนัง จากนั้นโรยเกลือทั้งเอาไว้ครึ่งชั่วโมง

หลังจากหมักทิ้งไว้ ก็ใส่ลงไปในกระทะน้ำมันและพลิกไปมา ผัดจนเริ่มเหลือ หลังจากนั้นก็ใส่ลงไปในน้ำของพริกเคี่ยวด้วยแรง หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็เอาขึ้นจากหม้อ”

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท