ใบหน้าของกู่เจี้ยนหลงแสดงออกถึงความหวาดหวั่นจากคำพูดของเฮลคิงเห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงเฟิงบ่มเพาะทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์อย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงกู่เจี้ยนหลงไม่รู้ว่าเคล็ดวิชาจักรพรรดิยุทธ์ที่ฉิงเฟิงบ่มเพาะนั้นความจริงแล้วเป็นทักษะระดับจักรพรรดิ ! มันเหนือล้ำกว่าทักษะการบ่มเพาะระดับแกรนด์มาสเตอร์อย่างเทียบกันไม่ติด อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เคล็ดวิชาฉบับสมบูรณ์ เนื่องจากมันมีเพียงแค่ 3 หน้าแรก ทำให้เทียบเท่าได้กับทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้น แต่แม้กระนั้นก็ตาม มันทำให้ฉิงเฟิงไร้พ่ายในขอบเขตเดียวกัน อีกทั้งเคล็ดวิชากระบี่เพลิงแดงคะนองก็ยังเป็นเคล็ดวิชาในระดับแกรนด์มาสเตอร์ จากปัจจัยทั้งหมดทำให้เขาไม่เคยหวั่นเกรงกู่เจี้ยนหลงที่อยู่ในขีดขั้นสูงสุดแห่งระดับเหนือสวรรค์เลยแม้แต่น้อย หลี่ฉิงเฟิงฉันไม่สนใจว่าแกจะฝึกฝนวิชาอะไรมา สุดท้ายแล้ววันนี้แกต้องตาย !
กู่เจี้ยนหลงยิ้มเย็นด้วยจิตสังหารที่มุ่งมั่นปรากฏบนแววตาของเขา
อันที่จริงแม้ว่าฉิงเฟิงจะบ่มเพาะทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์ แต่กู่เจี้ยนหลง ในฐานะที่เป็นคุณชายใหญ่แห่งหนึ่งในสี่ตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ของเมืองเทียนจิง เขาก็บ่มเพาะทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์เช่นเดียวกัน เนื่องจากบรรพบุรุษตระกูลกู่ก็อยู่ในขอบเขตแห่งแกรนด์มาสเตอร์
กู่เจี้ยนหลงได้ตระหนักว่าสะพานโซ่เหล็กนี้สามารถทนรับน้ำหนักได้เพียงสองคนและเป็นเส้นทางเดียวที่เข้าสู่ปราสาทราชายาทิพย์ได้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฉิงเฟิงไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป
หนึ่งกระบี่วารีกระจ่าง
!
กู่เจี้ยนหลงโห่ร้องออกมาเขาฟาดฟันกระบี่จันทร์วารีในมือออกมาด้วยปราณแท้ในร่างของเขา ควบแน่นเป็นรูปปราณกระบี่สีขาว โจมตีเข้าใส่ฉิงเฟิงในเวลาเดียวกัน
การก่อรูปของปราณแท้
!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้คนรอบๆต่างก็ตกใจมาก อย่างที่ทุกคนรู้กัน พลังลมปราณถูกกักเก็บไว้ในร่างกายในฐานะพลังงานของมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถทำให้มันปรากฏรูปร่างหรือรูปแบบที่มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ เฉพาะคนที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่ได้ฝึกฝนทักษะระดับแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้น จึงจะสามารถก่อรูปร่างจากปราณแท้ได้เท่านั้น !
ความจริงที่ว่ากู่เจี้ยนหลงสามารถเปลี่ยนลมปราณธาตุน้ำให้กลายเป็นปราณกระบี่และใช้ต่อสู้ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง คิดว่าแกเป็นคนเดียวที่ใช้ลมปราณก่อรูปได้หรือไง ฉิงเฟิงยิ้มด้วยความมั่นใจ ประกายตาเต็มไปด้วยแสงเย็น ในเมื่อตอนนี้ศัตรูสำแดงเคล็ดวิชาออกมา เขาก็อยากจะเห็นกับตาว่าวิชาของใครจะแข็งแกร่งกว่าระหว่างวิชาของราชันกระบี่หรือตระกูลกู่
ระเบิดเพลิงแดงคะนอง
!
ฉิงเฟิงเหวี่ยงกระบี่ในมือขวายิงปราณกระบี่สีแดงออกไป พลังลมปราณที่เขาบ่มเพาะเกี่ยวข้องกับเปลวเพลิง เป็นผลทำให้มันก่อรูปเป็นกระบี่เพลิงออกมาหลังจากเขาควบแน่น
ปราณกระบี่วารีปะทะหักหาญเข้ากับปราณกระบี่เปลวเพลิงจนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับโลกสะเทือนความเสียหายที่เกิดจากพลังลมปราณทั้งสองสายปะทะกันนั้นรุนแรงมากจนทำให้ลาวาที่อยู่ข้างล่างโหมกระพืออย่างรุนแรงเหมือนคลื่นเพลิงที่ร้อนระอุและสะพานโซ่เหล็กก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยเสียงแหลมดัง เคร้ง !
ตึง!
กู่เจี้ยนหลงผงะไปหนึ่งก้าวในขณะที่ฉิงเฟิงยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงในการปะทะกันของวิชาระดับสูงครั้งนี้กู่เจี้ยนหลงดูเหมือนจะด้อยกว่าแม้ว่าพลังลมปราณของเขาจะสูงกว่าฉิงเฟิงถึงสองขั้นย่อยก็ตาม แต่เขาก็พ่ายในการปะทะซึ่งหน้ากับฉิงเฟิงจริงๆ ! แม้จะเป็นเพียงแค่ผงะถอยหลังเล็กน้อยจากการปะทะก็ตาม แต่มันบ่งบอกได้ถึงสัญญาณแห่งความพ่ายแพ้
กู่เจี้ยนหลงรู้สึกประหลาดใจและรู้สึกโชคดีไม่น้อยที่ระดับพลังของฉิงเฟิงต่ำกว่าเขามิฉะนั้นหากระดับพลังเท่ากันก็เป็นไปได้สูงว่าปราณกระบี่ของฉิงเฟิงอาจจะทำร้ายเขาจนตกตายในกระบวนท่าเดียว
บัดซบเปล่าให้มันเติบโตมากกว่านี้ไม่ได้ ไอ้หมอนี่ต้องตาย
!
กู่เจี้ยนหลงคิดในใจอย่างเงียบงัน
กู่เจี้ยนหลงเริ่มขวัญเสียต่อความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงเขาราวกับเป็นสัตว์ประหลาด แม้ว่าตนเองจะครอบครองอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์และใช้ออกด้วยลมปราณที่บ่มเพาะในระดับแกรนด์มาสเตอร์ก็ตาม
วิชากระบี่เพลิงแดงคะนองของท่านลุงเนี่ยช่างน่ากลัวจริงๆ
เมื่อเห็นกู่เจี้ยนหลงถูกบังคับให้ต้องถอยหลังจากการปะทะฉิงเฟิงก็มีสีหน้าที่ยินดี ด้วยความแข็งแกร่งและลมปราณแท้ที่เพิ่มขึ้นของเขา ทำให้วิชากระบี่ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากเนี่ยอู๋ซวงสำแดงฤทธิ์เดชได้รุนแรงขึ้นไปอีก เขาสามารถต่อกรกับยอดยุทธ์ที่เหนือกว่าถึงสองขั้นย่อยได้โดยไม่ต้องเปิดใช้พลังสายเลือด ถึงแม้ว่าตระกูลกู่แห่งเมืองเทียนจิงจะแข็งแกร่งมากแต่วิชาของพวกเขาก็ยังคงด้อยกว่าราชันกระบี่เนี่ยอู๋ซวง เพราะคนผู้นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดมือกระบี่อันดับหนึ่งแห่งหัวเซี่ยตั้งแต่ 15 ปีก่อน และไม่มีผู้ใดในหัวเซี่ยสามารถเอาชนะเขาได้ในเชิงกระบี่
ตาย
!
กู่เจี้ยนหลงร่ำร้องออกมาด้วยความโกรธเขาฟาดฟันกระบี่จันทร์วารีใส่ฉิงเฟิงอีกครั้ง วันนี้เขาต้องฆ่าฉิงเฟิงให้จงได้ ไอ้ลูกครึ่งคนนี้ไม่อาจไว้ชีวิตได้ ในฐานะศัตรูที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่ง กู่เจี้ยนหลงรู้สึกหวาดกลัว
เข้ามา
!
ฉิงเฟิงก็เต็มไปด้วยจิตสังหารเช่นกันเขากระชับกระบี่แดงเพลิงคะนองเข้าปะทะกับกู่เจี้ยนหลงอีกครา
~
เปรี้ยงเปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
~
กระบี่จันทร์วารีและกระบี่แดงเพลิงคะนองปะทะหักหาญกันอีกหลายครั้งการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างลมปราณธาตุน้ำและไฟซึ่งเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติเกิดขึ้นเหนือสะพานโซ่เหล็กที่แขวนอยู่เหนือแม่น้ำลาวา เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งปราณกระบี่ที่เล็ดรอดจากการปะทะได้หลุดกรอบกระจายออกไปทั่วบริเวณ โซ่เหล็กยังคงแกว่งไปมาและแม่น้ำลาวาด้านล่างก็ลุกโหมไปด้วยลาวาพุ่งปะทุสูงขึ้นหลายเมตร
เหล่าคนที่ยืนอยู่ริมฝั่งก็ยังต้องก้าวถอยหลังทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งมาก การปะทะกันของอาวุธและวิชาระดับแกรนด์มาสเตอร์ทั้งสองได้ทำให้เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นต่อเนื่องและอากาศโดยรอบฉีกขาด กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมานั้นมหาศาลจนทำให้เหล่าคนที่ยืนดูอยู่ต้องหวาดกลัว
ตั้งแต่ฉิงเฟิงเข้าสู้ขั้นกลางเหนือสวรรค์ความแข็งแกร่งและลมปราณของเขาก็เพิ่มขึ้น จนสามารถต่อสู้กับกู่เจี้ยนหลงได้อย่างสูสีโดยไม่ใช้พลังสายเลือดของเขา
ถ้าหากฉิงเฟิงเปิดใช้พลังสายเลือดกู่เจี้ยนหลงก็ดับดิ้นไปตั้งแต่กระบี่แรกแล้ว แต่เขาไม่อยากใช้มันเพราะผลข้างเคืองค่อนข้างรุนแรงและเสี่ยงเกินไป ทันทีที่พลังสายเลือดหมดลงแม้จะฆ่ากู่เจี้ยนหลงได้ แต่เขาจะถูกศัตรูคนอื่นรุมทึ้งไม่เหลือซากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเฮลคิง เหลิงเสวี่ย ตูลูธ พวกเขาเหล่านี้ต่างรอเวลาลงมืออยู่
ดังนั้นฉิงเฟิงจะไม่ใช้พลังแห่งสายเลือดโดยเด็ดขาดจนกว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต กล่าวถึงกระบี่จันทร์วารีแท้จริงแล้วมันก็มีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ในฐานะที่เป็นอาวุธคู่กายของสุ่ยเยวี่ยเหลียง ภรรยาของราชายาทิพย์เซียวหยุน เธอไม่ได้เป็นเพียงแค่แกรนด์มาสเตอร์ธรรมดา แต่ยังเป็นปรมาจารย์ด้านกับดักอีกด้วย เห็นได้ชัดว่ากับดักทั้งหมดในสุสานนี้เป็นฝีมือของเธอนั่นเอง
สถานที่นี้ไม่ใช่สุสานของแกรนด์มาสเตอร์ท่านเดียวแต่เป็นของแกรนด์มาสเตอร์ถึงสองคน ! กระบี่จันทร์วารีเป็นอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ที่ทรงพลังมาก โชคดีที่ฉิงเฟิงได้รับกระบี่แดงเพลิงคะนองจากเนี่ยอู๋ซวงมาก่อน มิฉะนั้นเขาจะตกอยู่ในอันตราย
การต่อสู้ที่ยืดเยื้อเผาผลาญลมปราณไปมากมายถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงจะด้อยกว่ากู่เจี้ยนหลง แต่เขาก็มีข้อได้เปรียบจากเคล็ดวิชาจักรพรรดิยุทธ์ มันคือเทคนิคบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา มันช่วยให้เขาสามารถดูดซับลมปราณจากอากาศโดยรอบได้ตลอดเวลา
ผลที่ตามมาก็คือฉิงเฟิงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆในขณะที่กู่เจี้ยนหลงเริ่มอ่อนแรงลง เหงื่อปรากฏขึ้นที่หน้าผากของเขา เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการสูญเสียลมปราณไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อถึงกระบวนท่าที่สามสิบฉิงเฟิงอาศัยข้อได้เปรียบจากความอ่อนล้าของกู่เจี้ยนหลง เขาฟาดกระบี่เข้าโดนแขนของกู่เจี้ยนหลงจนเกิดแผลยาวและมีเลือดไหลออกมา
บัดซบ
!
ทำไมลมปราณของหมอนี่มันถึงได้มากมายเช่นนี้เหมือนมีไม่รู้จักหมดสิ้น นี่มันเรื่องบ้าบอชัดๆ
!
เมื่อเผชิญหน้ากับฉิงเฟิงที่ดูเหมือนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังตลอดเวลากู่เจี้ยนหลงก็หน้าซีดด้วยความโกรธเกรี้ยว
ในขณะนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่าเทคนิคการบ่มเพาะของหลี่ฉิงเฟิงต้องไม่สามัญธรรมดามันสามารถฟื้นฟูลมปราณได้อย่างรวดเร็ว
ฉิงเฟิงโหดเหี้ยมกับคนเลวแม้จะต้องซ้ำตอนล้มก็ตามหลังจากเห็นว่ากู่เจี้ยนหลงได้รับบาดเจ็บ เขาก็ฟาดกระบี่อย่างโหดเหี้ยมดุดันออกไปอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาหมายจะบั่นศีรษะของกู่เจี้ยนหลงให้ขาดสะบั้น
หวือ
!
ทันใดนั้นเองก็มีอาวุธลับบินออกมาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำลาวายิงใส่ร่างกายของฉิงเฟิงอย่างรุนแรง
แม่งเอ้ย! แกช่างกล้านักที่ลอบโจมตีฉันอีกคน การแสดงออกทางสีหน้าของฉิงเฟิงแปรเปลี่ยนไป สัมผัสแห่งความโกรธพาดผ่านดวงตาของเขา เป็นเฮลคิงนั่นเองที่ซัดอาวุธลับใส่เขาในจังหวะสำคัญเช่นนี้ เขาลอบโจมตีฉิงเฟิงในขณะที่เขากำลังจะสังหารกู่เจี้ยนหลงอย่างไม่คาดฝัน