ท่านปู่หลี่คิงคองผู้นี้ไม่เคยแม้แต่จะคิดทอดทิ้งคุณ ชีวิตของผมเป็นของคุณมาตั้งแต่แรก ต่อให้ผมตายวิญญาณของผมก็จะเป็นของคุณเช่นกัน ! เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิง คิงคองก็ตะโกนออกมาด้วยความมุ่งมั่น
คิงคองรู้ตัวว่าเขาเป็นหนี้ฉิงเฟิงมาโดยตลอดถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายคนนี้ของเขา เขาคงถูกฆ่าด้วยกองกำลังอื่นๆในเมืองตงไห่ไปนานแล้ว ในใจของคิงคองฉิงเฟิงไม่ได้เป็นแค่เพียงพระเจ้านั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ช่วยชีวิตของเขาอีกด้วย ถ้าหากฉิงเฟิงบอกให้เขากระโดดตึกตายเขาก็จะทำโดยไม่ลังเล
ได้ฟังคำพูดของคิงคองฉิงเฟิงก็รู้สึกจับใจมาก เขามองคนไม่ผิดเลย พี่น้องคนนี้ไม่เคยทอดทิ้งเขาแม้แต่ในตอนนี้ที่คับขันที่สุด
คิงคองฉันสัญญากับนาย ตราบเท่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่นายจะไม่ตาย รวมถึงพี่น้องคนอื่นๆในสมาพันธ์ฉิงเฟิงอีกด้วย ! ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับแตะไหล่คิงคอง
ในขณะนี้หัวใจฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเขายังต้องแบกรับภาระที่หนักขึ้นและรู้ว่าจะต้องทำอะไร เขาไม่เพียงแค่จะต้องปกป้องหลินเสวี่ย,คนรักและมิตรสหาย แต่เขายังต้องปกป้องพี่น้องในสมาพันธ์ฉิงเฟิงบนภูเขาแห่งนี้อีกด้วย
ฉิงเฟิงเลือกที่จะท้าทายโลกเพื่อหลินเสวี่ยแต่เป็นคิงคองที่ต้องมาแบกรับผลจากการกระทำของเขา ทางเลือกของคิงคองทำให้หัวใจของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความซาบซึ้ง
ฉิงเฟิงเดินไปที่ศพของลั่วเฟิงเตี๋ยฮงโพและกู่เต๋า จากนั้นก็เริ่มค้นไปทั่วร่างกายของพวกเขาและพบตำรายุทธ์ 3 เล่ม
วิชาในตำราทั้งสามเล่มนี้คือวิชาในระดับแกรนด์มาสเตอร์และทรงพลังมากหากฝึกสำเร็จแต่น่าเสียดายที่ชายทั้งสามคนนี้ฝึกไม่สำเร็จ มิฉะนั้นพวกเขาคงจะไม่พ่ายแพ้ฉิงเฟิงอย่างง่ายดายเช่นนี้
ด้วยตำรายุทธ์ที่อยู่ในมือฉิงเฟิงก็เริ่มมีความคิดบางอย่าง เขากำลังคิดที่จะให้คนรอบตัวได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์โบราณ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องผู้คนรอบตัวเขา นอกจากนี้ยังเป็นวิธีเดียวที่จะเอาชนะเหล่าศัตรูที่ทรงพลังของเขาอีกด้วย
แน่นอนว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งมากแต่เขาก็มีศัตรูมากมายและศัตรูเหล่านี้ต่างก็ทรงพลัง วันนี้เขาสามารถเอาชนะสามคนได้อย่างง่ายดายก็จริงแต่ถ้าวันหนึ่งกลายเป็นสิบคนหรือแม้แต่ร้อยคนละ ฉิงเฟิงไม่เกรงกลัวก็จริงแต่คนรอบข้างเขาจะทำอย่างไร ?
