เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดสามารถนำโอสถระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงออกมาแลกเปลี่ยนได้เจียงเชียนเต๋าก็ถอนหายใจ
โอสถชั้นสูงระดับนี้หายากมากเขาทำได้เพียงต้องเสี่ยงโชค ถึงแม้ว่าในครั้งนี้เขาจะไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้มากนัก แต่ก็เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
การแลกเปลี่ยนยังคงดำเนินต่อไปและทุกคนภายในงานต่างก็นำสมบัติล้ำค่าออกมาแลกเปลี่ยนกันบ้างก็ได้ของที่ต้องการ บ้างก็ต้องผิดหวัง
ฉิงเฟิงยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้และรอคอยให้มีผู้นำเตาปรุงยาขึ้นมาทำการแลกเปลี่ยน
ในช่วงสองสามนาทีก่อนที่จะปิดการแลกเปลี่ยนอาวุโสฉินก็ผุดลุกขึ้นและกล่าวว่า
ข้ามีเตาปรุงยาโบราณจะขอแลกเปลี่ยนกับเม็ดยาอายุวัฒนะ เม็ดยาอายุวัฒนะ
ผู้คนในกลุ่มต่างก็กลอกตาหลังจากได้ยินที่อาวุโสฉินกล่าวเม็ดยาอายุวัฒนะคือยาที่สามารถยืดอายุขัยได้ ทุกคนต่างก็ต้องการมันแต่ปัญหาคือไม่มีผู้ใดมียาชนิดนี้
ตลาดการแลกเปลี่ยนกลายเป็นเงียบสนิทและไม่มีพูดใดพูดอะไรออกมามีเพียงเฉพาะนักปรุงยาเท่านั้นที่สามารถสกัดยาอายุวัฒนะได้
วูฟคิงข้าต้องขออภัยด้วย เดิมทีข้าคิดที่จะนำสมบัติของตระกูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเตาปรุงยานี้ให้เจ้า แต่สิ่งที่เขาต้องการนั้นข้าไม่มีในครอบครอง
ลั่วอี้ซานกล่าวขอโทษฉิงเฟิงเพราะเขาก็ไม่มียาอายุวัฒนะอยู่ในมือ
ฉิงเฟิงพยักหน้าเขาเข้าใจดีว่ายาอายุวัฒนะนั้นสามารถยืดอายุขัยได้และหายากมาก แม้แต่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเมืองเทียนจิงก็ไม่มีมัน ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็จำได้ว่าในตำราวิถีปรุงยาที่เขาได้ศึกษามานั้นมีวิธีการสกัดยาอายุวัฒนะอยู่ตราบเท่าที่เขาได้เตาปรุงยา บางทีเขาอาจจะสกัดมันออกมาได้
ผู้อาวุโสฉินตอนนี้ผมไม่มียาอายุวัฒนะ แต่ถ้าท่านยอมมอบเตาปรุงยาให้ผม ผมจะสกัดมันขึ้นมาให้ท่าน ฉิงเฟิงลุกขึ้นยืนและกล่าว
แกคิดว่าแกเป็นใคร เจ้าเด็กน้อย ยาอายุวัฒนะมีเพียงนักปรุงยาเท่านั้นที่สามารถสกัดมันออกมาได้ แกเป็นผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นไม่ใช่นักปรุงยา
กู่เจิ้นเทียนไม่ชอบฉิงเฟิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเขาจึงไม่พลาดโอกาสที่จะทับถมทันทีที่มีโอกาส
ฉิงเฟิงยิ้มและไม่สนใจคำพูดของกู่เจิ้นเทียนเขามองไปที่อาวุโสฉินเพื่อรอคำตอบของเขา เพราะเขาเป็นผู้ที่มีเตาปรุงยาไม่ใช่กู่เจิ้นเทียน
ใบหน้าของกู่เจิ้นเทียนกลายเป็นมืดครึ้มเขารู้สึกไม่ดีที่ถูกฉิงเฟิงเพิกเฉย
เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลกู่ของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนจิงเขาไม่เพียงแค่ทรงพลังเท่านั้นแต่ยังมีสถานะที่สูงส่ง การที่ถูกเด็กรุ่นหลังเช่นนี้มองข้าม ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้สึกโกรธเคือง
อย่างไรก็ตามทุกคนที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ต่างก็ไม่ธรรมดา มีหลายคนที่เป็นยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์ด้วยซ้ำ การถูกฉิงเฟิงเพิกเฉยทำให้เขาเสียหน้าไม่น้อย
หลี่ฉิงเฟิงข้าต้องยาอายุวัฒนะตอนนี้ เจ้าบอกว่าจะสามารถสกัดมันให้ทีหลัง ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะสกัดมันได้ละจริงไหม
อาวุโสฉินกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเขาไม่คิดว่าชนรุ่นหลังอย่างฉิงเฟิงจะปรุงยาอายุวัฒนะออกมาได้เช่นกัน
อาวุโสฉินต้องการยาอายุวัฒนะเพื่อช่วยชีวิตใครบางคนมิฉะนั้นเขาคงไม่ใช้เตาปรุงยาที่ล้ำค่านี้เพื่อเสนอแลกเปลี่ยน เขากังวลต่อสภาพอาการของคนๆนั้นเป็นอย่างมาก
ยาอายุวัฒนะนี้มีประวัติยาวนานนับพันๆปีมันสกัดมาจากสมุนไพรโบราณในตำนานและล้ำค่าอย่างยิ่ง
เมื่อฉิงเฟิงเห็นว่าอาวุโสฉินไม่ต้องการมอบเตาปรุงยาให้เขาเขาก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะมีวิธีการสกัดยานั้น แต่เมื่อไม่มีเตาปรุงยา เขาก็ไม่อาจสกัดมันขึ้นมาได้
ท่านปู่ฉิงมอบเตาปรุงยาของท่านให้แก่หลี่ฉิงเฟิงเถิด ข้าเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถสกัดยาอายุวัฒนะขึ้นมาได้แน่นอน
ทันใดนั้นเองเสียงที่นุ่มนวลก็ดังขึ้น
เจ้าของเสียงเป็นสาวงามอายุราวๆ20 ปีและงดงามอย่างมาก เธอมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อน ราวกับรูปแกะสลัก ผิวของเธอขาวเนียนและมีริมฝีปากเข้ารูปราวกับเชอรี่ที่ทำให้ผู้คนอย่างจะกัด
ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเมื่อได้เห็นเธอเขารู้จักเธอ เธอคือฉินเซียนจื่อ คุณหนูแห่งตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ซึ่งเป็นนิกายลึกลับและแข็งแกร่งที่สุดในหัวเซี่ย
คุณหนูท่านมาทำอะไรที่นี่ อาวุโสฉินลุกขึ้นยืนและกล่าวทักทายเธอ
หลังจากได้ยินคำทักของอาวุโสฉินฉิงเฟิงก็รับรู้ได้ในทันทีว่างานชุมนุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เจ้าภาพคือตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั่นเอง
ฉินเซียนจื่อกล่าวอย่างเงียบๆอีกครั้งว่า ท่านปู่ฉิง โปรดให้เขาได้ยืมเตาปรุงยาของท่านเถอะ ข้าเชื่อว่าเขาทำได้
ด้วยการรับประกันของฉินเซียนจื่ออาวุโสฉินจึงตัดสินใจที่จะให้ฉิงเฟิงยืมเตาปรุงยาของเขา แต่เตาปรุงยานั้นอยู่ที่อื่นเพราะห้องนี้เล็กเกินกว่าที่เก็บมัน
สุดท้ายเมื่อดีลเรื่องเม็ดยาอายุวัฒนะจบ งานชุมนุมก็จบลงอย่างเป็นทางการ
ผู้นำตระกูลกู่และจ้าวนิกายหมัดเหล็กต่างก็มองไปที่ฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก่อนที่พวกเขาจะจากไปถ้าไม่ใช่เพราะกฎห้ามสู้กันในที่นี้ พวกเขาคงแล่เนื้อเถือหนังฉิงเฟิงไปนานแล้ว
หัวหน้าตระกูลกู่,พวกเราจะจากไปเช่นนี้และปล่อยมันไป
เตี๋ยจงเทียนกล่าวอย่างเย็นชา
ท่านจ้าวนิกายเตี๋ยในงานชุมนุมครั้งนี้ห้ามมิให้มีการต่อสู้ ซึ่งนิกายที่อยู่เบื้องหลังงานชุมนุมก็คือตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ พวกเราไม่สามารถทำลายกฎของพวกเขาได้ แต่พวกเรายังสามารถดักรอมันที่ตีนเขาได้ ตราบใดที่มันก้าวเท้าออกมา พวกเราจะฆ่ามันทันที
กู่เจิ้นเทียนกล่าวน้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เตี๋ยจงเทียนพยักหน้าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจในการฆ่าเช่นกัน เขาตัดสินใจว่าจะฆ่าฉิงเฟิงพร้อมกับกู่เจิ้นเทียนที่เชิงเขา ตราบเท่าที่ฉิงเฟิงลงจากเขา พวกเขาจะลงมือทันที
เกี่ยวกับความคิดในหัวของกู่เจิ้นเทียนฉิงเฟิงได้มองออกนานแล้วแต่เขาไม่สนใจ นับตั้งแต่ที่เขาประสบความสำเร็จในการเลื่อนระดับเข้าสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ขั้นต้นและได้เรียนรู้กระบวนท่าที่ 4 ของเพลงกระบี่แดงเพลิงคะนอง เขากำลังต้องการหาคนมาทดสอบพลังของกระบวนท่านี้อยู่พอดี
วูฟคิงตามข้ามา เตาปรุงยาอยู่อีกห้องหนึ่ง ข้าจะพาท่านไปดู ฉินเซียนจื่อเป็นเจ้าของที่นี่และคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างมาก เธอออกจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับฉิงเฟิงเพื่อไปที่อีกห้องหนึ่ง
ภายในห้องนั้นมีเตาปรุงยาตั้งอยู่ตรงกลางมันมีสีดำและสูงถึง 180ซม. บนเตาได้จารึกสัญลักษณ์หยินหยาง ภาพและข้อความโบราณอีกด้วย
ฉิงเฟิงได้อ่านตำราวิถีปรุงยามาแล้วเขารู้ว่าภาพเหล่านั้นมีความหมายว่าอะไร มันเป็นภาพที่อธิบายวิธีการต่างๆในการปรุงยา
ช่างเป็นเตาปรุงยาโบราณที่ล้ำค่านัก ฉิงเฟิงตกใจหลังจากได้เห็นเตาปรุงยาเป็นครั้งแรก
เตาปรุงยานี้เก่าแก่อย่างมากมันหนักและมีกลิ่นอายโบราณ มันเป็นเตาปรุงยาที่ถูกใช้โดยเซินนงในการหลอมโอสถ
ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นทรงอำนาจมากพวกเขามีแม้แต่เตาปรุงยาของเซินนง มีคนไม่มากนักที่จะมีวาสนาได้เห็นเตาปรุงยานี้
คุณหนูฉินผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงต้องการยาอายุวัฒนะ
ฉิงเฟิงถอนสายตาจากเตาปรุงยาและถาม
ฉินเซียนจื่อเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดว่า ท่านพ่อของข้าหมดสติไปจากการฝึกวิชา ท่านกำลังจะตาย นี่เป็นเหตุผลที่ข้าและอาวุโสฉินต้องการยานี้เพื่อช่วยท่าน