หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 491 พูดความในใจกับโหลวเย่ว

บทที่ 491 พูดความในใจกับโหลวเย่ว

บทที่ 491 พูดความในใจกับโหลวเย่ว

พระราชธิดาจาวหยางมองดูน่องไก่ในมือ แล้วก็มองดูหลานเยาเยาที่หิวราวกับหมาป่าอีก อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้

ไม่รู้ว่าอย่างไร

ทั้งๆ ที่เป็นของอย่างเดียวกัน ส่งมอบให้แก่นางจากมือของหลานเยาเยา ทำไมจึงชั่งน่าเอร็ดอร่อยยั่วยวนคนนักนะ?

ด้วยเหตุนี้!

นางกะพริบตา ตัดสินใจเด็ดขาด เอาน่องไก่ส่งเข้าไปในปากโดยตรง การกระทำที่รวดเร็ว คำหนึ่งทำให้น่องไก่หายไปหนึ่งส่วนสามทันที

จากนั้นภายใต้ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆของหลานเยาเยา จัดการน่องไก่ด้วยความรวดเร็ว จนเมื่อเหลือเพียงกระดูกไก่หนึ่งชิ้น นางยื่นกระดูกไก่ไปด้านหน้าของหลานเยาเยาแบบยังไม่จุใจ

“ตอนนี้ไม่หนักแล้ว ท่านต้องการช่วยข้าถือไว้ไหม?”

“…….”

หลานเยาเยากุมหน้าผากอย่างจนปัญญาทันที “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตีเจ้าให้ตาย โหลวเย่ว พวกเราเพิ่งจะไม่เจอกันไม่นาน เจ้าก็เรียนสิ่งไม่ดีแล้วใช่หรือไม่? เจ้าลืมตากว้างๆมองให้ชัด ข้าเป็นถึงเทพธิดาที่สง่างาม แสดงความเคารพต่อข้าด้วยน่องไก่หนึ่งอันก็ไม่ยินยอมหรือ?”

เช่นนี้คือกำลังมองดูนางด้วยความเดียงสา

ท่าทางการแสดงออกว่าข้าไม่รู้อะไรเลย “ไม่ใช่ว่าท่านยื่นให้ข้ากินหรือ?”

หลังจากนั้น ใช้สายตาขอความช่วยเหลือมองไปทางเย่หลีเฉิน กล่าวอ้อนด้วยความน่าสงสารเป็นที่สุด :

“เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท เมื่อครู่ท่านก็เห็นชัดแล้ว น่องไก่คือเทพธิดาให้ข้า ข้าเพียงกินไปด้วยความหวังดีเท่านั้น ข้ามีทำอะไรผิดหรือ? ไม่มีนะเพคะ!”

อะไร?

นี่ยังเป็นโหลวเย่วอีกหรือ?

มองดูพระราชธิดาจาวหยางออดอ้อน สายตาที่น้อยใจนั่น พูดคำที่ตอบโต้ ยังทำให้หลานเยาเยาได้เห็นโลกกว้างขึ้นแล้ว

เย่หลีเฉินก็ทนสายตาเช่นนี้ของนางไม่ได้ ลูบศีรษะของนางด้วยความเอ็นดูอย่างมาก กำลังอยากพูดอะไร เขาก็ได้รับสายตาที่เฉียบแหลมข่มขู่จากหลานเยาเยา ยืดตัวตรงในพริบตา กล่าวไปตามหลักเหตุผลที่ถูกต้อง :

“แฮ่มแฮ่ม!”

“จาวหยาง เช่นนี้ก็คือเจ้าไม่ถูกแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทพธิดาวิ่งวุ่นทั้งวันทั้งคืน เหน็ดเหนื่อยกับการใช้ความคิดในการทำงาน ลำบากอย่างที่สุด เจ้ายกน่องไก่ให้นางหนึ่งอัน เป็นเรื่องที่จำเป็น

นางเอาน่องไก่จากที่แสนไกลมาให้เจ้า ตัวนางเองล้วนทำใจไม่ได้ที่จะกิน ก็หอบมามอบให้เจ้าแล้ว เจ้าควรจะเรียนรู้ที่จะถ่อมตัวและเอื้อเฟื้อ จะกินให้หมดในครั้งเดียวได้อย่างไรล่ะ?”

เย่หลีเฉินกล่าวคำที่ขัดแย้งกับจิตสำนึก ตั้งใจเพิกเฉยต่อคราบมันที่ไม่ได้เช็ดที่มุมปากของหลานเยาเยา แต่จะเพิกเฉยอย่างไรก็เพิกเฉยต่อมือเรียวยาวของนาง…….ที่มีคราบน้ำมันข้างบนไม่ได้

เมื่อสิ้นสุดคำพูด

พระราชธิดาจาวหยางตะลึงทันที มองเย่หลีเฉินอย่างไม่น่าเชื่อ

“เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท ท่านตื่น ท่านสามารถพูดจาอย่างไม่มีมโนธรรมได้อย่างไรล่ะเพคะ?

น่องไก่เป็นเทพธิดาให้ข้า เห็นได้ชัดว่าความหมายก็คือให้ข้ากิน ข้ากินหมดแล้วนางยังไม่พอใจอีก

นี่พูดเป็นอะไร ทำไมท่านก็พูดเอนเอียงไปทางนาง? ข้าถึงจะเป็นน้องสาวแท้ๆของท่านนะเพคะ!”

“แต่ เสด็จพี่เช่นนี้คือยึดถือความเที่ยงตรงไม่เข้าข้างคนกันเองนะ!”

ยังจะยึดถือความเที่ยงตรงไม่เข้าข้างคนกันเอง? นี่เห็นได้ชัดว่าลำเอียง!

เอียงไปถึงสุสานหลวงของบรรพบุรุษที่นั่นแล้ว

“เสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท ท่านฟังข้าพูด……”

เย่หลีเฉินอุดหูทั้งสองข้างโดยตรง หลบเลี่ยงสายตาที่เคืองแค้นใจของพระราชธิดาจาวหยาง : “ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง……” จากนั้นก็ออกจากประตูห้องไปอย่างรวดเร็ว

“…….”

คราวนี้ไม่มีคนแล้ว ท่าทางที่พูดจาตรงไปตรงมาอย่างมีเหตุผลของจาวหยางก็สลายไป กล่าวด้วยน้ำเสียงหารือ :

“ไม่เช่นนั้น……รอกลับไปที่เมืองหลวง ข้าเลี้ยงขาหมูท่านหนึ่งอัน”

หลานเยาเยาหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาอันตรายเป็นพิเศษ ท่าทางราวกับว่าต้องการจะฆ่าคนครั้งใหญ่

“หนึ่งอัน?”

“เหมือนว่าจะน้อย น้อยไปเนอะ! เช่นนั้นก็สองเท่า สองเท่าเป็นเช่นไร?”

“สองเท่า?”

ทั้งร่างของหลานเยาเยาแผ่กระจายกลิ่นอายความหนาวเหน็บ ดวงตาหรี่ลงจนเป็นเส้นหนึ่งแล้ว

“อ่อไม่ไม่ไม่ไม่ สามารถเป็นสองเท่าได้ที่ไหนล่ะ! ข้าคิดๆ ข้าคิดให้ดีๆ อีกครั้ง”

สองเท่าไม่สำเร็จ หลานเยาเยาก็ชั่งโลภเกินไปแล้วนะ!

แต่ทว่า ความหมายของหลานเยาเยาเผยออกมาชัดเจนมาก ให้สองเท่าไม่ใช่ว่านางไม่พอใจ แต่รู้สึกว่านั่นคือการดูหมิ่นต่อนาง

ใบหน้าของโหลวเย่วขื่นขม อย่าดูว่านางเป็นองค์หญิงของประเทศหนึ่ง แต่นางจนมาก

เลี้ยงขาหมูหลานเยาเยาสองอันยังได้ ถ้าเลี้ยงมาก นางไม่มีเงินจ่าย

แต่ทว่า!

สายตาที่ข่มขู่ของหลานเยาเยายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำอะไรไม่ได้ นางทำได้เพียงกล่าวด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุด :

“เช่นนั้นก็ได้! รอกลับไปที่เมืองหลวงท่านอยากกินเท่าไหร่ ข้าก็เลี้ยงเท่านั้น”

รู้สึกปวดใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก!

มีประโยคนี้ของโหลวเย่วแล้ว หลานเยาเยาถึงได้พยักหน้าด้วยความพอใจ กลิ่นอายอันตรายที่นับไม่ถ้วนหายไป สีหน้าเต็มไปด้วยความร่าเริงสดใส

“เด็กดี โหลวเย่วของพวกเราเป็นเด็กดีจริงๆ รู้จักการเลี้ยงฉลองความลำบากของเสด็จสะใภ้อาแล้ว”

หลังจากพูดจบ นางก็ทำสีหน้าจริงจัง มองดูโหลวเย่วอย่างเคร่งขรึม

“หลายวันมานี้ ไม่ได้มาเยี่ยมเจ้าเลย โกรธหรือไม่?”

ได้ยินคำพูดเหล่านี้ โหลวเย่วค่อนข้างงงงัน

“โกรธ? ข้าโกรธอะไรล่ะ? ข้ายังกลัวท่านโกรธข้าแหนะ!”

เอ่อ?

เกิดอะไรขึ้น?

ใครโกรธใครกันแน่ล่ะ?

“ข้าโกรธเจ้า? ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้?”

“ก่อนหน้านี้เมื่อท่านยังเป็นเทพธิดา ข้าก็ไม่รู้ว่าท่านคือหลานเยาเยา พูดคำที่ทำให้คนเกลียดมากมาย ท่านไม่คิดเล็กคิดน้อยเคืองข้าริเริ่มมาหาข้า ยังส่งน่องไก่ให้ข้าอีก ข้า……ละอายใจมาก จริงๆ”

ตอนนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนกับว่าโหลวเย่วเติบโตขึ้นอย่างมาก แววตาเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า สีหน้าครุ่นคิด กับสามปีก่อน เหมือนกับตอนที่นางถูกหนอนพิษกู่เช่นนั้น

ความจริง!

หลังจากพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ โหลวเย่วคิดอยากไปขอโทษหลานเยาเยาตั้งนานแล้ว แต่ว่า หลังจากนั้น หลานเยาเยาก็หายตัวไปแล้ว แม้แต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนางก็หายสาบสูญไปแล้ว

นางเคยส่งคนไปหา หาอยู่นาน ร่องรอยสักนิดก็หาไม่พบ

นางไปขอร้องเสด็จอาเย่ เสด็จอาบอกว่า

“หาไม่พบถึงจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้น นางก็จะอันตราย”

หลังจากก็ได้ข่าวจากเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทรู้ว่าหลานเยาเยาต้องการจะไปทะเลทราย ขณะนั้นเสด็จอาไม่อยู่ที่จวนอ๋องเย่แล้ว ดังนั้นนางจึงออกมาจากจวนอ๋องเย่ตอนกลางคืน คิดต้องการไปตามหาหลานเยาเยา

กลับคิดไม่ถึง……

ครึ่งทางก็ถูกองครักษ์วังหลวงของเสด็จพ่อจับกุมแล้ว

หลังจากนั้นเสด็จพ่อก็ส่งคนมาคุมขังนางโดยตลอด ไม่ให้นางติดต่อกับคนอื่นนอกจากเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาท นางต่อต้านอย่างที่สุด กระทั่งใช้การกรีดข้อมือตัวเองมาข่มขู่

แต่ที่น่าขันก็คือ……

เสด็จพ่อเพิกเฉยดูดาย ไม่แยแสความเป็นตายของนางโดยสิ้นเชิง เป็นเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทช่วยนางไว้

เมื่อนางรู้ หลานเยาเยาก็อยู่ในขบวนกองทัพที่ไปทะเลทราย และเสด็จพ่อต้องการพานางตัวภาระผู้นี้ไปด้วยอย่างกะทันหัน ทำให้นางสังเกตเห็นอะไรที่เลือนรางได้

ดังนั้นนางไม่ได้ต่อต้านอีก และก็ไม่มีหน้าไปเจอหลานเยาเยาอีก

ฉับพลันนั้นไหล่ก็หนัก

โหลวเย่วมองดูมือที่ตบบนไหล่ แล้วมองไปทางหลานเยาเยาอีก

หัวใจที่บีบแน่น ค่อยๆผ่อนคลายไปเป็นอย่างมาก

หลานเยาเยาหัวเราะเบาๆแล้ว :

“ทำไมข้าต้องโกรธเจ้าล่ะ? นี่เจ้าก็ทำเพื่อข้า! ตอนนั้นเจ้าคิดว่าเย่แจ๋หยิ่งชอบเทพธิดาแล้ว ก็ไม่คิดเป็นธรรมดา เพราะในใจของเจ้า ข้าหลานเยาเยาถึงจะเป็นพระชายาของเย่แจ๋หยิ่ง

และหลายวันมานี้เหตุผลที่ข้าไม่มาพบเจ้าเลย อย่างแรกคือสิบกว่าวันมานี้ วิ่งวุ่นมาติดกันทุกวันเหนื่อยล้าเกินไป อย่างที่สอง เจ้าถูกองครักษ์วังหลวงของฮ่องเต้คุมขัง ข้าไม่สามารถแสดงออกว่าสนใจเจ้าได้อย่างเกินไปนัก

เจ้าน่าจะรู้สึกตัวแล้ว จุดประสงค์ที่ฮ่องเต้พาเจ้าไปทะเลทรายก็เพื่อควบคุมข้า ดังนั้นข้าต้องแสดงออกว่าเฉยเมยต่อเจ้า เช่นนั้นถึงจะดีต่อเจ้าจริงๆ”

นางเอ่ยเหล่านี้ออกมา ก็ไม่ใช่ต้องการจะเพิ่มภาระให้กับโหลวเย่ว แต่เพราะเหล่านี้นางจำเป็นต้องพูด

หลานเยาเยาเข้าใจแจ่มแจ้ง หลังจากเข้าทะเลทรายแล้ว นางไม่สามารถที่จะปกป้องโหลวเย่วได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะว่าทะเลทรายแห่งนี้อันตรายเป็นพิเศษ เป็นสถานที่กินคนที่หนึ่ง

แม้กระทั่งนางก็ไม่มีปัญญาปกป้องตัวเองให้ดีได้….

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท