แต่ว่ามองดูการกระทำของพวกเขาสนิทกันเพียงนั้น กระทั่งเย่แจ๋หยิ่งไม่มองมาทางนางสักแวบ ไม่พอใจเป็นที่สุด ยิ่งมองซ่างกวนหนานซู่ก็ยิ่งขวางตา
ยังดี ซ่างกวนหนานซู่รู้จักประมาณตัวเองหน่อย รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้ ออกห่างจากอ๋องเย่เอง ถังมู่หวั่นจัดการเสื้อผ้าดีแล้ว ค่อยๆเดินเข้ามา เรียกเบาๆเสียงหนึ่ง
“เย่แจ๋หยิ่ง!”
เรียกชื่อจริงของอ๋องเย่เช่นนี้ เริ่มตั้งแต่วันนั้นที่อ๋องเย่นัดพบนางลำพัง นางเลียนแบบน้ำเสียงเมื่อก่อนของหลานเยาเยา อ๋องเย่ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญใจ กลับรู้สึกประหลาดใจ นางก็รู้ว่านางพนันถูกแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งเหลือบมองหลานเยาเยาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ราวกับว่าไม่อนุญาตให้นางมองถังมู่หวั่นอีก ไม่เช่นนั้นก็จบฉากนี้ไม่ได้แล้ว จากนั้นจึงได้หมุนตัวไป ค่อยๆพยักหน้ากับถังมู่หวั่น เสียงที่ดึงดูดดังขึ้น
“ไม่เป็นไรสินะ?”
“ไม่เป็นไร คุณชายซ่างกวนไม่ได้ตั้งใจ”
ไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องส่วนตัวและปมด้อยของคนอื่น นี่ถึงสามารถกระตุ้นความเดือดดาลของอ๋องเย่ได้ นางต้องการทำให้ซ่างกวนหนานซู่อับอายจนไม่มีที่ซุกหน้า หลังจากที่การโต้แย้งไม่ได้ผลก็ยิ่งน้อยใจ จากนั้นจากไปอย่างโมโห
แต่ทว่า……
ถังมู่หวั่นกลับประเมินผิด
ซ่างกวนหนานซู่ไม่เพียงไม่โต้แย้งหรือระบายความน้อยใจของตัวเอง แต่มองดูนางด้วยความสนใจ สายตามักจะอยู่บนตัวนางอย่างตั้งใจแต่ไม่ได้ตั้งใจ ตำแหน่งโดยละเอียดก็คือตำแหน่งที่นางจงใจให้ซ่างกวนหนานซู่ล่วงเกินเมื่อครู่
ถังมู่หวั่นแอบโมโหเป็นที่สุด
เจ้าสารเลวนี่ไร้ยางอาย…….
นางตั้งใจไปหลบทางด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่ง หลบหลีกสายตาที่ดุเดือดของซ่างกวนหนานซู่ ดีที่ก่อนนางจะลงมือ อ๋องเย่ก็เดินมาขวางไว้ด้านหน้าของนางก่อน ตัดขวางสายตาที่หน้าไม่อายของซ่างกวนหนานซู่
ถังมู่หวั่นซาบซึ้งมาก
มองดูเขาเงียบๆด้วยตาสองข้างที่น้ำตาคลอเบ้า ความอบอุ่นในใจถูกเติมเต็มในชั่วพริบตา
ในที่สุดเขาก็สนใจนางแล้ว เช่นนั้นการรอคอยทุกอย่างของนาง ทุกอย่างที่ทำทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้ว
เพียงแค่…….
นางคิดอยากจับแขนของอ๋องเย่ แต่นาทีนั้นที่กำลังจับ อ๋องเย่ยกเท้าเดินไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงประโยคที่เรียบๆประโยคหนึ่ง
“เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเราไปเถอะ!”
“ดี!”
ถังมู่หวั่นเก็บมือที่ยื่นออกไปกลางอากาศกลับ มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม ตามไปอย่างรวดเร็ว
แต่เดินไม่กี่ก้าว เย่แจ๋หยิ่งก็หยุดลง หันกลับไปมองซ่างกวนหนานซู่ เสียงค่อนข้างเย็นชา: “เจ้าก็ไป”
หลานเยาเยาเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นยกมือทำความเคารพ “ขอรับ!”
สำหรับสิ่งนี้ แม้ว่าถังมู่หวั่นจะไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้มีปัญหา มีซ่างกวนหนานซู่อยู่ จึงสามารถทำให้ชัดขึ้นได้ว่าตัวเองในใจของอ๋องเย่สำคัญถึงระดับไหน
พวกเขาออกเดินทางแล้ว ถังมู่หวั่นนำทาง ไปทางสถานที่ผืนหนึ่งที่แปลกตา ในนั้นไม่มีคนอยู่อาศัย เหมือนว่าเดิมทีก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีคนมีชีวิตอยู่
ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งหนาวเย็น บนพื้นเป็นน้ำค้างแข็งบางๆชั้นหนึ่ง กิ่งก้านใบไม้บนต้นไม้ก็เกาะเป็นน้ำแข็งชั้นหนึ่ง เดิมทีฤดูหนาวก็หนาวเย็น มองดูก้อนน้ำแข็งที่กระจายความเย็นเหล่านั้นก็ยิ่งเยือกเย็นแล้ว
ถังมู่หวั่นเดินด้านหน้าสุด เย่แจ๋หยิ่งให้องครักษ์ลับสองคนปกป้องซ้ายขวา แต่เขากลับเดินตามอยู่ด้านหลังไกลจากถังมู่หวั่นสามก้าว หันกลับไปมองหลานเยาเยาที่เดินอยู่ด้านหลังเขาเงียบๆเป็นระยะ
เขาทิ้งให้จื่อเฟิงกับองครักษ์ลับกองหนึ่งแอบรักษาความปลอดภัยของนางอยู่ด้านหลังของนาง
เพียงแค่เห็นนางไม่พูดจา
ใจในของเย่แจ๋หยิ่งค่อนข้างไม่สงบสุขเล็กน้อย
หรือว่าตอนอยู่ในจวน พูดกับนางรุนแรง ทำให้นางไม่พอใจแล้ว?
ขณะที่เขากำลังคิดจะปริปากพูดอะไร มือเล็กๆข้างหนึ่ง เกี่ยวนิ้วก้อยของเขามาจากด้านหลัง จิตใจของเย่แจ๋หยิ่งอบอุ่น ใจที่ไม่สงบสุขสงบเรียบขึ้นในพริบตา คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยก็ราบเรียบในชั่วขณะ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มและความเขินอายโดยไม่รู้ตัว
เยาเยาเป็นคนร้ายกาจผู้หนึ่งจริงๆ
หลังจากทำให้เขาไม่สงบสุขอยู่เสมอแล้ว จึงได้ให้เขาได้ลิ้มรสหวานเล็กน้อย
หลังจากกลับไป ดูว่าเขาจะลงโทษนางอย่างไร
แต่ในไม่ช้า หลานเยาเยาก็มองดูมือที่ชักกลับไปแล้ว เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกว่ามือว่างเปล่ากะทันหัน แม้แต่ในใจก็ว่างเปล่าแล้ว
เขารู้ ด้านหน้ามีคนที่ขวางหูขวางตามองมาแล้ว
ในใจไม่สบอารมณ์ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางออกมา ไม่เช่นนั้นหลานเยาเยาจะโกรธอีก
ดูเย่แจ๋หยิ่งที่ฝืนช้าลงมาเดินกับนาง แต่กลับคำนึงถึงการเคลื่อนไหวด้านหน้า ท่าทางแบบก้าวหนึ่งยังจะหันกลับมาสามครั้ง หลานเยาเยาอดที่จะแอบหัวเราะไม่ได้
สุดท้าย
ถังมู่หวั่นหยุดลงบอกว่าถึงแล้ว
เย่แจ๋หยิ่งจึงได้มีสีหน้าจริงจังเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หลานเยาเยาตามหลังไปติดๆ
ด้านหน้าเป็นบ้านไม้ห้องหนึ่ง ดูแล้วยังจะกว้างขวางมาก ด้านในเหมือนจะมีความเคลื่อนไหว เย่แจ๋หยิ่งโบกมือ จื่อเฟิงและองครักษ์ลับสิบกว่าคนปรากฏตัวทันที แฉลบตัวเข้าไปทางบ้านไม้
ในไม่ช้า เสียงเป่าปากดังขึ้น
หลานเยาเยารู้ว่านั่นคือสัญญาณลับ ด้านในถูกควบคุมแล้ว
รอจนตอนที่พวกเขาเข้าไป ในบ้านไม้ว่างเปล่าไร้ผู้คน บนพื้นกลับมีเพียงทางลับทางหนึ่ง เสียงเป่าปากเมื่อครู่ดังมาจากด้านใน
ถังมู่หวั่นเดินเข้าไปก่อน หลานเยาเยาก็ต้องการเข้าไป แต่กลับถูกเย่แจ๋หยิ่งขวางไว้
“รออยู่ที่นี่”
หลานเยาเยาเลิกคิ้ว พยักหน้าตอบรับ
แม้ว่านางอยากเข้าไป แต่คนเข้าไปถึงด้านล่างมากมาย เกรงว่าด้านในพื้นที่น้อย คนมากมายขนาดนั้นเบียดเข้าไป อากาศไม่เพียงพอได้ง่าย ยังไงนางก็อยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟังตรวจดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่เถอะ!
ด้านล่างมีเสียงคนโดนมนต์ดำคำรามดังมาเป็นระยะ
หลานเยาเยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
นางสังเกตรอบๆ บ้านไม้นี้ไม่ได้สร้างใหม่ ดูท่าน่าจะนานหนึ่งปีได้แล้ว จัดแต่งธรรมดา นอกจากโต๊ะชาเรียบง่ายตัวหนึ่ง ในห้องก็มีเสาไม่กี่ต้นกับเตียงไม้ธรรมดาไม่กี่เตียง
บนเสามีรอยมัดนับไม่ถ้วน คิดว่าต้องเอาคนมีชีวิตมามัดไว้บนเสาทำการทดลองเป็นแน่ สร้างคนโดนมนต์ดำ
บนเตียงไม้ก็มีรอยมัดชัดเจน ไม่ว่าจะเอาคนเป็นหรือคนตายมาทำการทดลอง ดูจากร่องรอยเหล่านั้น คนที่มีชีวิตเหล่านั้นจะต้องเคยดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง หรือการบ้าคลั่งหลังจากที่ค่อยๆกลายเป็นคนโดนมนต์ดำแล้ว
แต่ว่าไม่ช้า หลานเยาเยาก็เคลื่อนจากร่องรอยเหล่านี้ไปถึงฝุ่นละเอียดเล็กๆบนพื้น
หย่อมหนึ่งหย่อมหนึ่ง ติดขอบผนังสิบกว่าจุด
หลานเยาเยาโน้มตัวลงไป ใช้มือสัมผัสฝุ่นเหล่านั้น เมื่อเงยหน้ามองด้านหน้า ดวงตาเบิกกว้างทันที
เหล่านี้ไม่ใช่ฝุ่น แต่เหมือนดั่งสภาพของผงของเศษไม้ อีกทั้งเป็นของใหม่
มองตามเศษไม้เหล่านั้นไป มีรูเล็กมากมายที่เจาะใหม่ ถูกตะขอที่สีคล้ายกับกำแพงเกี่ยวไว้จากด้านนอกเข้าด้านใน ทั้งห้องทั่วทุกที่ล้วนเป็นเช่นนี้
อีกทั้งเวลานี้ตะขอเหล่านั้นค่อยๆขยับแล้ว
นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ตะโกนกับเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ด้านล่าง “เย่แจ๋หยิ่ง ระวัง บ้านจะถล่มแล้ว”
เมื่อสิ้นสุดเสียง
บ้านไม้ทั้งหลังก็แหลกกระจายในพริบตา หลานเยาเยาเดิมต้องการกระโดดลงไป แต่ช่วงเอวกลับเป็นด้ายเงินเล็กๆยาวๆเส้นหนึ่งเพิ่มมาอย่างฉับพลัน จากนั้นกำลังภายในที่ทรงอำนาจก็ดึงนางออกไปโดยตรง
ทีแรกคิดว่าเป็นส้งเย่นกุย
กลับคิดไม่ถึงประทับเข้าในม่านตาคือชุดคลุมสีม่วงเข้ม กับใบหน้ารูปงามที่ชั่วร้ายเป็นที่สุด
หานแส!
คิดไม่ถึงว่าเขาก็อยู่ที่นี่
หานแสจับนางไว้ มือหนึ่งโอบช่วงเอวของนาง มือหนึ่งบีบคอของนาง แรงสังหารรุนแรงล้อมรอบทั้งตัวในชั่วพริบตา เสียงที่ชั่วร้ายดังออกมาข้างหูอย่างเย็นยะเยือก
“บอกให้อาส้งของเจ้าออกห่างอย่าคิดลงมือกับข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เขาได้พบศพของเจ้าก่อน”
ส้งเย่นกุยปรากฏตัวแล้ว มองดูหานแสอย่างเย็นชา ไม่เห็นหานแสอยู่ในสายตาแม้สักนิด ภายใต้การข่มขู่ของเขา เขาเดินมาทีละก้าวๆ
“อย่าเข้ามา”
หานแสเอ่ยปากอีกครั้ง
มือที่บีบคอหลานเยาเยาไว้กำแน่นขึ้นอีกมาก
หลานเยาเยากรอกตาขาวใส่หานแสแวบหนึ่ง เอ่ยปากช้าๆ: “ข้ายังสามารถพูดได้พี่ชาย นี่คือเจ้าบีบคอข้า? หรือว่าฉวยโอกาสเอาเปรียบข้า?”
“…….” ชัดเจนมากหรือ?
หลานเยาเยามองไปทางสถานที่ถูกฝังกลบอย่างกังวลใจ มองไปทางส้งเย่นกุย “อาส้ง ข้าตรงนี้ไม่เป็นไร ไปดูว่าเย่แจ๋หยิ่งเป็นอย่างไรบ้าง”
“ขอรับ!”
ส้งเย่นกุยเชื่อฟังคำพูด มองก็ไม่มองหานแสสักแวบ ก็หมุนตัวเดินไปตรงบ้านที่พังถล่มตรงนั้น
หานแสที่ถูกทำเมิน เวลานี้ค่อนข้างเก้ๆกังๆเล็กน้อย
ตอนนี้ข่มขู่ใคร?
อาส้งที่เก่งกาจผู้นั้นล้วนไม่สนใจเขา
“หานแส เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” หลานเยาเยาผละออกจากเขาอย่างง่ายดาย รักษาระยะห่างกับเขา มองดูเขาอย่างจนปัญญาเล็กน้อย
ดูมือที่ว่างเปล่า หานแสเปล่งเสียงไม่พอในเสียงหนึ่ง มือสองข้างไว้ด้านหลังทันที เอ่ยปากอย่างไม่เข้าประเด็น “ข้าจับฮัวหยู่อันอีกแล้ว วางแผนทำให้นางกลายเป็นคนโดนมนต์ดำ ต้องการไปดูช่วงเวลาที่ทำให้คนตื่นเต้นเร้าใจหรือไม่?”