ตอนที่ 586 คอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟย
แปล Tarhai
เมื่อฉิงเฟิงมาถึงที่บริษัท Ice Snow ก็เห็นว่านักบวชยืนรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว เขายังคงสวมเสื้อคลุมนักบวชแบบดั้งเดิมและสวมหมวกซึ่งทำให้เขาเป็นที่สนใจของทุกคน
ทุกคนบนถนนต่างก็จ้องมองนักบวช ผู้หญิงบางคนชี้ไปที่เขาและเริ่มกระซิบกระซาบกัน เพราะในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าชุดนักบวชเดินอยู่ในเมืองหลวง
“นักบวช นายมารอนานแล้วหรือยัง ?” ฉิงเฟิงยิ้มและถาม
นักบวชส่ายหัวและกล่าวว่า “ไม่นานหรอกครับบอส”
“สวัสดีพี่สะใภ้” นักบวชกล่าวทักทายเมื่อเห็นหลินเสวี่ยเดินออกมาจากรถ
หลินเสวี่ยหน้าแดงเมื่อได้ยินนักบวชเรียกขานเธอเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะถูกนักบวชเรียกว่าพี่สะใภ้เสมอ แต่เธอก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่ถูกพี่น้องของฉิงเฟิงเรียก
“นักบวช คุณคงจะเหนื่อยแล้วกับการเดินทาง เข้ามาข้างในก่อนสิ” หลินเสวี่ยยิ้มขณะที่เธอเชิญนักบวชเข้าไป เธอรู้ว่านักบวชมาที่นี่เพราะฉิงเฟิงร้องขอให้เขาคอยมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ
ความจริงการที่เหมียวซิยี้เป็นบอดี้การ์ดให้เธอก็มากเกินพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงยืนยันที่จะให้นักบวชมาเป็นบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้นอีกคน เพื่อความปลอดภัย
นักบวชและเหมียวซิยี้เคยพบกันมาก่อนแล้ว พวกเขาจึงพยักหน้าให้กันเล็กน้อยเป็นการทักทาย
ฉิงเฟิงเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับนักบวชเพื่อบอกโครงสร้างภายในบริษัทและออฟฟิศของหลินเสวี่ยอย่างละเอียด เพื่อที่นักบวชจะได้รู้ทางหนีทีไล่และสามารถปกป้องเธอได้ทันทียามที่เธอตกอยู่ในอันตราย
“บอสครับ ผมได้ยินข่าวจากอลิซว่าไอ้ตูดหมึกที่ชื่อเฮลคิงอะไรนั่นพยายามจะหาเรื่องบอส” นักบวชกล่าว
ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ฉันรู้แล้ว ไม่ใช่แค่มันเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าราชันเหยี่ยวก็มาถึงหัวเซี่ยแล้วเช่นกัน นายก็รู้ว่าไอ้หมอนี่เป็นตัวบัดซบที่เหลี่ยมจัดมากคนอย่างมันถ้าไม่มั่นใจว่าสามารถฆ่าฉันได้มันคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่หรอก”
นักบวชพยักหน้าตามที่เขาเข้าใจ ทีมเขี้ยวหมาป่าเคยต่อสู้กับราชันเหยี่ยวมาก่อนและรู้ซึ้งถึงพลังที่แข็งแกร่งของเขา นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีไหวพริบและลูกล่อลูกชนมากมาย
ฉิงเฟิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากมีทั้งนักบวชและเหมียวซิยี้คอยปกป้องหลินเสวี่ย พวกเขาทั้งคู่ถือเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งและสามารถถ่วงเวลาคู่ต่อสู้ได้ถ้าหากพวกเขาเจอกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าก็ตาม
ฉิงเฟิงเดินกลับไปที่ฝ่ายขายหลังจากที่ได้สั่งงานให้นักบวชเสร็จแล้ว ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึง จางเสี่ยวเยวี่ยก็จับไล่เขาจากด้านหลัง
“พี่ใหญ่หลี่ คืนนี้มีคอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟย พวกเราไปพร้อมกันเถอะ !”
จางเสี่ยวเยวี่ยกล่าวในขณะที่จ้องมองฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เป็นประกาย
ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้สิ ไปเรียกพี่สาวเซี่ยไปพร้อมกันด้วย”
“โอเค หลังเลิกงานพวกเราไปพร้อมกันเลย” จางเสี่ยวเยวี่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสาและดูมีความสุขมาก เธอรู้สึกมีความสุขตราบเท่าที่มีฉิงเฟิงอยู่เคียงข้างเธอ
ฉิงเฟิงใช้เวลาช่วงบ่ายทั้งหมดไปกับการจัดการเอกสารต่างๆในบริษัท เมื่อเขาทำเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี จากนั้นเขาก็เดินไปที่ออฟฟิศของหลินเสวี่ย
“ที่รัก คืนนี้มีคอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟย คุณจะไปพร้อมกับพวกเราไหม ?”
ฉิงเฟิงเดินไปหาหลินเสวี่ยขณะที่กล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม
แต่หลินเสวี่ยมีสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย เธอกล่าวขึ้นว่า “คุณแม่ของชั้นเพิ่งโทรหาชั้นเมื่อสักครู่และบอกว่าเธอเป็นหวัด เธออยากให้ชั้นกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านและอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ฉิงเฟิงดูผิดหวังเพราะแพลนของเขาที่จะไปดูคอนเสิร์ตพร้อมกับหลินเสวี่ยต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
“งั้นไม่เป็นไร ฉันจะบอกให้นักบวชกับซิยี้ไปพร้อมกับคุณ” ฉิงเฟิงกล่าว
หลังจากเดินออกจากออฟฟิศของหลินเสวี่ย ฉิงเฟิงก็ได้พบกับจางเสี่ยวเยวี่ยและเซี่ยหวั่นฉิวที่ฝ่ายขายแล้วออกจากบริษัทพร้อมกับพวกเธอ
เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนแสดงคอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟย หญิงสาวทั้งสองคนจึงแต่งตัวงดงามเป็นพิเศษ จางเสี่ยวเยวี่ยใส่ชุดเดรสสีขาวซึ่งขับเน้นส่วนโค้งเว้าที่ดูบริสุทธิ์ของเธออย่างเพอร์เฟ็คทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม
ในขณะเดียวกัน เซี่ยหวั่นฉิวก็แต่งหน้าเล็กน้อยและทาลิปสติกสีแดง ใส่ชุดเดรสสีม่วง ทำให้เธองดงามอย่างน่าตกตะลึง
ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเขาได้เห็นผู้หญิงสาวสวยสองคนนี้
“มองอะไรคะ ?” จางเสี่ยวเยวี่ยถาม
“ขออภัยครับ ผมกำลังมองคุณผู้หญิงเซี่ยและน้องเสี่ยวเยวี่ย พวกคุณทั้งคู่ช่างงดงามอย่างน่าทึ่งนัก” ฉิงเฟิงกล่าวหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
“ปากหวานนัก พวกเราแต่งสวยเพื่อไปงานคอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟยต่างหากย่ะ”
“ฮ่าๆ ฉันรู้ แต่คนที่ไม่รู้จักคุณอาจจะคิดว่าพวกคุณกำลังจะไปออกเดทกับฉันน่ะสิ”
จางเสี่ยวเยวี่ยและเซี่ยหวั่นฉิวหน้าแดงในทันที และยื่นมือมาหยิกไหล่ของฉิงเฟิง
ในความเป็นจริงแล้ว หญิงสาวทั้งสองคนนี้แต่งตัวอย่างจงใจเพื่อฉิงเฟิงต่างหาก พวกเธอต้องการที่จะหว่านเสน่ห์ให้ฉิงเฟิง แต่ยกเรื่องไปดูคอนเสิร์ตมาเป็นข้ออ้างบังหน้า ผู้หญิงมักจะแต่งตัวเป็นพิเศษเพื่อคนที่เธอชอบ
ฉิงเฟิงเดินไปที่จัดแสดงคอนเสิร์ตพร้อมกับผู้หญิงทั้งสองคนขณะที่เพลิดเพลินด้วยบทสนทนากับพวกเธอตลอดทาง
คอนเสิร์ตของเซียะเฟยเฟยจัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมทะเลตะวันออก มันเป็นสเตเดียมขนาดมหึมาที่สามารถจุคนได้หลายพันคน นักร้องหลายๆคนมักจะจัดคอนเสิร์ตที่นี่
เมื่อฉิงเฟิงมาถึงก็พบผู้คนจำนวนมากที่มารวมตัวกันที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้ มีทั้งเด็กชายและเด็กหญิงจำนวนมากกำลังถือโปสเตอร์พร้อมด้วยภาพถ่ายของเซียะเฟยเฟยและมีข้อความเขียนไว้ว่า “เซียะเฟยเฟย, เรารักคุณ !” อยู่บนนั้น
“ทำไมเด็กวัยรุ่นพวกนี้ถึงดูคลั่งกันขนาดนี้ ?” ฉิงเฟิงพูดไม่ออก เขาไม่เคยเชื่อว่าเซียะเฟยเฟยจะโด่งดังและมีเสน่ห์ขนาดนี้ถ้าเขาไม่ได้เห็นฉากนี้ด้วยตัวเอง
…
ในขณะที่ฉิงเฟิงกำลังเพลิดเพลินกับวิถีชีวิตคนธรรมดาและมีความสุขกับคอนเสิร์ต ก็มีแผนการสมรู้ร่วมคิดเกิดขึ้นในที่แห่งหนึ่ง
ราชันเหยี่ยวได้เดินทางมาถึงเมืองทะเลตะวันออกหลังจากช่วงบ่าย เมื่อเขามาถึงสนามบินเขาก็โทรติดต่อเฮลคิงด้วยเบอร์ที่โกสคิงมอบให้
ในวิลลาแห่งหนึ่งที่ชานเมือง
เฮลคิงและราชันเหยี่ยวกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังที่เปล่งประกายออกมารอบๆจากอีกฝ่าย
พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ เฮลคิงคือลูกศิษย์ของโกสคิงในขณะที่ราชันเหยี่ยวคือลูกศิษย์ของกาโตร์คิง สุดยอดฝีมือลึกลับในทวีปเสือ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการทดสอบฝีมือของอีกฝ่าย ในฐานะที่ทั้งคู่เป็นลูกศิษย์ของสองสุดยอดฝีมือในยุคก่อน
ทันใดนั้น เฮลคิงก็ออกหมัดอย่างรวดเร็วจนไม่อาจมองตามทัน และในเวลาเดียวกันราชันเหยี่ยวก็กางฝ่ามือออกมาเช่นกัน
ไม่มีเสียงอันใดเกิดขึ้นหลังจากหมัดกระทบกับฝ่ามือ แต่ทว่า พลังบางอย่างระเบิดออกมารอบๆ จนทำให้โต๊ะใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากเสมอกันในการประมือครั้งแรก พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยอดนักสู้ที่ไม่ธรรมดา
“ท่านโกสคิงมีศิษย์ที่น่าเหลือเชื่อนัก”
“ท่านกาโตร์คิงก็มีลูกศิษย์ที่โดดเด่นเช่นกัน ชายผู้หยุดหมัดของฉันได้อย่างง่ายดาย”
“เฮลคิง พวกเราเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน ข้าได้ยินมาว่าท่านรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับวูฟคิงไว้แล้ว ทำไมท่านถึงยังไม่ทำอะไร ?” ราชันเหยี่ยวกล่าวเชิงไตร่ถาม