หลี่ฉิงเฟิงข้าคือกู่เต๋า จงออกมารับความตายเสียแต่โดยดี ! เสียงนี้ดังมาก มันดังจนแม้แต่ฉิงเฟิงที่อยู่ภายในคฤหาสน์ก็ยังได้ยิน
ใบหน้าของฉิงเฟิงมืดครึ้มลงความจริงที่ว่ายอดฝีมือตระกูลกู่ตะโกนเรียกเขาอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกโกรธกริ้ว คนผู้นี้โอหังเกินไปแล้ว !
ฉิงเฟิงไม่ใช่พวกไก่อ่อนในเมื่อศัตรูมาเยือนถึงถิ่น เขาก็จะไม่หลีกเลี่ยงการต่อสู้
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจุดมุ่งหมายของเขาที่เดินทางมายังภูเขา Lone ก็คือรอคอยการมาเยือนของพวกมัน เขาจะฆ่าพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวและตอนนี้ก็มีมาหนึ่งคนแล้ว
ฉิงเฟิงเดินออกจากคฤหาสน์และยืนอยู่บนยอดเขาเขาตะโกนกลับลงไปที่เชิงเขา ท่านปู่ของแกอยู่ที่นี่ ถ้าแกกล้าก็ขึ้นมาวัดกัน !
เสียงของฉิงเฟิงดังขึ้นมันไม่เพียงแค่กระจายออกไปทั่วภูเขาแต่ก็ยังทำให้เหล่าสปายที่หลบซ่อนอยู่รอบๆต่างก็ได้ยินเช่นเดียวกัน
โอ้ว! หมอนี่อีโก้สูงไม่เบา กล้าเรียกตัวเองว่าท่านปู่ต่อหน้ายอดยุทธ์ระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์เสียด้วย
เฮ้อคนหนุ่มมักไฟแรงและอายุสั้น กู่เต๋าเป็นถึง 1 ใน 81 แกรนด์มาสเตอร์สายดั้งเดิม เขามีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน เขาทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง
ใช่แล้วข้าก็เคยได้ยินที่เขาร่ำลือกันว่าชายผู้นี้แทบไม่เคยพ่ายแก่ผู้ใด มีครั้งเดียวคือการที่เขาแพ้ต่อราชันผู้พิชิต นอกนั้นไม่เคยมีข่าวว่าเขาแพ้ใครมาก่อน
หลี่ฉิงเฟิงคงจบแล้วกู่เต๋าจะแยกร่างเขาเป็นสองส่วน ผู้คนรอบข้างเริ่มซุบซิบกันเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของพวกเขาที่มีต่อกู่เต๋าและเยาะเย้ยถากถางฉิงเฟิงเมื่อเหล่าสมาพันธ์ฉิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ต่างก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำที่เจ้านายของพวกเขาโดนดูหมิ่นเหยียดหยาม พวกเขาคิดที่จะกรูกันเข้าไปตั้นหน้าคนเหล่านี้ แต่พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือและเข้มแข็งกว่าพวกเขามากมาย ดังนั้นเหล่าสมาชิกของสมาพันธ์ฉิงเฟิงจึงทำได้เพียงข่มความโกรธไว้ในใจของพวกเขา
เมื่อได้ยินฉิงเฟิงกล่าวว่าเขาคือท่านปู่ใบหน้าของกู่เต๋าก็กลายเป็นสีเข้มด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาส่องสว่างไปด้วยประกายเย็นเฉียบ เขามีอายุมากกว่าฉิงเฟิงถึง 20 ปี พอที่จะนับได้ว่าเป็นลุงของฉิงเฟิงด้วยซ้ำ พอได้ยินว่าฉิงเฟิงเรียกตัวเองว่าท่านปู่ กู่เต๋าก็โกรธเกรี้ยวจนปอดแทบจะระเบิด
หลี่ฉิงเฟิงไอ้เด็กน้อย แกกล้าดูถูกข้า ข้าจะฆ่าแก ! ร่างกายของกู่เต๋านั้นใหญ่โตมาก ยามที่เขาโกรธคิ้วดกหนาของเขาก็ขยับขึ้นและลง ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูดุร้ายอหังการมากขึ้น
ตูม!!
กู่เต๋าส่งผ่านพลังไปที่เท้าขวาเพื่อผลักตัวเองให้บินขึ้นไปบนยอดเขา
แน่นอนว่ายอดยุทธ์ระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์นั้นไม่สามารถบินได้จริงๆแต่พวกเขานั้นเดินบนอากาศได้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือใช้แท่นเหยียบเล็กๆน้อยๆเช่นก้อนหินหรือใบไม้เพื่อส่งผ่านลมปราณไปที่ปลายนิ้วเท้าช่วยในการเหินร่างขึ้นไปบนฟ้า
กู่เต๋ารวดเร็วมากทุกๆย่างก้าวของเขาได้ป่นทำลายหินแข็งจนแตกเป็นเสี่ยงๆและมาถึงยอดเขาในเวลาไม่กี่วินาที
ในขณะนี้ฉิงเฟิงยืนตระหง่านเอามือไขว้หลังโดยมีราชาอสูรเทียนหมิงยืนอยู่เคียงข้างเขาและเฝ้าดูกู่เต๋าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายเย็นเฉียบ
หลี่ฉิงเฟิงแกกล้าลงมือฆ่านายน้อยคนสำคัญของพวกเรา กู่เจี้ยนหลง วันนี้ข้าจะตัดหัวแกไปเซ่นสรวงวิญญาณของนายน้อย ! กู่เต๋าแสยะยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ลุงทำไมลุงถึงพกความมั่นใจมามากขนาดนี้ทั้งๆที่เป็นแค่นักสู้ระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์ รีบตายเหรอ ? ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยคำพูดเย้ยหยัน
ตัวฉิงเฟิงเองก็อยู่ในระดับครึ่งก้าวเช่นกันหากอยู่ภายในขอบเขตเดียวกัน เขานั้นไร้เทียมทาน เขาไม่ได้รู้สึกกดดันต่อกลิ่นอายที่รุนแรงของกู่เต๋าแม้แต่น้อย
ฮ่าไอ้เด็กน้อย แกมันช่างโอหังนัก ระวังจะตายเร็วแบบไม่รู้ตัว ข้าจะใช้ดาบใหญ่ตัดหัวแกเดี๋ยวนี้ละ กู่เต๋าหัวเราะอย่างเย็นชา เขาชักดาบออกมาและเดินไปหาฉิงเฟิง
ดาบใหญ่เล่มนี้ยาวหนึ่งเมตรแต่กว้างมากมันกว้างพอที่จะวางนิ้วทั้งห้านิ้วได้พอดีซึ่งกว้างกว่าดาบปกติ ตัวดาบเป็นสีดำทมิฬและทำมาจากหินสะเก็ดดาวชั้นเลิศ มันไม่เพียงแค่ดูทรงพลัง แต่มันยังแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย
นายน้อยกู่เต๋าก็แค่งั้นๆ ให้ข้าน้อยรับมือแทนเถอะ ราชาอสูรเทียนหมิงกล่าวด้วยความเคารพและโค้งคำนับให้ฉิงเฟิง ในฐานะผู้รับใช้ของฉิงเฟิง หน้าที่หลักของเขาคือการขจัดเสี้ยนหนามให้แก่นายน้อย หลังจากที่นายน้อยปลุกพลังสายเลือดให้เขา เขาก็ยังไม่ได้แสดงความขอบคุณอย่างถูกต้อง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเขาแล้วที่จะพิสูจน์ความสามารถตัวเอง
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า เอาเถอะ ลุงคนนี้ยกให้คุณจัดการ
ฉิงเฟิงมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในพลังของราชาอสูรเทียนหมิงอย่างไรก็ตาม เขาเคยเป็นถึงยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์เมื่อ 15 ปีก่อน ถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะลดลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่วันนี้ฉิงเฟิงก็ปลุกพลังและช่วยผลักดันให้เขาก้าวไปถึงระดับครึ่งก้าวแกรนด์มาสเตอร์อีกครั้งความสามารถของเขาในตอนนี้สมควรจะไม่ด้อยกว่ากู่เต๋า
แต่สิ่งที่ทำให้ราชาอสูรเทียนหมิงมีข้อได้เปรียบและแตกต่างจากกู่เต๋าก็คือประสบการณ์ในการฝึกวิชาระดับแกรนด์มาสเตอร์อีกทั้งเขายังเคยผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วน
เจ้าเป็นใคร ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าหลี่ฉิงเฟิง เจ้าจงถอยไปซะ ! เมื่อเห็นคนอื่นออกหน้ามาขอต่อสู้แทนฉิงเฟิง ใบหน้าของกู่เต๋าก็มืดครึ้มลง คิ้วดกหนาของเขาขมวดแน่นเผยให้เห็นร่องรอยแห่งความโกรธ
กู่เต๋าพวกเราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่บางทีเจ้าน่าจะเคยได้ยินนามของข้า ข้าคือจ้าวนิกายชะตาฟ้า หรืออีกนามหนึ่ง ราชาอสูรเทียนหมิง อสูรตนที่ 9 ภายใต้ราชันผู้พิชิต
อะไรนะ เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าคือราชาอสูรเทียนหมิงผู้ติดตามของราชันผู้พิชิตที่ช่วยเขาพิชิตทั้งสิบแปดจังหวัดในภาคเหนือของหัวเซี่ยเมื่อสิบห้าปีก่อนงั้นรึ ? ถูกต้องคนที่เจ้าพูดถึงนั่นน่าจะเป็นข้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ท่าทางของกู่เต๋าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันราชันผู้พิชิตเคยล้มเขาเมื่อ 15 ปีก่อน ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับพลังอำนาจของราชันผู้พิชิตเป็นอย่าง ยอดฝีมือผู้นี้มีราชาอสูรทั้งสิบตนเป็นลูกน้องที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกาย พวกเขาแต่ละคนต่างก็โหดเหี้ยมไร้ความปรานี
เพ้ย! ข้าไม่สนเรื่องตัวตนของเจ้าหรอก ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าหลี่ฉิงเฟิงเท่านั้น กู่เต๋าสบถออกมา ถึงแม้ว่าราชาอสูรเทียนหมิงจะเป็นที่โด่งดังมาก่อน แต่ยามนี้กู่เต๋าก็ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อยเพราะเขารู้เรื่องอาการบาดเจ็บที่ผ่านมาของราชาอสูรเทียนหมิง เขาไม่ได้ทรงพลังในระดับแกรนด์มาสเตอร์อย่างเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว
ราชาอสูรเทียนหมิงหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวอย่างภาคภูมิว่า เจ้ายังไม่คู่ควรจะประมือกับนายน้อยหรอก ผ่านข้าไปก่อนก็แล้วกัน การแสดงออกของกู่เต๋าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเขารู้สึกโกรธกริ้วจากคำพูดดูหมิ่นของราชาอสูรเทียนหมิงเป็นอย่างมาก
ฮ่าห์
!!
ทันใดนั้นเองกู่เต๋าก็เหยียดมือขวาออกมาและคว้าดาบใหญ่ของเขาเขารวบรวมลมปราณและส่งผ่านไปหามัน จากนั้นก็เหวี่ยงดาบเข้าหาราชาอสูรเทียนหมิงอย่างดุดัน การโจมตีครั้งนี้ทรงพลังอย่างมาก มันฉีกขาดอากาศรอบๆออกเป็นชิ้นๆในทันทีและสร้างแรงกระเพื่อมขึ้นบนชั้นบรรยากาศ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งกระจายออกไปทั่วทิศทางและผลักสมาชิกของสมาพันธ์ฉิงเฟิงจนกระเด็นออกไป
อย่างไรก็ตามราชาอสูรเทียนหมิงก็ยังคงสงบและไม่มีร่องรอยแห่งความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขาก้าวหนักๆลงบนพื้นและกระโดดขึ้นไปบนอากาศ หลบการโจมตีที่ดุดันนี้ได้ในทันที ราชาอสูรเทียนหมิงได้เปิดใช้งานพลังสายเลือดแมวดำของเขาส่งผลให้ความคล่องตัวของเขาเพิ่มขึ้นสูงอย่างมากจนสามารถหลบดาบใหญ่ของกู่เต๋าได้อย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ดาบใหญ่ของกู่เต๋าพลาดเป้าและปราณดาบนั้นกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังของราชาอสูรเทียนหมิงจนแยกต้นไม้สูงสิบเมตรออกเป็นสองซีกและโค่นลงกับพื้นในทันทีผลกระทบนั้นก่อให้เกิดเสียงดังก้องขึ้นในชั้นบรรยากาศโดยมีฝุ่นละอองและควันพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน
ฉิงเฟิงนั้นยืนอยู่ใกล้ๆชายทั้งสองคนและเฝ้าดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างเงียบๆเขาไม่ได้มีส่วนร่วมเพราะอยากจะเห็นพลังของราชาอสูรเทียนหมิง
ฉิงเฟิงนั้นอยู่เงียบๆแต่มีสองคนกลับทำลายความเงียบนี้ขึ้น ทันใดนั้นเอง เสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอีกสองเสียงก็ดังขึ้น
ข้าคือลั่วเฟิงจากตระกูลลั่วแห่งเมืองเทียนจิงหลี่ฉิงเฟิง เจ้าจงออกมาและคุกเข่ารอคอยความตายของเจ้า น้ำเสียงนี้แฝงไปด้วยความหยิ่งยะโสโอหังยิ่งกว่ากู่เต๋าเสียอีก เขาเรียกร้องให้ฉิงเฟิงคุกเข่า
หลังจากเสียงของลั่วเฟิงก็มีอีกเสียงที่ดังกังวานยิ่งกว่าดังขึ้น ข้าคืออาวุโสแห่งนิกายหมัดเหล็ก เตี๋ยฮงโพ หลี่ฉิงเฟิง เจ้าจงยอมจำนนซะและตามข้ากลับไปที่นิกายหมัดเหล็กเสียแต่โดยดี ! ท่านจ้าวนิกายต้องการจับเจ้าแช่ในกะทะร้อน