ราชาอสูรเทียนหมิงฉันมีความคิดที่จะสอนทุกคนเกี่ยวกับการฝึกวิทยายุทธโบราณ คุณคิดว่าไง ฉิงเฟิงกล่าวหลังจากขบคิดอยู่พักหนึ่ง
นายน้อยขอรับในการฝึกยุทธ์ อันดับแรกเลยคนผู้นั้นจะต้องมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถแบบพวกเรา
คุณกำลังบอกว่าไม่ใช่ใครก็ได้ถึงจะฝึกยุทธ์ได้สินะ
ใช่แล้วขอรับการฝึกยุทธ์ต้องมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติและมีรากฐานที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยที่สุดคนผู้นั้นจะต้องมีร่างกายที่เหมาะสม
เข้าใจละนี่ไม่ใช่ปัญหา ฉันไม่ได้ต้องการให้ทุกคนฝึกหรอก เพียงแค่คนรอบข้างไม่กี่คนรวมไปถึงทีมเขี้ยวหมาป่า คิงคองและอื่นๆอีกเล็กน้อย พวกเขามีพื้นฐานที่เหมาะสม ฉิงเฟิงกล่าวความคิดของเขาออกมาดังๆและยิ้มเล็กน้อย
ราชาอสูรเทียนหมิงพยักหน้าและให้คำแนะนำแก่ฉิงเฟิงเพื่อดำเนินการต่อสมาชิกของทีมเขี้ยวหมาป่าซึ่งทุกคนในทีมของฉิงเฟิงนั้นต่างก็เป็นนักสู้ระดับ SSS ดังนั้นคงไม่มีปัญหาในการฝึกฝนวิทยายุทธ์มากนัก
ส่วนคิงคองนั้นสามารถฝึกได้เนื่องจากเขามีร่างกายกำยำอย่างเหมาะสมแต่สมาชิกทั่วไปที่อยู่บนเขานี้ต่างก็ไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากประการแรกพวกเขาไม่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ประการที่สองพวกเขาไม่ได้มีร่างกายที่เหมาะแก่การฝึก
ฉิงเฟิงเรียกคิงคองให้เข้ามาหาและกล่าวว่า คิงคอง นายติดตามฉันมาเป็นเวลานานแล้ว รับตำรานี้ไปฝึกฝนซะ มันเหมาะกับนาย
ท่านปู่หลี่ครับนี่มันตำราระดับแกรนด์มาสเตอร์นี่ครับ ผม… ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก
ถึงแม้ว่าคิงคองจะอยากได้แต่เขาก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ
ตอนนี้คิงคองได้ตระหนักและรับรู้ถึงตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณแล้วผ่านการสนทนากับฉิงเฟิงเขารู้ว่านี่เป็นโลกที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาเคยรู้จัก
แกรนด์มาสเตอร์คืออะไร มันคือเหล่าคนที่บรรลุในศาสตร์จนถึงระดับปรมาจารย์ เป็นตัวตนที่สูงที่สุดของเหล่านักสู้และผู้ฝึกยุทธ์ ทั่วทั้งหัวเซี่ยมีประชากรนับพันๆล้านคน แต่มีเพียงแค่ 81 คนเท่านั้นที่ได้ฝึกสำเร็จจนอยู่ในระดับแกรนด์มาสเตอร์ เทียบอัตราส่วนแล้วนับว่าหาได้ยากยิ่ง อีกทั้งจำนวนของตำราฝึกฝนระดับแกรนด์มาสเตอร์นั้นก็หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
คิงคองจำที่ฉันเคยพูดกับนายไว้ได้ไหม ฉันบอกว่านายจะไม่มีวันผิดหวังที่เลือกติดตามฉัน รับไปซะ นี่คือของขวัญสำหรับนาย ฉิงเฟิงยัดตำราใส่มือของคิงคองโดยไม่ลังเล
ขอบคุณครับท่านปู่หลี่ คิงคองกล่าวพร้อมกับคุกเข่าลงด้วยความซาบซึ้ง
ฉิงเฟิงไม่เพียงแต่จะมอบตำราฝึกฝนระดับแกรนด์มาสเตอร์ที่ล้ำค่าให้เขาแต่ยังเป็นผู้เปิดประตูสู่โลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณให้แก่เขาอีกด้วย นับจากนี้อนาคตของเขาจะยิ่งสดใสมากขึ้น
ฉิงเฟิงพยุงคิงคองให้ยืนขึ้นและหันศีรษะไปกล่าวกับราชาอสูรเทียนหมิงว่า คุณพักอยู่ที่นี่ไปก่อนสักระยะ ฉันมีสองเรื่องให้คุณช่วย อย่างแรกฝึกฝนคิงคองให้ตัดผ่านจากนักสู้ไปเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือคอยปกป้องที่นี่ไว้ ถ้าหากมีใครมาท้าทายฉันให้โทรเรียกฉันทันที
รับทราบขอรับนายน้อย ราชาอสูรเทียนหมิงกล่าวรับคำด้วยความเคารพ
ฉิงเฟิงไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตลอดไปแต่ศัตรูของเขาจะต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน นี่เป็นเหตุผลที่เขาขอให้ราชาอสูรเทียนหมิงอยู่ที่นี่ไปก่อน
หลังจากจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จสิ้นแล้วฉิงเฟิงก็ลงจากเขาและกลับไปที่โรงพยาบาล
เมื่อเขามาถึงก็ได้เห็นความวุ่นวายอลหม่านมีผู้คนจำนวนมากมาอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลและส่งเสียงดังมาก ทำให้ฉิงเฟิงรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจเนื่องจากเสียงดังเหล่านี้จะทำให้รบกวนการพักผ่อนของหลินเสวี่ย
อาจารย์ใหญ่จางมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉิงเฟิงถามจางเหมียวชุนด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นการมาถึงของฉิงเฟิงจางเหมียวชุนก็รู้สึกราวกับว่าได้เห็นผู้ช่วยชีวิตของเขา เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า ฉิงเฟิง ดีเลยที่เธอมาถึงพอดี นี่เธอได้ไปทำร้ายคนที่ชื่อว่าเย่เฮาหรือเปล่า
ใช่ผมทำร้ายเย่เฮาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้
เธอเห็นหัวหน้ากลุ่มนั้นไหม ผู้หญิงวัยกลางคนๆนั้นน่ะ หล่อนเป็นแม่ของเย่เฮาและยังเป็นภรรยาของประธานสมาคมแพทย์หัวเซี่ย เธอบอกให้ทางโรงพยาบาลมอบตัวเธอออกมา
ตลกดีนะลูกชายของหล่อนเป็นคนไล่หลินเสวี่ยออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ ฉันแค่ทุบตีมันสั่งสอนเล็กน้อยไม่ถึงตาย นี่ให้แม่มาหาเรื่องฉันอีกงั้นหรือ ฉิงเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
ฉิงเฟิงเดินตรงดิ่งเข้าไปหาฝูงคนที่กำลังเอะอะโวยวายคนกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยผู้คนนับสิบคนจากโรงพยาบาลประชาชน หัวหน้ากลุ่มเป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ถึงแม้ว่าเธอจะอายุราวๆสี่สิบปีแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังดูสวยอยู่ ใบหน้าของเธอยังคงเรียบเนียนและดูนุ่มนวล
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงซึ่งมีราคาอย่างน้อยก็หลายหมื่นหยวนในมือของเธอถือ Hermes และบนข้อมือของเธอสวมนาฬิการาคาแพงมูลค่านับแสนหยวน การแต่งตัวของเธอเพียงมองผ่านๆก็ดูออกว่าร่ำรวย ชื่อของเธอคือจางหม่านหลี เธอเป็นภรรยาของเย่หยุนซันประธานสมาคมแพทย์แห่งหัวเซี่ยและยังเป็นแม่ของเย่เฮาที่ฉิงเฟิงเพิ่งทุบตีไป เธอมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายของเธอ