เมื่อได้ยินฉิงเฟิงร้องเพลงหลินเสวี่ยก็กลอกตาไปมา เธอจ้องหน้าเขาอย่างไร้คำพูดและหันหน้าหนีไม่สนใจเขาอีกต่อไป
คิกๆ~
นางพยาบาลสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักออกต่อเพลงของเขา
ผู้ชายคนนี้ตลกจังเขาเปลี่ยนเนื้อเพลง ‘เพียงแม่เท่านั้นที่ดีที่สุดในโลก’ ไปเป็น ‘เพียงภรรยาเท่านั้นที่ดีที่สุดในโลก’ เพื่อทำให้ภรรยาของเขามีความสุข
นางพยาบาลสาวสวยคนนี้รู้อย่างแน่ชัดว่าผู้ชายคนนี้จะต้องทำผิดต่อภรรยาของเขาเธอถึงเอาแต่เงียบแต่ไม่ตอบสนอง ตอนนี้เขาจึงหาทางทำให้ภรรยาหัวเราะและให้อภัย
ฉิงเฟิงรู้สึกผิดหวังเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการร้องเพลงซึ่งทำให้พยาบาลสาวหัวเราะชอบใจ แต่มันกลับไม่มีผลต่อภรรยาของเขา
เฮ้! มาทางนี้ให้ไวและเตรียมน้ำเกลือให้ภรรยาของฉัน คุณมัวหัวเราะอะไรอยู่
ฉิงเฟิงบ่นนางพยาบาลพร้อมกับขมวดคิ้ว
นางพยาบาลแลบลิ้นให้เขาเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวคำพูดตะคอกของฉิงเฟิง เธอรู้ว่าเขาเป็นคนตลกและแกล้งพูดเท่านั้น จากนั้นเธอก็เดินไปเปลี่ยนน้ำเกลือให้หลินเสวี่ย
หลินเสวี่ยเพียงพูดกับเขาแค่ประโยคเดียวก่อนที่จะไม่สนใจเขาเหมือนเดิมหลังจากได้พยายามมาแล้วหลายวิธี สุดท้ายฉิงเฟิงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินออกจากห้องให้เธอได้พักผ่อน
เมื่อเขาออกจากห้องหลินเสวี่ยเขาก็พบว่าสมาชิกของทีมเขี้ยวหมาป่ากำลังหัวเราะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ยินเพลงเพี้ยนๆของฉิงเฟิงจากนอกห้อง
ซึ่งความจริงก็คือสมาชิกในทีมไม่เคยเห็นฉิงเฟิงร้องเพลงแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการร้องเพลงง้อผู้หญิง
โชคดีที่มีเพียงลู่ซวนจี๋เจ้าโล้นและเทพมรณะเท่านั้นที่ได้ยิน ถ้าหากอลิซอยู่ด้วยเธอคงโมโหหึง
อะไรพวกนายขำบ้าอะไรกัน พวกนายไม่เคยได้ยินบอสผู้นี้ร้องเพลงมาก่อนรึไง ?
ลู่ซวนจี๋กล่าวอย่างไม่หยุดขำว่า บอส ไอ้เคยน่ะเคยได้ยิน แต่มันไม่ใช่แบบนี้อะสิ ผมละอิจฉ้าอิจฉาภรรยาของบอสจังเลยที่สามารถได้ฟังน้ำเสียงไร้เทียมทานของบอสด้วยเพลง ‘เพียงภรรยาเท่านั้นที่ดีที่สุดในโลก’ ฮ่าๆๆๆ
ทันทีที่ลู่ซวนจี๋พูดจบทั้งเจ้าโล้นและเทพมรณะก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง พวกเขาไม่เคยเห็นบอสผู้ยิ่งใหญ่ทำตัวต๊องๆแบบนี้มาก่อน
ฮึ่ม! ขำกันเข้าไปนะ ฉันอุตส่าห์คิดจะสอนวิทยายุทธ์โบราณให้พวกนายแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่อยากฝึก ฉิงเฟิงจ้องตาขวางและกล่าว
อะอะไรนะ
!!
จะถ่ายทอดวิทยายุทธ์โบราณให้พวกเรา
!
ลู่ซวนจี๋และคนอื่นๆใบหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีจนบ้าคลั่ง
พวกเขาได้ทำงานภายใต้ฉิงเฟิงมาเป็นเวลานานและรู้จักกับโลกแห่งมรรคายุทธ์และยอดยุทธ์โบราณแม้ว่าในโลกของคนธรรมดาพวกเขาจะไร้เทียมทาน แต่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณ พวกเขาเป็นเหมือนขนมกรุบ
พวกเขาได้เห็นความสุดยอดของบอสในเชิงยุทธ์หลังจากตัดผ่านจากนักสู้ปุถุชนเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณมาก่อนแล้วบอสของเขาสามารถพิชิตศัตรูมากมายและสังหารคู่ต่อสู้ได้ด้วยหมัดเดียว
ลู่ซวนจี๋เป็นคนแรกที่วิ่งเข้าหาและเขย่าแขนของฉิงเฟิงเหมือนแฟนกำลังอ้อนให้ซื้อของเขากล่าวเสียงดังว่า บอสสสสส คุณคือพี่ชายสุดที่รักของผม ไอ้โล้นถึกนั่นต่างหากที่หัวเราะเยาะบอส ผมไม่เกี่ยวนะ ได้โปรดสอนวิชาให้ผมด้วย เดี๋ยวฝึกสำเร็จผมจะไปทุบตีไอ้โล้นแก้แค้นให้บอสเองนะ
เชี่ย
!
ไอ้นักพรตหน้าด้านนี่มันดัดหลังข้านี่หว่า
!
เจ้าโล้นจ้องลู่ซวนจี๋ตาเขม็งแสดงออกถึงความไม่พอใจ
ฟัคยูไอ้นักพรตเหม็นเขียวนายคิดว่าประจบบอสเป็นคนเดียวรึไงวะ
บอสครับ! คุณคือป๊ะป๋าที่แท้จริงของผม ได้โปรดสอนวิทยายุทธ์ให้ผมด้วย ผมจะใช้มันเพื่อสั่งสอนเจ้านักพรตเน่านี่ให้บอสเองครับ ! เจ้าโล้นกอดแขนฉิงเฟิงและกล่าวด้วยความตื่นเต้น คำพูดของเจ้าโล้นทำให้ลู่ซวนจี๋รู้สึกมืดมนเนื่องจากเขาไม่เคยเห็นเจ้าโล้นทำตัวประจบสอพลอแบบนี้มาก่อนเลย
ศักดิ์ศรีศักดิ์ศรีของนายหายไปไหน เจ้าโล้นไร้ยางอาย
เพื่อให้ได้ฝึกวิชานายแม้แต่ยอมเรียกบอสว่า
‘
พ่อ
’
ทั้งๆที่นายแก่กว่าเขาตั้งหลายปีหน้าด้านชิบ
!
ฉิงเฟิงมองไปที่พวกเขาอย่างหมดคำพูดและอับอายเจ้าหน้าด้านสองคนนี้เรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ และ ‘พ่อ’ ด้วยความเคารพ
บ้าเอ้ยฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น
! ฉันยังหนุ่มแน่นและหล่อเหลา
!
ฉิงเฟิงคิดในใจ
แต่ครู่ต่อมาเขาก็พบชายหน้าด้านอีกคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
บอสครับคุณเป็นท่านปู่ของผม ได้โปรดสอนวิทยายุทธ์ให้ผมด้วย ผมจะใช้มันเพื่อบอส สั่งสอนเจ้าหมูสองตัวนี่เองครับ ! เทพมรณะกุมมือฉิงเฟิงและประจบเขาด้วยอีกคน
ฟัค
!
เย่เทียนนายเรียกพวกเราไร้ยางอาย แต่นายนี่ละประจบได้ห่วยสุดเลย
!
ลู่ซวนจี๋และเจ้าโล้นมองไปที่เทพมรณะด้วยความขุ่นเคือง
เย่เทียนไม่ได้รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย! เขาเรียกฉิงเฟิงว่า ท่านปู่ เพื่อให้ฉิงเฟิงยอมสอนวิชา แต่โชคร้ายที่เขาลืมไปว่าเขาเพิ่งสบถใส่ลู่ซวนจี๋และเจ้าโล้นว่าหน้าด้านไปเมื่อไม่นานนี้เอง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำเหมือนกัน
ด้วยความขุ่นมัวในสายตาของเขาฉิงเฟิงมองไปที่เทพมรณะซึ่งโดยปกติแล้วเขาเป็นคนที่พูดน้อยและขี้อายเงียบขรึมที่สุดในทีมเขี้ยวหมาป่า
มันค่อนข้างน่าผิดหวังที่แม้แต่เทพมรณะผู้เงียบขรึมก็ยังต้องประจบสอพลอเพียงเพราะเคล็ดวิชาการฝึกยุทธ์
การล่อตาล่อใจของเคล็ดวิชานั้นใหญ่หลวงมากจนแม้แต่สมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าก็ยังไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อถูกรุมล้อมโดยชายฉกรรจ์3 คน ฉิงเฟิงรู้สึกหายใจไม่ออกและอึดอัดเล็กน้อย ถ้าหากเป็นสาวงามมารุมล้อมเขาเช่นนี้เขาคงจะพอใจมาก แต่การถูกผู้ชายรุมมันช่างน่าขยะแขยง
เอาละๆถ้าพวกนายอยากฝึกยุทธ์ก็ปล่อยฉันก่อน ไม่งั้นไม่สอนนะ ฉิงเฟิงกล่าว ฟุบ!
ชายทั้งสามคนปล่อยมือฉิงเฟิงอย่างรวดเร็วและมองราวกับว่าเขาเป็นเค้กแสนอร่อยที่น่ารับประทาน
ฉิงเฟิงมองพวกเขาและกล่าวว่า พวกนายรู้ไหมว่าผู้ฝึกยุทธ์โบราณกับคนธรรมดาต่างกันอย่างไร
พวกเขาทั้งหมดส่ายหัวพร้อมกันและตอบว่าไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเกี่ยวกับวิทยายุทธ์โบราณจนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้พวกเขาอิจฉาบอสมากเมื่อตอนที่ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาหลังจากฝึกวิทยายุทธ์
คนธรรมดาจะฝึกฝนทางด้านความแข็งแกร่งเฉพาะกล้ามเนื้อซึ่งมันมีขอบเขตจำกัด ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธ์โบราณหรือนักรบโบราณจะดูดซับพลังงานแท้จริงจากในอากาศและก่อตัวเป็นพลังลมปราณขึ้นมา พลังงานเหล่านี้ไร้ขีดจำกัด มีเพียงเฉพาะผู้ที่บ่มเพาะพลังลมปราณเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณหรือนักรบโบราณ
ด้วยพลังลมปราณผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาที่มอบพลังอันยิ่งใหญ่ได้และสร้างพลังในการโจมตีและทักษะจากลมปราณ
ซวนจี๋นี่คือตำราวิชาดาบจากราชาดาบที่ 7 แห่งเกาะแปซิฟิก ฉันได้มันมาตอนที่ฆ่ามันที่เมืองเทียนจิง ในเมื่อนายชอบใช้ดาบ วิชานี้น่าจะเหมาะกับ
ส่วนนี่เจ้าโล้น นี่คือวิชาหมัดเหล็กของนิกายหมัดเหล็ก มันเหมาะกับนายที่ใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพ
แล้วก็อันนี้เย่เทียน ทักษะกระบี่ของตระกูลกู่ รับไปสิ
ฉิงเฟิงส่งตำราวิชาให้แก่พวกเขาทั้งสามคนและบอกให้พวกเขาลองฝึกฝน
เจ้าโล้นตกหลุมรักวิชาหมัดเหล็กตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดอ่านเพราะเขาชอบใช้พลังกายเพื่อพิชิตศัตรู วิชานี้เหมาะกับเขามาก ส่วนเทพมรณะที่ได้เห็นวิชากระบี่ของตระกูลกู่ก็รู้สึกตกตะลึงและมีความสุขมาก
อย่างไรก็ตามลู่ซวนจี๋เป็นคนเดียวที่ดูไม่ค่อยพอใจนัก เขากล่าวอย่างมืดมนว่า บอส !!! ผมเป็นคนหัวเซี่ย ผมไม่ชอบวิชาของพวกชาวเกาะแปซิฟิก ! มีให้เปลี่ยนมั้ย