หัวหน้าตระกูลกู่,ข้าว่าตอนนี้จ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ต้องกำลังอ่อนแอใกล้ตายอย่างแน่นอน เพราะว่าพวกเขาต้องการยาอายุวัฒนะ อีกทั้งด้วยศักดิ์ฐานะของพวกเขา เหตุใดถึงต้องรบกวนฉิงเฟิงให้ช่วยปรุงยาให้ นี่เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว
จ้าวนิกายหมัดเหล็กเตี๋ยจงเทียนกล่าว
นอกเหนือจากกู่เจิ้นเทียนแล้วเตี๋ยจงเทียนก็เกลียดชังฉิงเฟิงมากที่สุด ทั้งลูกชายและลูกสาวของเตี๋ยจงเทียนต่างก็ถูกฉิงเฟิงฆ่า รวมไปถึงอาวุโสของนิกาย เตี๋ยฮงโพอีกด้วย
เมื่อพูดถึงหลี่ฉิงเฟิงเตี๋ยจงเทียนเกลียดชังเขามากจนอยากจะดื่มเลือดกินเนื้อ เขาอยากเห็นฉิงเฟิงร้องขอชีวิต
กู่เจิ้นเทียนเงียบไปและกล่าวว่า ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ แต่รอบคอบไว้หน่อยก็ดี เอาเป็นว่าพวกเราจะรออีกสักหน่อย ถ้าหากรุ่งเช้าแล้วหลี่ฉิงเฟิงยังไม่ลงมา พวกเราจะบุกเข้าไปฆ่ามัน
ถึงแม้ว่าเตี๋ยจงเทียนจะไม่พอใจแต่เขาก็รู้ว่ากูเจิ้นเทียนกล่าวถูกต้อง จากที่กล่าวมาทั้งหมด พื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ทันทีที่พวกเขาบุกเข้าไปเพื่อฆ่าคน นั่นก็หมายถึงพวกเขาประกาศสงครามกับตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เต็มตัว
…
ภายในวิลล่า
ฉิงเฟิงพยายามปรุงยาอยู่และไม่รู้เรื่องแผนการที่เกิดขึ้นที่เชิงเขาแม้แต่น้อย
ล้มเหลวล้มเหลว …
หลังจากฉิงเฟิงล้มเหลวครั้งแรกและได้ทบทวนสรุปข้อผิดพลาดเขาก็ยังคงพยายามปรุงยาต่อไป แต่ก็ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง
เขาล้มเหลวเก้าครั้งติดต่อกันทีเดียว
ต้องกล่าวว่ามันเป็นเรื่องยากมากในการปรุงยาถึงแม้จะมีความช่วยเหลือจากตำราและเตาปรุงยา ฉิงเฟิงก็ล้มเหลวหลายครั้ง
แม้ว่าฉิงเฟิงจะล้มเหลวเก้าครั้งติดต่อกันแต่เขาก็ค่อยๆเข้าใจแนวความคิดเกี่ยวกับกระบวนการในการปรุงยามากขึ้น ครั้งแรกที่เขาล้มเหลวก็เพราะควบคุมอุณหภูมิไม่เป็น ครั้งที่สองเป็นเพราะอัตราส่วนของส่วนผสม และครั้งที่สามเป็นเพราะสภาพจิตใจของเขาเอง …
หลังจากที่เขาเข้าใจว่าทำไมเขาล้มเหลวถึงเก้าครั้งรวดเขาสงบสติอารมณ์ลงสักครู่ จากนั้นก็เริ่มลงมืออีกครั้ง
โชคดีที่ฉินเซียนจื่อนำวัตถุดิบมาให้เขาเป็นจำนวนมากและยอมให้ฉิงเฟิงใช้ในการทดลองฝึกฝนได้ตามสะดวก
อดพูดไม่ได้ว่านักปรุงยานั้นเป็นอาชีพที่มีต้นทุนสูงมากเพียงแค่การฝึกฝนก็ต้องสูญเสียวัตถุดิบไปมากมาย คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีความมั่งคั่งร่ำรวยเพียงพอย่อมไม่มีทางที่จะเป็นนักปรุงยาได้แน่นอน
ฉิงเฟิงคิดถูกแล้วที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้มิฉะนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้ใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนปรุงยาได้อย่างสบายเช่นนี้แน่ เขาไม่มีแม้แต่เตาปรุงยาหรือวัตถุดิบ
ส่วนผสมและวัตถุดิบที่จำเป็นในการสกัดเม็ดยาอายุวัฒนะนั้นต่างก็พิเศษมากและไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
ครั้งนี้ต้องสำเร็จ ฉิงเฟิงกล่าวกับตัวเองพร้อมทั้งมองไปที่วัตถุดิบในมือของเขา
หลังจากล้มเหลวเก้าครั้งติดต่อกันฉิงเฟิงก็พัฒนาขึ้น
เขาใส่วัตถุดิบทั้งหมดลงในเตาปรุงยาก่อไฟขึ้นและเริ่มทำตามคู่มือในตำราอีกครั้ง
ในการพยายามครั้งที่สิบเตาปรุงยาและวัตถุดิบไม่ได้ระเบิด มันส่งกลิ่นที่เป็นธรรมชาติออกมาจากเตาและทำให้ฉิงเฟิงรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เขาประสบความสำเร็จ!
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จในการทดลองครั้งที่สิบฉิงเฟิงมีความสุขอย่างมากหลังจากดูยาที่เขาสกัดขึ้นภายในเตาปรุงยา
หลังจากความพยายามนับครั้งไม่ถ้วนