บทที่ 579 ในปีนี้ อ๋องเย่อาบน้ำก็อารมณ์สุนทรีย์ด้วยหรือ?
เขามั่นใจในตัวตนของนางตั้งนานแล้วใช่หรือไม่?
แต่ท่าทางของเขาตอนนี้ก็ไม่เหมือนแบบนั้น ราวกับกำลังหยอกล้อเท่านั้น
“ท่าน……”
“ไปเถอะ! ที่นี่กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ไม่เหมาะกับเจ้า”
พูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็เดินไปทางด้านนอกอย่างสบายๆ ฝีเท้าเขาไม่เร็วไม่ช้า แม้จะปิดตา ก็เดินเหินอย่างอิสระเหมือนคนปกติเช่นนั้น
หลานเยาเยาอยู่ด้านในห้อง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ยกเท้าก็เตรียมจากไป ระหว่างนั้น มองเห็นสีแดงสดอย่างฉับพลัน รีบหันมองไปทันที
บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสีดำคล้ำของคนโดนมนต์ดำ ศพและศีรษะที่แยกออกจากกันตอนนี้ไม่ขยับ ในเวลานั้นที่ห่างจากคนโดนมนต์ดำไม่ไกล มีเลือดสีแดงสดไม่กี่หยดกระเซ็น เลือดไม่กี่หยดนั้นยังไม่แข็งตัวทั้งหมด
นางจำตำแหน่งนั้นได้ ก็คือที่ที่ถังมู่หวั่นยืนอยู่ก่อนหน้านี้
มิน่าล่ะคุณหนูกู้ที่สงบนิ่งไปแล้ว กลายเป็นคนโดนมนต์ดำอย่างกะทันหัน ที่แท้เพราะได้กลิ่นเลือดสด
คิดถึงตรงนี้ หลานเยาเยาค่อยๆขมวดคิ้วแน่นขึ้น……
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง
หลานเยาเยายืนอยู่ริมฝั่งทะเลสาบหนานหู เย่แจ๋หยิ่งยืนชายเสื้อพลิ้วไหวอยู่ข้างกาย เรือใหญ่กลางทะเลสาบ เวลานี้ลุกเป็นเพลิงลุกโชน ควันหนาแน่น
เรือใหญ่และศพคนโดนมนต์ดำถูกเผาไปพร้อมกัน
ฉับพลันนั้น!
หลานเยาเยารู้สึกได้ แขนเสื้อของตัวเองถูกคนดึง เมื่อก้มหน้ามอง เป็นแขนที่เรียวยาวข้างหนึ่งกำลังดึงแขนเสื้อของนางไว้ ฉุดเป็นทีๆ
นี่เขาทำอะไร?
“อ๋องเย่มีธุระ?”
“หนานซู่ ข้าไม่สระผมวันหนึ่งแล้ว” เย่แจ๋หยิ่งก้มศีรษะ มองไม่เห็นสีหน้า แต่สามารถฟังออกว่าเขาน้อยใจเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเพิ่งจะสระหรือ?” นางจำได้ชัดเจนมากนะ! อีกทั้งยังจะต้องให้เตียงสระผมที่เรียบง่ายที่นางสั่งให้คนทำให้ได้
“ห่างจะเมื่อวานก็ผ่านไปเก้าชั่วโมงสิบห้านาทีแล้ว ข้ารู้สึกว่าเส้นผมไม่พลิ้วไหวแล้ว”
เอ่อ……
จำได้ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ?
ทำไมนางรู้สึกว่าเพิ่งผ่านไปไม่นานนะ?
ทั้งนี้เย่แจ๋หยิ่งเอาผมครึ่งหนึ่งขึ้นมา ใช่ที่รัดผมที่ดูน่าเกรงขามงดงามรัดไว้ ผมสีดำดั่งหมึกห้อยตรงลงมา เหมือนน้ำตกเช่นนั้น บางครั้งมีลมอ่อนๆพัดโชยผ่าน เส้นผมก็พลื้วไหวตาม สะอาดเหมือนเพิ่งสระผมเมื่อครู่เช่นนั้น
“พลิ้วไหวมากนี่!”
“แต่ข้าคันศีรษะ”
“…..” อะไร? นี่เป็นไปได้อย่างไร พวกเขาใช้ของอย่างเดียวกัน นางยังเว้นหนึ่งวันเลย หนังศีรษะไม่ได้คันสักนิด “จริงหรือโกหก? ข้าอ่านหนังสือน้อย ท่านอย่าหลอกข้าเชียว”
คราวนี้ เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆเงยหน้าขึ้น ค่อนข้างยากจะเอ่ยเรื่องจริงออกไป แล้วมีความหวังจะกล่าวเล็กน้อย :
“ที่สำคัญคือข้าต้องการอาบน้ำ ได้เคลื่อนย้ายเตียงสระผมที่เจ้าทำให้ข้าเป็นพิเศษไปที่ห้องอาบน้ำด้วยเลย และสระผมด้วยพอดี”
คราวนี้ หลานเยาเยาเบิกตาโพลงทันที มองดูเย่แจ๋หยิ่งอย่างเหลือเชื่อ เปิดปากอย่างลำบาก :
“ท่านอยากอาบน้ำและสระผมพร้อมกัน?”
“อืม มีอะไรไม่ได้? หนานซู่ เจ้าเป็นหมอข้างกายของข้า แล้วข้าก็เป็นคนของเจ้า อีกทั้งพวกเราล้วนเป็นผู้ชาย สามารถกินด้วยกันนอนด้วยกันอาบน้ำด้วยกันได้ ทำไมต้องลำบากใจเหมือนเป็นผู้หญิงเช่นนั้น”
“……”
แม้แต่คำว่าหมอสองคำที่เย่แจ๋หยิ่งตั้งใจพูดหลานเยาเยาก็เพิกเฉยไปแล้ว เอาความสนใจมารวมอยู่บนกินด้วยกันนอนด้วยกันอาบน้ำด้วยกันโดนตรง
“ทำไม? ทำไมไม่พูด? หรือว่าตอนนี้ข้าตาบอดแล้ว เจ้ายังจะรังเกียจข้าอีก? หืม?” เย่แจ๋หยิ่งเข้าใกล้นาง เหมือนต้องการดูท่าทางนางตอนนี้ให้ชัดเจน
“ไม่ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่ก็ดี รีบไปเถอะ!”
เย่แจ๋หยิ่งยกมุมปากขึ้น ลากแขนเสื้อของหลานเยาเยาก้าวเท้าจากไปอย่างพอใจมาก แต่พบว่าหลานเยาเยาอืดอาดชักช้า ฉุดๆลากๆ เขาหยุดทันที คว้านางเข้าในอ้อมอก จากนั้นก็เหาะจากไป
จวนอ๋องเย่ ห้องอาบน้ำ
ห้องอาบน้ำกว้างใหญ่ น้ำร้อนเต็มสระ ไอร้อนระอุ ข้างๆล้อมด้วยผ้าโปร่งสีอ่อน แม้แต่ด้านบนเพดานห้องอาบน้ำ ก็ตกแต่งเต็มด้วยผ้าโปร่งสีอ่อน ทั้งห้องอาบน้ำดูเหมือนดั่งภาพจินตนาการความฝัน
ยืนอยู่ข้างสระอาบน้ำพร้อมกับเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาอ้าปากกว้างแล้ว
ห้องอาบน้ำนี้ไม่ใช่ว่านางไม่เคยมา
เมื่อเห็นวันนี้ ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว
“นี่……ที่นี่ทำไมถึง……”
“ทำไมถึงอะไร? หนานซู่ เจ้าอย่าบอกข้าเชียวว่า เจ้าเคยมาห้องอาบน้ำนี้ นี่เป็นถึงห้องอาบน้ำส่วนตัวของข้า ไม่มีคำสั่งข้าไม่มีใครกล้ามา ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าบอกว่านี่เป็นการมาเมืองหลวงครั้งแรกของเจ้า ครั้งแรกมาจวนอ๋องเย่ คงไม่น่าจะเคยเห็นสภาพห้องอาบน้ำนี้
เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอะไร? เพราะที่นี่สวยงามเกินไปหรือ? หรือจะบอกว่าที่นี่เปลี่ยนไปมาก?”
หลานเยาเยาตะลึงงันทันที!
ถูก!
เมื่อครู่นางอยากเอ่ยปากออกไปว่าที่นี่เปลี่ยนไปมากมายจริงๆ
หากไม่ใช่เย่แจ๋หยิ่งเปล่งเสียงกะทันหัน นางก็พูดออกไปแล้ว
มักจะรู้สึกเสมอว่า เย่แจ๋หยิ่งแปลกประหลาด ราวกับว่าตั้งใจเตือนนาง
“ถูก สวย สวยงามมาก คิดไม่ถึงว่าอ๋องเย่ท่านยังจะมีความชอบเช่นนี้ด้วย”
“ชอบก็ดี ยังไงซะข้ามองไม่เห็น เจ้ารู้สึกว่าสวย ข้าก็ดีใจ” เย่แจ๋หยิ่งเอื้อมมือไปในกล่องดอกไม้ที่ชั้นด้านข้าง คว้ากลีบดอกไม้สีสันสดสวยกำหนึ่ง จากนั้นโปรยลงในสระอาบน้ำ
กลีบดอกไม้ปลิวพลิ้วร่วงลง ดั่งเรือน้อยลอยล่องก็ไม่ปาน หยุดอยู่บนผิวน้ำอุณหภูมิร้อน
“ท่านยังจะโปรยดอกไม้ด้วย?” หลานเยาเยาตะลึงในพริบตา
เย่แจ๋หยิ่งอาบน้ำอารมณ์สุนทรีย์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว?
“เจ้ามีความคิดเห็น?” เย่แจ๋หยิ่งถามกลับ
“ไม่มี ไม่มี ท่านทำต่อ”
นางกล้ามีความคิดเห็นอะไร? เพียงแค่เขาดีใจก็ดี อยากโปรยก็โปรยเถอะ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้แพ้ดอกไม้ โปรยเต็มทั้งสระก็ได้หมด
กล่าวโดยทั่วไป ผู้หญิงอาบน้ำชอบโปรยดอกไม้ในสระเล็กน้อยเพิ่มความหอม เป็นเรื่องปกติ แน่นอน ไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็มีผู้ชายบางคนชอบอาบน้ำโปรยดอกไม้ เช่นผู้ชายขายบริการในโรงแสดง ก็เพื่อดึงดูดลูกค้า
แต่เย่แจ๋หยิ่ง……
นางก็ยืนยัน เขาโปรยดอกไม้ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความหอม น่าจะเพียงแค่โปรยเล่น จะไม่โปรยมากนัก
แต่ต่อจากนั้น ทำให้หลานเยาเยาตื่นตกใจคือ
เย่แจ๋หยิ่งเสพติดการโปรยดอกไม้แล้ว กลีบดอกไม้เต็มสระแล้ว อีกทั้งซ้อนเป็นชั้นๆแล้วยังจะโปรยอยู่อีก คาดว่าต้องการโปรยดอกไม้ในกล่องทั้งหมดบนชั้นจนหมดถึงจะยอมหยุดมือ
ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าฉากนี้มันหลอนมากขนาดไหน
แต่นางมองเห็นนะ! ดังนั้นเปล่งเสียงเตือนพร้อมมุมปากที่กระตุก
“อ๋องเย่ ข้าว่าได้แล้ว”
ได้ยินดังนั้น!
มือที่ยังคว้ากลีบดอกไม้ของเย่แจ๋หยิ่งชะงัก ยกรอยยิ้มทันที กล่าวหยอกล้อ :
“ข้ายังอยากเอากลีบดอกไม้ทั้งหมดโปรยลงในสระ จะได้อาบน้ำที่ยากจะลืมไปตลอดชีวิตครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเจ้ารอไม่ไหวแล้ว หนานซู่ เจ้าก็ตั้งตารออาบน้ำพร้อมกับข้าเป็นอย่างมากใช่หรือไม่?”
“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม” เพราะคำพูดของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก เปิดปากต้องการอธิบาย กลับสำลักน้ำลายโดยตรง
“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม……”
“ดู ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ เจ้าก็คิดเหมือนข้า”
“เปล่าสักหน่อย แฮ่มแฮ่มแฮ่ม……”
เย่แจ๋หยิ่งไม่สนใจการแก้ตัวที่ไร้น้ำหนักของนาง ใช้โอกาสระหว่างที่นางยังกระแอม ค่อยๆลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองช้าๆ
หลานเยาเยาที่สงบลง เงยหน้ามอง ชะงักไปทันที
เวลานี้ปรากฏต่อหน้านางคือทรวงอกที่งดงาม ผิวที่ขาวละเอียดเกินไป อีกทั้งโฉมหน้าที่หน้าตกตะลึงดั่งเทพเซียน
เขาเอาที่รัดผมออกแล้ว เส้นผมห้อยตรงลงข้างล่างตามธรรมชาติ มีเพียงผ้าแดงปิดตาอย่างเดียว แตกต่างกับเขาที่อยู่ในห้องอาบน้ำก่อนหน้านี้เล็กน้อย
ไม่ ไม่ได้แตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ราวกับว่าเขาผอมซูบไปเป็นอย่างมาก บนร่างก็มีแผลเป็นที่เห็นแล้วน่าตกใจสองสามรอย โดยเฉพาะบนหัวใจรอยนั้น
“ท่าน……”
ทั้งที่รู้ว่าปากแผลได้แข็งตัวเป็นแผลเป็นเมื่อสองสามปีก่อนแล้ว แต่นางยังอยากถามสักประโยค : ยังเจ็บไหม?
ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งเอนตัวลงมากะทันหัน ใกล้กับนางอย่างมาก ลมหายใจของทั้งสองราวกับสามารถพันพัวเข้าด้วยกัน เขาเปิดริมฝีปากบางๆเล็กน้อย :
“เกรงว่าเจ้าจะเขินอาย ข้าถอดเองแล้ว”
พูดจบ เขายื่นมือมาทางบนใบหน้าของนาง ตกลงที่ระหว่างกลางริมฝีปากสีชมพูและจมูกของนางอย่างแม่นยำ หลังจากสัมผัสถึงความชื้น ตัดสินใจถอนมือกลับ วางไว้ที่ปลายจมูกแล้วดม ยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจมาก :
“ข้าดึงดูดคนให้หลงใหลได้จริงๆ หนานซู่ เจ้าเลือดกำเดาไหลแล้ว”