บทที่ 414 สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต
ท่านหานส่ายหน้า: “ไม่ทราบ ได้ยินแต่ เทพธิดาบอกว่าอ๋องเย่ฆ่าสาวใช้ของนาง ดังนั้นเทพธิดาต้องการจะฆ่าอ๋องเย่แก้แค้น
อ๋องเย่ถูกแทงบาดเจ็บ เทพธิดาเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง บาดเจ็บรุนแรงมาก น่ากลัวว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต”
เย่หลีเฉินมองดูเหรียญกษาปณ์ทองแดงหนึ่งเหรียญที่ตกอยู่บนพื้น กล่าวถามขึ้นมาอีกว่า:
“กระเป๋าพยาบาลของเสด็จอาล่ะ?”
“ยังเก็บเอาไว้ในร้านประมูล พวกเขาต่างก็โกรธเกลียดอีกฝ่าย ใครมันจะยังสนใจเรื่องนี้ได้!”
ตอนนี้ท่านหานลำบากใจอย่างมากแล้ว กระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติอันนี้จะจัดการอย่างไรดี?
อ๋องเย่แลกเปลี่ยนด้วยเหรียญกษาปณ์ทองแดงเหรียญหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้เอาเงินไป เทพธิดาก็ยังไม่ได้เอากระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติไปเช่นกัน ตอนนี้เขาจะต้องส่งกระเป๋าพยาบาลอัตโนมัติอันนี้ไปที่ไหนดี?
จวนอ๋องเย่? หรือว่าจะส่งไปที่ตำหนักเทพธิดา?
แต่ดูจากสถานการณ์ศึกที่เกิดขึ้นในวันนี้ ส่งไปที่ไหนก็เหมือนไปโรยเกลือบนบาดแผลของคนอื่น ดังนั้น……
“ไม่มีอะไรแล้ว ท่านหาน ท่านลงไปก่อนเถอะ!”
“ได้ขอรับ”
ขณะที่ท่านหานกำลังคิดอยู่ว่ากระเป๋าพยาบาลควรจะตกเป็นของใครดี ก็ออกจากห้องส่วนตัวไป
ที่ไหนก็ส่งไปไม่ได้ทั้งนั้น ทำได้แต่ฝากเอาไว้ที่เขาก่อน รอให้ผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน
ในห้องส่วนตัวเหลือเพียงเย่หลีเฉินคนเดียว เขายืนอยู่เงียบๆตรงนั้น มองดูรอยเลือดขนาดใหญ่บนพื้น และสิ่งของที่ยุ่งเหยิงรุงรัง
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?
อีกฝ่ายเป็นเสด็จอา อีกฝ่ายเป็นเทพธิดาที่เคารพนับถือ
——
จวนอ๋องเย่
ในห้องบรรทมของอ๋องเย่ เสียงหัวเราะที่คล้ายกับเสียงหมูร้องดังออกมาจากห้องบรรทม
เมื่อตั้งใจฟัง เจ้าของเสียงนั้นดูคล้ายกับคุณชายผู้สง่างามที่ไม่ขุ่นเคืองไม่โกรธและสงบนิ่งต่อทุกสิ่งมาโดยตลอด——คุณชายเหลียงเฉิน
แต่ทว่า!
บรรยากาศในห้องบรรทมมีความอึดอัดเล็กน้อย
เย่แจ๋หยิ่งมองดูโม่เหลียงเฉินที่ถือถุงเลือดเอาไว้แล้วจิ้มไปโดยตรงอย่างเย็นชา แถมยังจิ้มไปด้วยหัวเราะไปด้วย ไม่รู้ว่าเขาถูกซ้อมจนเหมือนไอ้หัวหมู(หน้าโง่) เวลาหัวเราะขึ้นมาแล้วน่าเกลียดมากงั้นหรือ?
หลังจากที่ถูกเย่แจ๋หยิ่งชำเลืองมองครู่หนึ่ง โม่เหลียงเฉินก็หยุดเสียงหัวเราะลงทันที
“อ่ะแฮ่มๆ!”
เขากระแอมไอขึ้นมาเบาๆ วางสีหน้าให้ตรง:
“ท่านอ๋อง ท่านก็ช่างไร้น้ำใจเกินไป เรื่องดีๆเช่นนี้ ทำไมไม่บอกข้าก่อน ถ้าหากไม่ใช่ว่าวันนี้ข้าจะตามท่านไปให้ได้ ท่านไม่คิดจะบอกข้าเลยใช่ไหม?
รีบบอกมา ถ้าหากข้าไม่รู้ ท่านคิดจะปิดบังข้าไปถึงเมื่อไหร่”
โม่เหลียงเฉินแอบคิดในใจ โชคดีที่วันนี้ตามไปอย่างหน้าด้านๆ ถ้าไม่เช่นนั้น ก็ไม่ได้เห็น ภาพเย่แจ๋หยิ่งอับอาย(หน้าแตก)เช่นนี้แล้ว
ใครจะรู้……
เย่แจ๋หยิ่งฮึออกมาอย่างเย็นชา ยังคงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา กล่าวออกมาโดยที่หน้าไม่แดงใจไม่เต้นแรง(สงบมาก):
“นางบอกว่า กลัวเจ้าจะแสดงไม่เป็น”
เย่แจ๋หยิงจะไม่พูดเด็ดขาดว่า เขาต้องการจะมีความลับที่เหมือนกันกับหลานเยาเยาถึงไม่คิดจะบอกโม่เหลียงเฉิน
โม่เหลียงเฉินอารมณ์เสียเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าคนที่แสดงไม่เป็นคือใครกันแน่! โม่เหลียงเฉินทวงความเป็นธรรมให้ตัวเองทันที: “ดูการแสดงของข้าในวันนี้สิ ดีกว่าท่านที่ได้แน่นั่งหล่อๆอยู่ตรงนั้น มองดูเราต่อสู้กันไปมา”
“เจ้าแน่ใจว่าเป็นการต่อสู้กันไปมา ไม่ใช่ว่าถูกซ้อมหรือ?” เย่แจ๋หยิ่งเปิดโปงอย่างไร้น้ำใจ
โม่เหลียงเฉินรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่น้ำตาในทันที นี่เขาทำเพื่ออะไรกัน?
ไอ้สองคนนั้นก็ลงมือโหดเกินไปจริงๆ สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างสิ้นเชิง แถมยังเน้นหนักไปที่ใบหน้าของเขา นี่อิจฉาความหล่อเหลาของเขาหรือ?
“ซี๊ด……”
ในขณะที่เขาคิดอย่างโกรธๆ ก็ใช้ไข่ต้มสุกคลึงประคบใบหน้าที่บวมจนเหมือนไอ้หน้าหมูเบาๆไปด้วย
เมื่อนึกถึงเรื่องวันนี้ เขาก็รีบเก็บสีหน้าท่าทางทันที กล่าวถามอย่างจริงจัง: “เช่นนั้นต่อจากนี้วางแผนจะทำอย่างไรต่อไป?”
ละครก็เล่นออกไปแล้ว มีการเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุด
ได้ยินเช่นนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งก็เก็บสีหน้าท่าทางเช่นกัน แล้วบอกแผนการทั้งหมดของเขาออกมาอย่างหมดเปลือก
……
ตำหนักเทพธิดา
หลานเยาเยากลับเข้ามาในตำหนัก ก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องบรรทม คนไม่รู้ยังนึกว่านางเข้าไปร้องไห้อยู่ข้างใน หรือไม่ก็ขว้างปาข้าวของด้วยความโกรธ
ไหนเลยจะนึกถึงว่า……
นางในตอนนี้กำลังจ้องไปที่โต๊ะด้วยแววตาสดใส บนโต๊ะมีอาหารอร่อยมากมายวางไว้อย่างหนาแน่น มีรสชาติมากมายหลากหลาย กลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก หอมหวานน่ากิน
นางถือขาหมูเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ถือขนมอบไว้ข้างหนึ่ง ซ้ายคำหนึ่งขวาคำหนึ่ง กินอย่างเอร็ดอร่อย
จื่อซีกับจื่อเฟิงที่ยืนอยู่ข้างหลังของหลานเยาเยา เห็นท่าทางนี้ของนาง ก็มีรอยยิ้มแอบซ่อนอยู่ในสายตา
นานมากแล้วที่คุณหนูไม่ได้กินอย่างมีความสุขเช่นนี้
เป็นเพราะการแสดงละครในวันนี้แสดงได้ดีเกินไปหรือ?
เรื่องในวันนี้ พวกเขารู้อยู่แล้ว และคุณหนูพาองครักษ์หน้าบากคนนั้นไปด้วย แสร้งกล่าวว่าองครักษ์หน้าบากวรยุทธดี มีเจตนาอยากส่งเสริมให้อยู่ข้างกาย
ความจริงคุณหนูรู้อยู่แล้ว
โอกาสที่ดีเช่นนี้ องครักษ์หน้าบากจะต้องลงมือกับอ๋องเย่ที่ ‘บาดเจ็บสาหัส’ อย่างแน่นอน ดังนั้น คุณหนูจึงวางแผนยืมมืออ๋องเย่ฆ่าเขา
เช่นนี้นอกจากจะสามารถทำให้แผนการที่คุณหนูกับอ๋องเย่วางแผนกันขึ้นสำเร็จลุล่วงแล้ว ยังสามารถกำจัดคนทรยศในตำหนักไปได้อีกด้วย
หลังจากที่กินจนอิ่มท้องแล้ว นางก็เรอออกมาอย่างแรง จากนั้นถึงมองไปทางจื่อซี:
“ไปหาผู้ช่วยที่ฝีมือดีหน่อยสองสามคน สองสามวันนี้ เมื่อถึงยามจื่อ(ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง)ให้ไปทำการลอบสังหารที่จวนอ๋องเย่ เข้าไปเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปค่อยออกมา ทำให้ตัวเองตะลีตะลานเล็กน้อย ทางที่ดีเอาเลือดสุนัขมาราดบนตัวเล็กน้อย”
แสดงละครก็ต้องแสดงให้สมจริงหน่อย
“ขอรับ คุณหนู!”
“จื่อเฟิง ทางด้านถังมู่หวั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”
ก่อนหน้านั้น ทันทีที่ถังมู่หวั่นออกจากร้านประมูลเสินตู หลานเยาเยาก็ให้จื่อเฟิงสะกดรอยตามไป ไม่นานก็กลับมา เพราะการประมูลเริ่มต้นขึ้น นางเลยไม่มีเวลาสอบถามรายละเอียด
“เรียนคุณหนู สาวใช้สองคนนั้นคือคนที่ถังมู่หวั่นจงใจจัดหามา จุดประสงค์เพื่อสืบเบื้องลึกของท่าน”
เฮอะ!
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ถังมู่หวั่นเริ่มลงมือกับตนแล้ว เช่นนี้ยิ่งดี
หลังจากวันนี้ เป็นเวลาหลายวัน ที่จวนอ๋องเย่ถูกโจมตีในตอนดึก และทุกครั้งนักฆ่าที่เข้ามาลอบสังหารมักจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดในนั้น
หลังจากนั้นตำหนักเทพธิดา ก็มีมือสังหารปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
คนที่มีสายตาอันชาญฉลาดต่างก็รู้ว่า นี่เป็นการประมือกันอย่างลับๆระหว่างเทพธิดากับอ๋องเย่!
ได้ยินว่า เช้ามืดของหลายวันมานี้ มีคนเห็นประตูหลังของตำหนักเทพธิดาและจวนอ๋องเย่ ต่างก็มีคนแอบแบกกระสอบใหญ่เปื้อนเลือดไปโยนทิ้งในที่ทิ้งศพ
ฮ่องเต้พอใจกับสิ่งนี้อย่างมาก
แต่เขาจำเป็นต้องเป็นทูตสันติภาพ จึงสั่งการให้ราชครูเทียงเวิงไปเกลี้ยกล่อมทั้งสองจวนจากนั้นถึงได้เริ่มหยุดกันไป
แต่ว่า!
สิ่งทำให้ฮ่องเต้เสียดายคือ อ๋องเย่ที่บาดเจ็บสาหัสรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เพียงแค่ต้องนอนอยู่บนเตียงสักพักเท่านั้น
ถึงแม้เสียดายก็ส่วนเสียดาย แต่มันกลับเป็นโอกาสที่ดีมาก ในเวลาที่อ๋องเย่พักรักษาตัว เขาสามารถแอบจัดการเรื่องบางอย่างได้
เพราะหลังจากเรื่องที่อ๋องเย่กับเทพธิดาแตกคอกันอย่างเปิดเผย ลือกระฉ่อนไปทั่วในเมืองหลวง คนมากมายอยากจะประจบประแจงเทพธิดาไม่ว่าในที่แจ้งและที่ลับ
เพราะถึงอย่างไร!
หลายปีมานี้ นางเป็นคนแรกที่กล้าเผชิญหน้าสู้กับอ๋องเย่ตรงๆอย่างโจ่งแจ้ง และดูเหมือนกำลังอำนาจก็ยังไม่ด้อยไปกว่าอ๋องเย่อีกด้วย
นี่ไง ตำหนักเทพธิดาในตอนนี้มีรถม้ามาไม่ขายสาย ล้วนแต่มาเยี่ยมทักทายเทพธิดาถึงที่กันทั้งนั้น แต่ว่าคนส่วนใหญ่ล้วนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าตำหนัก
วันนี้
ตาเฒ่าหนังเหนียวหาเทพธิดาไม่เจออีกแล้ว เขาเกือบจะพลิกตำหนักเทพธิดาให้ตั้งตรงขึ้นฟ้าแล้ว สุดท้ายก็หานางเจอบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ตอนที่หานางเจอ หลานเยาเยากำลังแทะน่องไก่อยู่
เขาโกรธหลายๆอย่างขึ้นมา
ข้างนอกแทบจะเดือดพลุ่งพล่านกันอยู่แล้ว คำพูดของคนส่วนใหญ่ไม่ส่งผลดีต่อเทพธิดา หลานเยาเยาที่เป็นคู่ความกลับแอบมากินน่องไก่อยู่ที่นี่อย่างสบายอารมณ์
“นังเด็กเวร ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม รีบลงมาเลย”
เมื่อเขาตะโกนขึ้นมา หลานเยาเยาที่กำลังกินอย่างเมามันส์ก็รีบอดกลั้นการกินน่องไก่ที่เหลืออยู่ครึ่งน่องเอาไว้ทันที วิ่งหนีแวบไป
ตาเฒ่าหนังเหนียวโมโหจนใช้วิชาตัวเบาตามไปเดี๋ยวนั้นเลย
ตั้งหลายวันแล้ว นังเด็กเวรก็ไม่ยอมบอกเขา เพราะอะไรถึงทะเลาะกับอ๋องเย่จนกลายเป็นเช่นนี้
ถูกเขาถามจนรำคาญแล้ว เห็นเขาก็วิ่งหนีเลย เหมือนกับหนูเห็นแมว
วันนี้จะต้องถามให้รู้ชัดเจนให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายก็เหมือนกับหลายวันก่อน ไล่ตามไปไล่ตามไปก็หนีหายไป
ตอนที่ใกล้จะถึงเวลาพลบค่ำ
หลานเยาเยาที่ซ่อนอยู่ในกองหญ้า ก็ถูกจื่อเฟิงหาพบในที่สุด