ตอนที่ 613 หลิวหรูหยานเสี่ยงแท้งบุตร
จากความรู้และทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเขา ฉิงเฟิงมองผ่านวูบเดียวก็รู้ว่าทารกในครรภ์ของหลิวหรูหยานได้รับการกระทบกระเทือน เลือดที่ไหลออกมาเป็นสัญญาณบ่งบอกมันเป็นผลมาจากการความตกใจและถูกมัดไว้กับเก้าอี้เป็นเวลานาน
ทารกเพิ่งจะมีอายุเพียงหนึ่งเดือนกว่า ถ้าเธอแท้งขึ้นมา ฉิงเฟิงสาบานอย่างสาหัสว่าจะล้างสังหารตําหนักโกสคิงทั้งหมดให้วอดวาย !
” ตําหนักโกสคิง… ฉันจะทําลายพวกแกให้สิ้นซากเมื่อฉันทะลวงเข้าสู่ระดับเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์โบราณ !” ฉิงเฟิงสบถออกมาด้วยความเกลียดชัง
เฮลคิงจากตําหนักโกสคิงทําร้ายหลิวหรูหยานรวมทั้งพรรคพวกของเขา ฉิงเฟิงโกรธกริ้วกับเหล่ายอดยุทธ์โบราณผู้ชั่วร้ายเหล่านี้มาก เขาสาบาน เขาจะฆ่าพวกมันทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น จากการสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของนักสู้ที่เป็นปุถุชนธรรมดาของกุ้ยหบูชางก็ทําให้ฉิงเฟิงพลาดโอกาสที่จะฆ่าเฮลคิง เขาปรารถนาที่จะก้าวไปถึงขั้นยอดยุทธ์โบราณเพื่อเหยียบกุ้ยหวี่ชางให้จมดิน
ฉิงเฟิงขจัดความโกรธออกไป หยิบเข็มเงินออกมาและทําการฝังเข็บให้หลิวหรูหยานทันทีนี่เป็นเรื่องที่ยากลําบากสําหรับเขากับการที่ต้องมารักษาหลิวหรูหยานในขณะที่ตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ชีวิตของทารกก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาก้มหน้ากัดฟันด้วยความเจ็บปวดและทําการรักษาด้วยพลังเฮือกสุดท้ายของเขา
เพื่อช่วยทารก ฉิงเฟิงกรีดนิ้วหยดเลือดออกมาและใช้แก่นแท้โลหิตควบคู่กับการฝังเข็มเพื่อให้พลังลึกลับไหลซึมเข้าไปในร่างกายของหลิวหรูหยาน
ในที่สุดทารกในครรภ์ก็พ้นขีดอันตรายด้วยพลังพิเศษจากแก่นโลหิตของฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงรู้สึกโชคดีมากที่แก่นแท้โลหิตของเขามีความสามารถรักษาคนใกล้ตายหรือฟื้น ฟูเนื้อเยื่อและกระดูกได้ มิเช่นนั้น ลูกของเขากับหลิวหรูหยานก็คงจะเสียชีวิต
ฉิงเฟิงล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรงและหมดสติไป เนื่องจากเสียเลือดมากแถมยังต้องผลาญแก่นแท้โลหิตไปอีก
เพียงแค่เขาประคองสติมาได้นานขนาดนี้ก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้ว สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเขาเอาไว้ได้ก็คือความคิดที่จะช่วยลูก เมื่อทารกปลอดภัยแล้ว เขาก็ล้มลงทันที
“บอส !!” สู่ซวนจี้รีบพุ่งเข้าไปหาฉิงเฟิง
“ไม่ต้องห่วงหรอกซวนจี้ ฉิงเฟิงแค่อ่อนเพลียจนหมดสติไป พักผ่อนไม่กี่วันเขาก็คงจะฟื้นตัวดี” สู่เซางกล่าว
จากนั้นลู่ซวนจีก็พาฉิงเฟิง ทีมเขี้ยวหมาปาและหลิวหรูหยานไปที่ภูเขาบู๊ตึง
บาดแผลของฉิงเฟิงไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการในโรงพยาบาลธรรมดา มันต้องใช้วิธีพิเศษที่มีเพียงสถานที่ที่มีมนต์ขลังอย่างภูเขาบู๊ตึงเท่านั้นที่ทําได้
กริ้งงงงง –
โทรศัพท์ของฉิงเฟิงก็ดังขึ้น แต่เจ้าตัวไม่สามารถรับสายได้เนื่องจากยังหมดสติอยู่
ในตอนแรก ลู่ซวนจี้ก็ไม่อยากรับสายจนเขาเห็นว่าเป็นหลินเสวี่ยโทรมาเขาจึงรับสายแทนให้ฉิงเฟิง
“ฉิงเฟิง ! นี่มันดึกมากแล้วนะ ทําไมคุณถึงยังไม่กลับบ้าน !?” หลินเสวี่ยกล่าวด้วยความกังวล
นี่เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉิงเฟิงไม่เคยกลับดึกขนาดนี้ หลินเสวี่ยที่ยังคงรออยู่ที่บ้านเริ่มเป็นกังวลอย่างมากเธอจึงโทรมาถาม
“โอ้ ! พี่สะใภ้! นี่ผมเอง ลู่ซวนจี” นักพรตตอบ
” อ่อ… ซวนจี้เองเหรอ ฉิงเฟิงอยู่ไหน ทําไมเขาไม่รับสาย ?” หลินเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจ
” บอสได้รับบาดเจ็บครับ”
“อะไรนะ !! แล้วคุณอยู่ที่ไหน ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้”
“มะ ไม่ได้ๆ ! อย่ามานะ พวกเกือบจะถึงภูเขาบู๊ตึงแล้ว เดี๋ยวบอสหายดีเมื่อไรเขาจะกลับไปเองไม่ต้องห่วง”
ภูเขาบู๊ตึง ?
หลินเสวี่ยรู้สึกท้อแท้ เพราะที่นั่นมันไกลเกินไป เธอไม่สามารถเดินทางไปไกลขนาดนั้นได้ในเวลาเที่ยงคืน
” ซวนจี้ ฉิงเฟิงเป็นอะไรมากหรือเปล่า ?” หลินเสวี่ยถามด้วยความห่วงใย
ลู่ซวนจี้หันไปมองที่ฉิงเฟิงและตัดสินใจที่จะโกหกหน้าตาย “เอ่อ… โอ้ ! จบจ๊อยครับพี่สะใภ้พักฟื้นอีกสักสองสามวันบอสจะกลับไปเอง ผมวางสายก่อนนะ บายครับ”
หลินเสวี่ยยังถามไม่จบ เธอคิดที่จะถามอาการของฉิงเฟิงมากกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าลู่ซวนไม่เต็มใจที่จะพูด
ลู่ซวนจี้ขับรถมาถึงตีนเขาบู๊ตึง ฉิงเฟิงและหลิวหรูหยานยังคงไม่ได้สติ จึงถูกพาเข้าไปในวัด
“ศิษย์พี่ ! พี่ใหญ่หลี่เป็นไงบ้าง ?” สู่ซวนเหมียวที่ยังไม่นอนก็วิ่งมาหาพวกเขาและถาม
อู่ซวนเหมียวรู้สึกชื่นชมและซาบซึ้งที่ฉิงเฟิงช่วยชีวิตอาจารย์ของเขา
” ซวนเหมียว นายไปเตรียมถังน้ําอุ่นกับสมุนไพร ฉันจะเอาฟองน้ําเช็ดตัวให้เขาและยาทาสมุนไพร” สู่ซวนจีบอกกับซวนเหมียว
ซวนเหมียวรีบไปที่ห้องครัวที่อยู่ด้านหลังของภูเขาอย่างรวดเร็ว การต้มน้ําและชงยาเป็นงานประจําวันของเขา
คราวนี้ทีมเขี้ยวหมาปาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่เพียงแค่ฉิงเฟิงเท่านั้นที่บาดเจ็บสาหัสจนหมดสติแต่ยังมีทั้งเจ้าโล้น เทพมรณะและอลิซอีกด้วย การสูญเสียที่ใหญ่หลวงเช่นนี้พวกเขาไม่เคยพบมาก่อนนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งทีมเขี้ยวหมาปาขึ้นมา
โชคดีที่นักพรตเฒ่า,ลู่เตซางเข้ามาช่วยเหลือได้ทันและบีบบังคับให้กุ้ยหวี่ชางถอยหนีไปได้มีฉะนั้นฉิงเฟิงและทุกคนที่เหลือจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาชวนเหมียวก็เตรียมของเสร็จ ลู่ซวนจีทําความสะอาดสิ่งสกปรกและคราบเลือดออกจากร่างกายฉิงเฟิงและคนอื่นๆ จากนั้นลู่ซวนจี้ก็ป้อนยาให้ฉิงเฟิง
“อาจารย์ เมื่อไรบอสถึงจะฟื้นละครับ ?” ลู่ซวนจี้ถาม
ลู่เตซางกระแอมออกมาและกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกซวนจี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเขาก็คงจะดีขึ้นถ้าเขาฟื้นแล้วบอกให้เขามาหาข้า ข้าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บของข้าก่อน”
สู่เต๋ซางบอกให้ซวนจี้คอยดูแลฉิงเฟิง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านหลังวัดเพื่อฟื้นฟูเส้นลมปราณที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งจากการสู้กับกุ้ยหญ่ชาง
“ซวนเหมียว นายไปคอยดูแลท่านอาจารย์เถอะ ที่นี่ฉันจัดการเอง” สู่ซวนจี้กล่าวกับ ซวนเหมียว
ซวนเหมียวพยักหน้า เขาเดินตามลู่เต๋ซางไปด้านหลังพร้อมกับชามยาในมือ
“บอส อย่าเป็นอะไรนะ” ลู่ชวนจิ้มองไปที่ฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
ในอีกห้องหนึ่ง อลิซกําลังมองหน้าหลิวหรูหยานที่ยังไม่ได้สติ ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กําลังตั้งครรภ์ ซึ่งพ่อของเด็กในท้องก็ไม่ต้องให้เธอถามใครเลย แน่นอนว่าเป็นฉิงเฟิง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่งามหยดย้อยของหลิวหรูหยาน อลิซก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอลิซก็ยังคงดูแลหลิวหรูหยานเป็นอย่างดีเพราะเธอคนนี้ก็เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งของฉิงเฟิง