มีเพียงฉิงเฟิงคนเดียวที่ยืนอยู่ในขณะที่คนอื่นๆทั้งหมดต่างล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้แค่เพียงว่าถ้าหากฉิงเฟิงคิดจะทำอะไรขึ้นมา พวกเขาทำได้แค่รับชะตากรรม ความโลภเป็นบาปและทุกคนย่อมต้องชดใช้ต่อความโลภของตัวเอง เห็นได้ชัดว่ายาเม็ดเหนือสวรรค์เป็นของล้ำค่า แต่ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ยาล้ำค่าจำนวนมากขนาดนี้จะวางอยู่เฉยๆโดยไม่ได้ซ่อนกับดักเอาไว้ โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆหรือหล่นมาจากฟ้า
หลี่ฉิงเฟิงทำไมแกไม่เป็นอะไรเลยวะ ! ลั่วเทียนเฮาจ้องไปที่ฉิงเฟิงและถามด้วยความประหลาดใจ ทุกคนในที่นี้รวมไปถึงลั่วหนี่ชิงต่างก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ในขณะที่ฉิงเฟิงไม่เป็นอะไรเลย ลั่วเทียนเฮารู้สึกสับสนมากเพราะเขาเพิ่งจะหัวเราะเยาะฉิงเฟิงเมื่อสักครู่ หึฉันจำได้ว่าแกเรียกฉันว่าไอ้โง่ ฉันขอคืนคำนั้นให้แกก็แล้วกันนะ เจ้าโง่
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มเยาะเย้ย
ใบหน้าของลั่วเทียนเฮาเปลี่ยนไปและมืดครึ้มลงหลังจากถูกฉิงเฟิงด่าว่าโง่ในที่สาธารณะเขาโกรธมากและอยากจะด่าทอฉิงเฟิง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดในทันที เพราะตอนนี้เรานอนหมดสภาพส่วนฉิงเฟิงเป็นคนเดียวที่ยังแข็งแรงดี ถ้าหากฉิงเฟิงเจตนาไม่ดี แค่สะบัดมือก็ฆ่าเขาได้แล้ว
วูฟคิงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลั่วหนี่ชิงถาม ร่องรอยแห่งความตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเธอ
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า มีบางอย่างอยู่ในยาเหนือสวรรค์ ปรมาจารย์กับดักใช้ทริคเล็กน้อยเคลือบมันด้วยอะไรบางอย่าง ไม่สิ มันไม่เหมาะที่จะเรียกว่าทริค มันควรจะเป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่มีผลในการสลายพลัง
สมุนไพรสลายพลัง ใบหน้าของลั่วหนี่ชิงเปลี่ยนไปเมื่อเธอได้ยินชื่อสมุนไพร ในฐานะที่เป็นคุณหนูแห่งตระกูลลั่ว เธอรู้จักสมุนไพรจำพวกนี้ดี
สมุนไพรสลายพลังก็มีคุณสมบัติเหมือนชื่อของมันสมุนไพรประเภทนี้หาได้ยากมาก ไม่คาดคิดว่าจะปรากฏที่นี่ สมแล้วที่เป็นสุสานแห่งราชายาทิพย์
สมุนไพรสลายพลังไม่ได้ทำให้พลังสลายไปจริงๆแต่มีผลแค่เพียงชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งระยะเวลาของมันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนยาเหนือสวรรค์ที่กินเข้าไป ใครกินมากก็ฟื้นตัวช้า ใครกินน้อยก็ฟื้นตัวเร็ว
ถ้ามันเป็นเพียงแค่สมุนไพรสลายพลังก็ไม่เป็นไรนั่งรอสักพักพอมันหมดฤทธิ์พวกเราก็จะหายเอง มีบางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงปลอบใจ
มีทั้งคนคิดในแง่บวกและแง่ลบอยู่เสมอเหลิงเสวี่ย เฮลคิง เจียงไป่เต๋าและถังหยุนเริ่มรู้สึกกังวล ตอนนี้พวกเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและหลี่ฉิงเฟิงเป็นคนเดียวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ฉิงเฟิงจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่เพราะพวกเขาเป็นศัตรูกัน
บ้าเอ้ย
!
ถ้าข้ารู้แต่แรกข้าจะไม่กินมันลงไปหรอกข้ามันโง่นัก
!
เหลิงเสวี่ยคิดในใจด้วยใบหน้าที่มืดมนเขารู้สึกเสียใจมากจนอยากตบหน้าตัวเอง เพียงแค่คิดว่านายน้อยแห่งนิกายโลหิตสีชาด และเป็นถึงอันดับหนึ่งในรายชื่อขั้นเหนือสวรรค์ แม้แต่เขายังด่าตัวเองว่าโง่ ทำให้รู้ได้เลยว่าเขารู้สึกสมเพชตัวเองขนาดไหน
สิ่งที่เหลิงเสวี่ยและคนอื่นๆทำราวกับคำพังเพยที่ว่ายกหินหล่นใส่เท้าตัวเองเจตนาของเหลิงเสวี่ยคือต้องการใช้ยาเหนือสวรรค์ทะลวงผ่านขอบเขตพลังเพื่อใช้ในการฆ่าฉิงเฟิง แต่ตอนนี้เขากลับต้องสูญเสียพละกำลังทั้งหมดไป เขาเป็นเหมือนลูกแกะที่รอถูกเชือด
ฉิงเฟิงยืนอยู่กับที่เฝ้ามองพวกเขาเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่เย้ยหยันด้วยรอยยิ้มในดวงตา ตอนนี้เขาเป็นดั่งราชาแล้ว คนเหล่านี้ทำได้เพียงรอความตาย เขาจะทำอะไรกับใครก็ได้ตามที่เขาต้องการ
เอาล่ะเหลิงเสวี่ย เฮลคิง เจียงไป่เต๋า ถังหยุน พวกแกทั้งหมดคือศัตรูของฉัน ไหนว่ามาซิ อยากจะให้ฉันฆ่าใครก่อนเป็นคนแรก ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกจนทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่น
ทันใดนั้นเองเสียงร้องโหยหวนเจื้อยแจ้วดังขึ้นมา
เลือด…..กลิ่นคาวเลือดที่น่าอร่อย ข้าชอบ…
เสียงนี้คมชัดและพิลึกมากมันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหยาบกระด้าง ฟุ่บ!
ชายลึกลับผู้หนึ่งในชุดคลุมยาวสีแดงใช้ปลายเท้าเหยียบย่างไปบนโซ่เหล็กเขาเหินร่างข้ามแม่น้ำลาวา เขาบินได้จริงๆ !
คนที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีแดงผู้นี้แม้ไม่ได้บินไปไกลนักเพียงแค่หลายสิบเมตรแต่มันก็นับได้ว่าเขาลอยอยู่บนอากาศได้จริงๆ บินบนอากาศเป็นความสามารถของยอดยุทธ์ระดับแกรนด์มาสเตอร์ หรือว่าคนที่อยู่ในเสื้อคลุมสีแดงผู้นี้คือแกรนด์มาสเตอร์หรือ
ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปอย่างมากสัมผัสแห่งความตกใจพุ่งผ่านดวงตาของเขา ไม่ต้องพูดถึงแค่ฉิงเฟิง แม้แต่เหล่าคนที่กองอยู่บนพื้นต่างก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาทำหน้าราวกับเห็นผี พวกเขาเข้ามาในสุสานแกรนด์มาสเตอร์นานแล้วแต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ตัวเลยว่าชายผู้นี้ลอบติดตามมา !
ไม่สินี่ไม่ถูกต้อง ชายลึกลับผู้นี้ไม่ใช่แกรนด์มาสเตอร์ เพราะถ้าเป็นแกรนด์มาสเตอร์ที่แท้จริงจะต้องสามารถบินได้โดยไม่ต้องเหยียบบนโซ่เหล็ก ในความเป็นจริงเขาต้องเหยียบย่ำโซ่เหล็กก่อนที่เขาจะบินข้ามแม่น้ำลาวา ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ ชายผู้นี้มีระดับพลังครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ ?
ใบหน้าของทุกคนในที่นี้ต่างก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขานั้นบรรลุแค่ขั้นสูงสุดเหนือสวรรค์ ไม่มีใครในที่นี้สามารถเอาชนะชายลึกลับผู้นี้ได้ นอกจากนี้เขายังดูอันตรายมากอีกด้วย
ชายในชุดเสื้อคลุมแดงนั้นตัวสูงและแข็งแรงมากเขาสูงประมาณ 1.8 เมตรและสวมผ้าคลุมแดง ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเลือด ดวงตาดูกระหายเลือด ด้วยคิ้วและผมที่ปกคลุมหน้า เขาเปล่งกลิ่นอายที่ชั่วร้ายออกมา
ยามที่เขาเหินลงบนปราสาทเขาก็พบเลือดนองเจิ่งไปทั่วพื้น เขาอ้าปากและสูบเลือดทั้งหมดเข้าไปในปากของเขา เลือดเหล่านี้เป็นของบรรดาสาวกนิกายโลหิตสีชาดตำหนักโกสคิงและสมาคมนักฆ่ารัสเซียที่ถูกฉิงเฟิงล้างสังหารไปเมื่อครู่
ปะปีศาจ ! นี่มันปีศาจ !! เมื่อได้เห็นภาพนี้ทุกคนก็จ้องไปที่ชายชุดคลุมแดงด้วยความสยดสยอง ชายลึกลับคนนี้น่าหวาดกลัวกว่าหลี่ฉิงเฟิงเสียอีก เขาดื่มเลือดสด !
อ่าฮ่า ! เลือด.. อร่อยเหลือเกิน ข้าชอบบบบ ! ชายชุดคลุมแดงแลบลิ้นออกมาเลียเลือดที่เลอะเปรอะเปื้อนริมฝีปากของเขา ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่กระหายเลือดและบ้าคลั่ง
แต่ข้าชอบเลือดของคนที่ยังมีชีวิตมากกว่า ชายชุดคลุมแดงยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาเหยียดมือออกไปคว้าตัวสาวกตระกูลเจียงที่อยู่ใกล้ๆเข้ามา
มะไม่ ! อย่า อย่าดูดเลือดของฉัน อย่าๆๆ สาวกตระกูลเจียงหน้าซีดเผือดไร้สีสันและร่ำร้องขอความเมตตาออกมา
ฮ่าห์
!! ชายชุดคลุมแดงไม่สนคำวิงวอนเขากัดคอของสาวกตระกูลเจียงในทันที หลังจากนั้นไม่นาน เลือดของสาวกตระกูลเจียงผู้โชคร้ายก็ถูกดูดจนหมดกลายเป็นซากมัมมี่ที่แห้งเหี่ยวและล้มระทวยลงบนพื้น
ในขณะนี้ทุกคนต่างก็สั่นสะท้านพวกเขามองไปที่ชายชุดคลุมแดงด้วยรูปลักษณ์ที่หวาดกลัว
รูม่านตาของฉิงเฟิงหดเล็กลงในทันทีเขาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าชายคนชุดคลุมแดงผู้นี้จะดูชั่วร้ายราวกับอสูรกาย แต่เขาก็อยู่ในระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ !
โฮ่ มีสาวงามถึงสองคน ! ข้าชอบ ข้าชอบเลือดของสาวงามที่สุด เมื่อได้เห็นความงามของลั่วหนี่ชิงและฉินเซียนจื่อ ใบหน้าของชายชุดคลุมแดงก็เปลี่ยนไปเป็นความรื่นรมย์ ความตื่นเต้นเร้าอารมณ์และความกระหายเลือดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา