หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – บทที่ 664 เข้าใจเสียงฟ้าร้อง

บทที่ 664 เข้าใจเสียงฟ้าร้อง

ในดวงตาของพวกเขามองดูสิ่งของยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ยิ่งเข้าใกล้มาเรื่อยๆ จิตใจของเหล่าชาวประมงแต่ละคนล้วนตระหนกขึ้นมา ใกล้แล้วใกล้แล้ว หลังจากพบว่าเป็นเรือทำการค้าขนาดใหญ่มากใหญ่มากๆลำหนึ่งจริงๆ แต่ละคนทรุดลงไปนั่งบนพื้น สีหน้าดูไม่ได้

รอกระทั่งหลังจากที่เรือหยุดเทียบริมฝั่ง

ผู้ใหญ่บ้านแก่ชราภายใต้การพยุงของคนไม่กี่คน มาถึงข้างเรือแห่งความสิ้นหวังด้วยจิตใจที่มีความหวาดผวา มองดูเรือลำใหญ่อย่างละเอียด สีหน้าตกตะลึง!

ผู้ใหญ่บ้านแก่ชรามีชีวิตมาจนจะลงหลุมแล้ว

ยังเป็นครั้งแรกที่เคยเห็นเรือที่สามารถสร้างได้ใหญ่โตเพียงนี้ อีกทั้งแต่ละคนบนเรือยังสวมเสื้อผ้าหรูหรา ไม่เหมือนคนทำการค้าโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นบรรดาเทพเซียนที่ล่องเรือสวรรค์มาจากวิมานบนท้องทะเล

ระหว่างที่ตกตะลึง

ประโยคแรกของผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชรา ถามคนแรกก็คือ:

“คนขับเรือท่านนี้มาจากที่ไหนหรือขอรับ?”

หลานเยาเยามึนงงเล็กน้อย

เพราะอยู่บนเรือตั้งนานขนาดนั้น นางค่อนข้างอุดอู้ จึงลงเรือไปสูดอากาศคนแรก เมื่อถูกชายชราถามเช่นนี้

นางอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเรือแห่งความสิ้นหวังแวบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าด้านบนทำเครื่องหมายว่าเป็นเรือทำการค้า อีกทั้งโครงสร้างและการออกแบบเรือแห่งความสิ้นหวังล้วนสร้างขึ้นตามเรือทำการค้า เพียงแค่ส่วนด้านในเพิ่มเติมสิ่งของมากมาย ซึ่งสามารถใช้เป็นเรือรบได้ในเวลาที่จำเป็น

แต่ว่า!

ลักษณะภายนอกนี้มองไม่ออก

“เจ้าของเรือของข้าล่องเรือบริเวณรอบๆชายฝั่งทำการค้าโดยตลอด ผ่านสถานที่นี้จึงคิดอยากเทียบท่าหาเสบียง ได้ยินว่าที่นี่สินค้าประมงมากมาย หลากหลายชนิด ท่านผู้เฒ่า สินค้าประมงของพวกท่านขายหมดแล้วหรือ?”

เมื่อครู่อยู่บนเรือ นางชำเลืองเห็นทั้งภายในและภายนอกของหมู่บ้าน ทั่วทุกที่ล้วนมีสินค้าจากทะเลแขวนไว้

คิดว่าต้องเป็นเพราะผลกระทบของเสียงฟ้าร้อง

ทำให้คนทำการค้าไม่กล้ามาที่นี่ ทำให้สินค้าการประมงขายไม่ออก

ทันทีที่ได้ยินว่าพวกเขามาทำการค้าที่นี่

ความหม่นหมองบนใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชราถูกกวาดออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นเผยสีหน้าความปีติออกมา

พวกเขาหมู่บ้านชาวประมงมีทางรอดแล้ว!

ใบหน้าของเหล่าชาวประมงแต่ละคนก็ปรากฏรอยยิ้ม รีบกลับบ้านเอาสินค้าประมงของบ้านตัวเองออกมา

บนเรือแห่งความสิ้นหวัง เย่แจ๋หยิ่งในชุดดำทรงอำนาจยืนเอามือไขว้หลังอย่างเย็นชา ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือ ม่านตาลึกล้ำดั่งวังวน ทำให้คนมองเพียงแวบหนึ่งก็หลงไปในนั้นโดยไม่รู้ตัว สายตาเย็นชามองกวาดไปโดยรอบ เมื่อทอดสายตามองไป ขณะมองไกลออกไปทางป่าไม้ที่ไร้ขอบเขตเหมือนดั่งมหาสมุทรผืนนั้น แววตาที่เย็นยะเยือก ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความยะเยือกเย็นขึ้น

เมื่อเสียงที่สดใสน่าฟังดังเข้าในหู

เย่แจ๋หยิ่งเก็บสายตากลับ เปลี่ยนและหยุดลงบนตัวของหลานเยาเยาที่กำลังพูดคุยกับชาวประมง สายตาอ่อนโยนขึ้นมากในพริบตา

ด้านหลังเงาสีแดงเดินมาอย่างช้า ยืนข้างกายของเย่แจ๋หยิ่ง ได้ยินคำสนทนาของคนด้านล่างเรือพอดี มุมปากยกขึ้นในพริบตา ค่อนข้างแฝงไปด้วยความโอ้อวด

“ดูเหมือนว่าในใจของผู้ดูแลหลานยังคงมีที่ของข้า ไม่เช่นนั้นเจอปัญหานึกได้เป็นอย่างแรกก็คงไม่ใช่ข้าแล้ว”

สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลง

เพียงแค่กล่าวเยาะเย้ยเล็กน้อยประโยคหนึ่งเท่านั้น:

“ท่านชายหยิ่งทรัพย์สินอิทธิพลมากมาย รับสินค้าประมงจำนวนนี้ไว้ก็เพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ฤดูฝน หวังว่าก่อนที่สินค้าประมงจำนวนนี้จะขึ้นราเน่าเปื่อย จะสามารถบริโภคได้หมด”

ความหมายนอกจากคำพูดก็คือ

เรือแห่งความสิ้นหวังไม่ขาดแคลนสินค้าประมง ตอนนี้ต้องการซื้ออีกจำนวนมากขนาดนี้ ทั้งจะเข้าหน้าฝนแล้ว ยังอยู่บนทะเลอีก ง่ายที่เรือจะเปียกชื้น อาหารบางชนิดไม่เหมาะจะเก็บรักษา ง่ายต่อการขึ้นราเน่าเปื่อยเป็นอย่างมาก

พูดจบ!

เย่แจ๋หยิ่งสะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวลงเรือไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่สายตาก็ไม่ทิ้งให้หานแส

หลังจากมองส่งเย่แจ๋หยิ่งแล้ว หานแสเปล่งเสียงไม่พอใจเสียงหนึ่ง

ยังไงซะก็ไม่ใช่เขากินคนเดียว คนที่อยู่ในที่นี้มีส่วนแบ่งทุกคน

ดังนั้น เขาโบกมือ เรียกลูกเรือมาผู้หนึ่ง กล่าวกำชับ:

“ตั้งแต่วันนี้ไป เพียงแค่อ๋องเย่ยังอยู่บนเรือ ก็ให้เขากินอาหารทะเลทุกวัน ทุกมื้อเช่นนี้” ดีที่สุดคือให้กินจนอ้วก

เย่แจ๋หยิ่งที่ไม่รู้ความคิดชั่วร้ายของหานแส เวลานี้เดินไปถึงข้างกายของหลานเยาเยาที่แต่งตัวเป็นผู้ชายแล้ว ยื่นมือไปวางบนตัวของนาง หันหน้าไปทางที่ลึกของป่าลึกลับ เสียงที่ดึงดูดค่อยๆออกจากปาก

“อยู่ในทะเลหลายสิบวัน น่าเบื่อจริงๆ ไปเดินเล่นที่ป่าลึกลับผืนนั้นเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

ได้ยินดังนั้นหลานเยาเยาเลิกคิ้ว

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้กระซิบข้างหูของนาง แต่พูดออกมาต่อหน้าบรรดาชาวประมง จุดประสงค์ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย นางต้องร่วมมือด้วยอย่างเต็มที่แน่นอน

“ได้! ดูป่าไม้ที่เป็นผืนเป็นผืนนี่ จะต้องเป็นทิวทัศน์ที่งดงามแน่นอน”

เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป!

ทำให้บรรดาชาวประมงตกใจจนหน้าถอดสี

ทิวทัศน์งดงามก็งดงาม แต่ไปไม่ได้เด็ดขาดนะ! ไปได้กลับไม่ได้ไม่ดีแน่

ทั้งร่างของผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชราสั่นเทาเปิดปากห้ามปรามทันที “ไปไม่ได้ ไปไม่ได้นะขอรับ! คุณชายสองท่าน ป่าลึกลับผืนนั้นไปไม่ได้ คนจะตายได้ขอรับ”

เย่แจ๋หยิ่งและหลานเยาเยาเผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยออกมา ราวกับว่าไม่ได้ถูกคำพูดของผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชราขู่ให้ตกใจ หลานเยาเยาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ท่านผู้เฒ่า ไม่ต้องเอาคำเล่าลือพิสดารเหล่านั้นมาขู่พวกข้า แม้ว่าพวกข้าจะอายุน้อย แต่สะสมประสบการณ์ชีวิตมาไม่น้อย ขึ้นเหนือล่องใต้หลายปีขนาดนั้น ได้ยินคำร่ำลือน่าสะพรึงกลัวมากมายนัก แบบนี้ทำให้พวกข้าตกใจกลัวไม่ได้หรอก”

พูดจบทั้งสองก็ต้องการจะเดินอีก

ผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชรารีบขึ้นหน้าไปขวางไว้อีกทันที

“คุณชาย คุณชายสองท่านขอรับ! พวกท่านฟังคำเตือนของข้าประโยคหนึ่ง ป่าลึกลับผืนนั้นกลับไม่ได้มีเรื่องเล่าน่าสะพรึงกลัวอะไร ก็แค่สัตว์ประหลาดที่รูปร่างเหมือนคนสองตัวที่สูงใหญ่ดั่งภูเขาที่ไปจากในทะเล กินคนไปไม่น้อย ทำให้พวกเราตัดขาดกับตัวเมืองทางนั้นของป่าลึกลับ”

เมื่อคำพูดเหล่านี้พูดออกมา

คนที่ได้ยินคำพูดนี้ล้วนเผยสีหน้าประหลาดใจ

ผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชรายังคิดว่าพวกเขาไม่เชื่อ ดังนั้นจึงเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีที่ผ่านมาเล่าออกมาทั้งหมด หลังจากชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดแล้ว ในที่สุดเมื่อเห็นพวกเขายกเลิกความคิดที่จะเข้าไปในป่าลึกลับแล้ว สุดท้ายจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

อย่างไรเสีย!

หมู่บ้านชาวประมงของพวกเขาก็พึ่งพิงการจำหน่ายสินค้าประมงเพื่ออยู่รอด

เส้นทางการดำรงชีพถูกสัตว์ประหลาดที่รูปร่างเหมือนคนสกัดกั้น หมู่บ้านชาวประมงของพวกเขาถูกขังอยู่ระหว่างทะเลกับป่าลึกลับ และเรือประมงจับปลาของพวกเขาไม่มีปัญญาแล่นไปตามชายฝั่ง ไปถึงตัวเมืองอื่นๆของประเทศเชียนหลิงได้

เพราะเรือประมงเล็กเกินไป

หลังจากใส่สินค้าแล้ว ก็ไม่มีที่วางเสบียงอาหารแห้งสำหรับสิบวันครึ่งเดือนได้

แม้ว่าจะมีที่พอเพียงวางเสบียงอาหารแห้ง ผู้คนในหมู่บ้านชาวประมงของพวกเขาก็ไม่เคยออกทะเลไกลเกินไปนัก และไม่เคยจากทะเลไปถึงสถานที่ที่อื่น หากประสบกับสภาพอากาศลมแรงฝนตก คลื่นซัดมาลูกหนึ่งก็สามารถทำให้เรือพลิกคว่ำได้ สูญเสียเรือ ก็เท่ากับสูญสิ้นความหวังของชีวิต

ตอนนี้ไม่ง่ายที่เรือทำการค้าจะมาแล้ว จะต้องไม่เกิดเรื่อง ตัดหนทางการเลี้ยงชีพของหมู่บ้านชาวประมง

ครั้งนี้!

หมู่บ้านชาวประมงไม่ใช้สินค้าประมงมาแลกเหรียญเงินอีก

แต่จะแลกเปลี่ยนเป็นอาหารโดยตรง

เนื่องจากมีสินค้าประมงบางอย่างยังไม่แห้งสนิทดี ผู้คนในหมู่บ้านชาวประมงก็คิดต้องการจะขายของทั้งหมดในนั้น ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านที่แก่ชราก็ขอร้องเรือแห่งความสิ้นหวังให้ออกเดินทางหลังจากนี้สองสามวัน

ฐานะที่หานแสเป็นเจ้าของเรือ

เพียงตอบปัดสองสามครั้งก็ตอบตกลงแล้ว

มาถึงหมู่บ้านชาวประมงยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พวกหลานเยาเยาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องที่คุ้นเคยเป็นพิเศษแล้ว แทบจะเหมือนกันทุกประการกับเสียงฟ้าร้องของเมืองเลยหมิง

แน่นอน!

แม้ว่าจะเป็นเสียงชนิดเดียวกัน

แต่เสียงร้องกลับไม่เหมือนกันเป็นที่สุด

เสียงร้องตะโกนนั่นที่เมืองเลยหมิง คือหิวโหย คือแค้นเคือง คือโมโห

แต่เสียงที่ดังมาจากในป่าลึกลับแปลกประหลาด คือเป็นระเบียบ เป็นลำดับ แต่ที่ถูกต้องที่สุดคือ……

“พวกเขากำลังสนทนากัน!”

หลานเยาเยาที่อยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังแล้ว พูดกับทุกคนเบาๆ

หลานเยาเยามีประสบการณ์ในยุคแรกมาก่อน เคยฟาดฟันกับคนจากนอกแผ่นดินนับไม่ถ้วน แน่นอนว่ามีความเข้าใจต่อพวกเขาพอควร

คนจากนอกแผ่นดินไม่ได้ตัวเล็กอ่อนแอเช่นนั้นเหมือนมนุษย์ พวกเขารูปร่างใหญ่มหึมา เสียงร้องดั่งฟ้าร้อง ตอนยุคแรกก็ต้องการจะทำลายแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ถูกคนรุ่นแรกรวมกำลังโจมตีถอยไป ตอนนี้ผ่านไปไม่รู้กี่พันปีแล้ว คนจากนอกแผ่นดินพ่ายแพ้แล้วก็อยากกลับมาตั้งต้นใหม่

หึ!

จะทำให้พวกเขาสมปรารถนาได้อย่างไร?

“เจ้าเข้าใจภาษาของพวกเขา?”

หานแสถาม ยังอดที่จะยืนขึ้นช้าๆไม่ได้ มองหลานเยาเยาอย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ยังไม่เคยพบคนจากนอกแผ่นดิน เขาเคยสงสัยมาก่อนว่า นั่นเป็นเพียงตำนาน

แต่ตอนนี้คนจากนอกแผ่นดินใหญ่ดำรงอยู่จริง อีกทั้งมีคนสามารถพอที่จะเข้าใจภาษาของพวกมัน นี่ทำให้เขานึกถึงหนังสือโบราณที่เรือแห่งความสิ้นหวังถ่ายทอดสืบสานต่อมา ก็คือของสิ่งนั้นที่ผูกมัดเจ้าของเรือทุกรุ่นทุกสมัย รวมถึงรุ่นของเขานี้ด้วย

และทุกรุ่นทุกสมัยล้วนจะต้องสืบหาคนรุ่นหลังของตระกูลหลาน…….

“ไม่เพียงข้า อาส้งก็ฟังเข้าใจ เป็นอาส้งที่สอนข้า”

หลานเยาเยาชี้ไปที่ส้งเย่นกุย

อย่างไรเสียส้งเย่นกุยก็ลึกลับเป็นพิเศษ ต้นกำเนิดมีความลี้ลับซับซ้อนมาก เอาเรื่องทุกอย่างที่ไม่มีปัญญาพูดออกมาได้ปัดไปที่ตัวของส้งเย่นกุยทั้งหมด ก็ไม่มีคนสงสัยแล้ว

แน่นอน!

นอกจากนางและส้งเย่นกุย เย่แจ๋หยิ่งมีความทรงจำทั้งหมดของฮ่องเต้รุ่นแรก เขาก็สามารถฟังเข้าใจอยู่บ้างเป็นธรรมดา

“…….” ส้งเย่นกุยเหลือบมองเจ้านายของตัวเองแวบหนึ่ง ราวกับว่ารังเกียจเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้านายของตัวเองมักจะชอบโยนความผิดให้เขา และหลังจากที่คนอื่นมองเห็นเขา ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว

เอาเถอะ!

สำหรับเขาวัตถุโบราณที่เก่าแก่จนไม่สามารถจะเก่าแก่ได้แล้วนั้น อยู่ในทะเลทราย คนที่รู้ประวัติความเป็นมาของเขา ล้วนรู้สึกว่าเขาลึกลับมาก

แต่ว่า อันที่จริงเขาเป็นเพียงแค่เจ้าระบบ พึ่งพาอาศัยอยู่บนร่างของมนุษย์ผู้หนึ่ง และหลังจากที่หลอมรวมกับมนุษย์ผู้นี้อย่างสมบูรณ์แล้ว ยังกินยาฉางตานอีก สามารถมีอายุยืนไม่แก่เฒ่าเท่านั้น ไม่มีอะไรลึกลับ

หากพูดถึงคนที่ลึกลับที่สุด

ต้องเป็นเจ้านายของเขาหลานเยาเยาแล้ว

ผู้หญิงผู้หนึ่งที่มีพลังความคิดไม่ธรรมดา กลายเป็นคนในประวัติศาสตร์ผู้เดียวที่สามารถปลูกถ่ายระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ยังสามารถข้ามเวลาไปมายุคปัจจุบันกับยุคโบราณที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ได้ ข้ามเวลามาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ จิตวิญญาณข้ามเวลามามีทั้งหมด

ยาอายุวัฒนะที่อดีตเคยทำให้แผ่นดินใหญ่ผืนนี้บ้าคลั่ง และก็คือยาฉางตาน นางเป็นผู้สร้างขึ้น

สายตาของทุกคน รวมอยู่บนตัวของส้งเย่นกุยในทันที

“แฮ่ม!”

ส้งเย่นกุยทำได้เพียงกระแอมเบาๆเสียงหนึ่ง “เป็นข้า เป็นข้า คนจากนอกแผ่นดินใหญ่ พวกเขามาจากจุดสิ้นสุดของทะเล ในช่วงยุคแรก พวกเขาก็ดำรงอยู่แล้ว ยังคิดวางแผนจะบุกยึดแผ่นดินใหญ่ผืนนี้…….”

จากนั้น ส้งเย่นกุยก็บอกเรื่องสงครามใหญ่ที่แทบจะสังหารคนบนแผ่นดินใหญ่ผืนนี้อย่างราบคาบเหตุการณ์นั้นให้พวกเขาฟัง

แน่นอนว่าปกปิดชื่อซ่างกวนหนานซู่ชื่อนี้ไปแล้ว

พูดชื่อของเทพธิดาออกมาแทน

แน่นอน!

มีจุดหนึ่งที่ส้งเย่นกุยไม่ได้ปิดบัง นั่นก็คือความสามารถของเขา ในยุคแรก เจ้านายสำเร็จภารกิจของระบบทุกอย่าง เขาถึงสามารถพึ่งพาบนร่างของมนุษย์ได้

เวลานั้นเขาอ่อนแอเป็นที่สุด ติดตามเป็นเด็กจัดยาข้างกายเจ้านาย วิทยายุทธกำลังภายในห่างไกลมากๆกับฮ่องเต้รุ่นแรกคนกลุ่มนั้น

ต่อกรกับคนจากนอกแผ่นดิน เขาสามารถทำได้เพียงเป็นผู้ช่วย

ตอนนี้เขายังคงไม่ได้พัฒนามากนัก แต่เทียบกับคนหลายพันปีหลัง เขาก็ดำรงอยู่แบบเงยหน้ามองได้แต่ไม่สามารถใกล้ชิดได้แล้ว

ดังนั้น…….

หลังจากพูดจบ ทุกคนล้วนเงียบงัน ทั้งหมดมองไปทางทะเลทางนั้นอย่างอดไม่ได้

แม้แต่คนที่วิทยายุทธกำลังภายในยังเก่งกาจกว่าราชครูเทียนเวิง อยู่ในยุคที่คนจากนอกแผ่นดินบุกเข้าโจมตีอย่างดุเดือด กลับเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยทั่วไป

หากว่าคนจากนอกแผ่นดินมาบุกรุกเป็นการใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาคนเหล่านี้ แม้ว่าทหารม้าทั้งหมดของทั้งแผ่นดินใหญ่ร่วมมือกันขึ้นมา ก็เป็นเพียงแค่ไม้ซี่งัดไม้ซุง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่แตกแยกออกเป็นสี่ส่วนห้าส่วนบนแผ่นใหญ่ในปัจจุบัน กลายเป็นประเทศมากมาย อีกทั้งระหว่างประเทศใหญ่ก็ไม่ปรองดองสามัคคีกันเป็นที่สุด ยังต้องการจะฆ่าฟันกันอีก……

ตอนนี้ คนจากนอกแผ่นดินมีการเคลื่อนไหวจะเข้ามาโจมตีอย่างยิ่งใหญ่

พวกเขาควรทำอย่างไร?

ถึงยามค่ำคืน เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องสนั่นหูเป็นระยะๆ ภายใต้การทอแสงที่เจิดจ้าของดวงจันทร์ มองไปไกลๆ ดูเหมือนว่ามีสิ่งของอะไรในป่าลึกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและทำให้ป่าไม้สั่นไหว

คนกลุ่มหนึ่งของเรือแห่งความสิ้นหวัง ได้เตรียมการเรียบร้อยล่วงหน้าแล้ว ในไม่ช้าก็ออกเดินทางไปตรงที่ลึกในป่าลึกลับแล้ว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

อ่านนิยาย เรื่อง หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป
ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

เรื่องย่อ

“อูว์……”

เสียงหมาป่าเห่าหอนยาวอย่างน่าสยดสยองข้างหู หลานเยาเยาที่ค่อยๆ ได้สติงงเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสียงหมาป่าเหรอ?

มีองค์กรผู้ก่อการร้ายปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือลับในใจกลางเมือง รอบทิศเต็มไปด้วยตึกอาคารสูง

จะมีหมาป่าได้อย่างไร?

หลานเยาเยาต้องการลืมตาเพื่อสำรวจ แต่พบว่าเปลือกตาหนักราวกับพันกิโลเปิดยาก

ทั่วร่างกายเหมือนถูกแทงด้วยมีดร้อนนับหมื่นเล่ม เจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

ทันใดนั้น!

“กรุ๊บๆ……”

ราวกับเสียงกระดูกที่ถูกเคี้ยวละเอียดทีละนิด ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าไปที่จมูก

หลายเยาเยารู้สึกไม่ดี……

เธอพยายามลืมตาทันที หลังจากที่เธอดิ้นรนนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดดวงตาของเธอก็เปิดออก

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นหลังจากที่สายตาปรับแสงได้

ภาพที่เห็น ทำให้หลานเยาเยาเสียวสันหลังในทันที

หมาป่าผอมหนังติดกระดูกที่หิวโหยตัวหนึ่ง กำลังกัดกินศพหญิงในชุดโบราณอย่างบ้าคลั่ง

หลานเยาเยารีบพยุงร่างกายที่เจ็บปวดสุดจะทนถอยหลังอย่างช้าๆ ……

“ฉับ……”

หินแหลมคมแทงบาดแผลของเธอ ทำให้เธอคร่ำครวญอย่างช่วยไม่ได้

ทันใดนั้นหมาป่าผู้หิวโหยก็หันมามอง พบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ขนบนร่างกายลุกซู่ทันที เขี้ยวเต็มไปด้วยเลือด

กระโจนเข้ามาทันที

เขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่าผู้หิวโหยเล็งไปที่คอหลานเยาเยา ก่อนที่จะถูกหมาป่าผู้หิวโหยกระโจนเข้าใส่ หลานเยาเยาบิดตัว

หมาป่าผู้หิวโหยพลาดท่า เมื่อหันตัวกลับมาก็ถูกหลานเยาเยาใช้มือทั้งสองบีบคอมันอย่างดิ้นไม่หลุด

ไม่ว่าหมาป่าผู้หิวโหยจะดิ้นรนอย่างไร และแม้เล็บเท้าทั้งสี่ของมันจะฉีกเสื้อผ้าและเลือดเนื้อของเธออย่างไร

เธอก็ไม่ยอมปล่อย

ค่อยๆ ……

แรงดิ้นรนของหมาป่าผู้หิวโหยลดลงต่อเนื่อง กระทั่งสูญเสียแรงขัดขืน หยุดหายใจในที่สุด

“เฮ้อ……”

หลานเยาเยาถอนหายใจโล่งอก

ขณะนี้!

เธอเพิ่งพบว่าตนอยู่ใต้หน้าผาสูง ล้อมรอบด้วยหินเย็บเฉียบสีเทา มีซากกระดูกที่ยุ่งเหยิงและไม่สมบูรณ์หลายชิ้นบนหิน

ใบหน้าซีดเผือดของหลานเยาเยาค่อยๆ ขยับไปที่ข้างศพหญิงชุดโบราณนั้น พอเห็นใบหน้าของเธอ

เหมือนในหัวของหลานเยาเยาเปิดออก ความทรงจำประหลาดเป็นส่วนๆ เติมเต็มเข้ามาสมอง……

“โอ๊ย……”

ความรู้สึกปวดหัวทำให้เธอทนไม่ไหวและร้องออกมา!

ผ่านไปค่อนข้างนาน

หลานเยาเยาก็ได้สติหลังจากตกใจ ตะโกนด่าออกไปอย่างอดมิได้

“แม่เอ๊ย ข้ามภพซะแล้ว!”

ใบบัตรเครดิตมีวงเงินตั้งแปดหลักเชียวนะ!

คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลานเยาเยาขยับร่างกายราวกับร่างกายกำลังจะกระจุย ก็ดึงถูกบาดแผลที่เกิดจากตกลงมาจากหน้าผาในทันที

ทันใดนั้น มีเสียงฝีเท้าเบาๆ เดินมา และยังเข้าใกล้เรื่อยๆ แรงอาฆาตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ……

มีคนมาแล้ว!

สายตาของหลายเยาเยาคมชัดขึ้นในทันที ดึงหินแหลมคมก้อนนั้นออก

หัว แล้วหันหลังกลับทันที ทำให้องครักษ์ที่คนเป็นๆ ทั้งสองสัมผัสเงียบๆ จากด้านหลังเธอตกใจ

องครักษ์ผอมและอ้วนทั้งสองคือคนที่บังให้เจ้าของร่างและหญิงที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดผา……

“นางยังไม่ตายหรือ?”

คนเลวอายุยืนจริง!

แต่ดูท่าคงใกล้ตายแล้ว องครักษ์อ้วนที่ใบหน้าดุดัน เห็นสายตาที่แหลมคมหลานเยาเยา ใจสั่นอย่างไร้เหตุผล

“จะตายอยู่แล้ว งั้นรีบส่งนางไปพบยมบาลล่วงหน้า กลับไปจะได้รายงานได้”

องครักษ์ผอมจ้องหลายเยาเยาที่ที่เหลือลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกกลัวเล็กน้อยในตอนนั้นหายไปหมดแล้ว

หลายเยาเยาถูกบังคับให้กระโดดผาแล้ว คุณหนูสี่ไม่เห็นศพก็ไม่วางใจ

เลยสั่งให้พวกเขาไปยืนยันความเป็นความตายใต้หน้าผา

คาดไม่ถึงว่ากระโดดจากหน้าผาสูงขนาดนั้นแต่เธอไม่ตาย……

องครักษ์ผอมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงดาบแล้วฟันลงไปที่หลานเยาเยา

หลานเยาเยาหยีตาเล็กน้อย หลบดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็ว พลิกมือที่ถือหินทุบไปที่หน้าขององครักษ์ผอม

และมืออีกข้างก็คว้ามีดจากมือของเขา แทงตรงไปที่องครักษ์อ้วนที่ไม่มีการตอบสนองที่อยู่ข้างๆ

การกระทำทั้งหมดเสร็จสิ้นเพียงชั่วขณะเดียว รวดเร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม!

“โอ๊ย……”

“โอ๊ย……”

เสียงโอดครวญทั้งสองดังขึ้น องครักษ์อ้วนตายคาที่ องครักษ์ผอมถูกฟันเข้าที่หน้า เลือดท่วมเต็มหน้า ตาบอดไปอีกข้างหนึ่ง

ขณะนี้นอนร้องทุรนทุรายอยู่กับพื้น

เมื่อกี้เอาแรงที่มีทั้งหมดออกมาใช้ หลังฆ่าองครักษ์อ้วนตาย หลานเยาเยาก็เข่าอ่อนแทบล้มลง

เธอใช้มีดค้ำกับหิน พยุงร่างของตนเอง!

ในนามทหารแพทย์ที่มาจากกองกำลังพิเศษ เข้าใจสัจธรรมหนึ่งอย่างลึกซึ้ง ไม่จะไม่สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้ก็ตาม

อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสูญเสียแรงต่อต้าน

ฮึๆ ……

ตอนนี้เธอไปไกลเกินมาตรฐานแล้ว!

ไม่เพียงฆ่าตายทันที ยังทำให้อีกคนสูญเสียแรงต่อต้าน

หลังจากหลานเยาเยาดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เดินเข้าใกล้องครักษ์ผอมพร้อมดาบ

เมื่อองครักษ์ผอมเห็นว่าองครักษ์อ้วนตายแล้ว เสียขวัญ ตอนแรกอยากลุกขึ้นและอาศัยจังหวะที่เธอเผลอฆ่าเธอให้ตาย

แต่เมื่อเขาเห็นตัวตนของหลานเยาเยา มีดก็จ่ออยู่ที่คอของเขาแล้ว……

เขาตกใจรีบร้องขอชีวิต:

“คุณหนูหกไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ เป็นคำสั่งของคุณหนูสี่ ข้าเพียงแค่รับคำสั่ง……อ่า……”

เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด!

จัดการกับองครักษ์ผอมเรียบร้อย หลานเยาเยาทิ้งดาบลง ล้มลงกับพื้นทันที เธออยากปิดตาแล้วหลับไป……

แต่เมื่อเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เธอพยายามทนกับความเจ็บปวดแล้วลุกยืนขึ้น

มายืนข้างศพหญิงที่กระดูกทั้งร่างกายแทบละเอียด เธอคือเสี่ยวจู๋ หญิงรับใช้ส่วนตัวเพียงคนเดียวของเจ้าของร่าง

และเป็นเพราะตอนโดดลงผา มีเสี่ยวจู๋คอยปกป้อง เจ้าของร่างจึงไม่เป็นอะไรมาก

ลากร่างศพของเสี่ยวจู๋ขึ้นมา เดินไปยังป่าที่ไม่ลึก…….

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เธอต้องการฝังร่างศพเสี่ยวจู๋ก่อนที่ฟ้าจะมืด มิเช่นนั้น

ศพเธอจะถูกสัตว์ป่ากิน

ในที่สุดก็ขุดหลุมตื้นและฝังร่างศพของเสี่ยวจู่เสร็จ

“ติ๊ด……”

ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้นในหัว

หลานเยาเยาแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ!

เสียงนี้เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยที่สุด นี่คือระบบทางการแพทย์ที่ฝังในร่างเธอในยุคปัจจุบัน

เทียบเคียงได้กับโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเลือกเวชภัณฑ์ได้อย่างอิสระผ่านทางความคิด

คิดไม่ถึงว่าระบบการแพทย์ติดตามเธอไปด้วย……

แต่ระบบทางการแพทย์นี้จะต้องมีการอัพเกรดถึงจะสามารถเปิดใช้งานด้านเวชภัณฑ์ได้

และเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่ปลูกฝังระบบไม่นาน ดังนั้น ในระบบสิ่งที่เปิดใช้งานได้จึงถูกจำกัด

แม้จะเป็นเช่นนั้น หลานเยาเยาก็แอบหัวเราะ……

ใช้ความคิดนำผ้าพันแผลผ้าก๊อซและยาแก้อักเสบแก้ปวดอย่างง่ายออกมาอย่างเร่งรีบ

หลังจากจัดการกับแผลบนร่างกายอย่างเรียบง่าย ก็ได้เอายาที่ขมสุดขีดทำเหมือนเป็นขนม “กรุ๊บๆ”

เคี้ยวละเอียดแล้วกลืนลงไป

ในขณะที่ตัดสินใจปีนไปหลับบนต้นไม้……

ทันใดนั้น!

“ตุ๊บ……”

วัตถุที่ไม่รู้จักตกลงมาจากต้นไม้ ทำให้ดอกไม้ป่าเหล่านั้นที่กำลังเบ่งบานบนดินตาย

“โอ้มายกอต!”

วัตถุชิ้นนั้นตกอยู่ข้างเท้าเธอ ทำให้หลานเยาเยาตกใจอดไม่ได้ที่จะตบลูบหน้าอก

ค่อยยังชั่ว!

เกือบจะหล่นใส่เธอแล้ว

กลิ่นคาวเลือดคลุ้งแตะเข้าที่จมูก……

เพ่งมองดู นั่นมันเป็นคน เป็นชายที่สวมชุดจีน เรือนร่างของเขาประกายด้วยท่าทางที่คนไม่ควรเข้าใกล้

ไม่รู้ว่าตายหรือยัง?

แค่เหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ใส่ใจ หลานเยาเยาถึงกับเบิกตาสว่างอย่างช่วยไม่ได้ แม้ชายคนนั้นเส้นผมยุ่งเหยิง และใบหน้าซีดเผือดเหมือนกระดาษที่เปื้อนเลือด……


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท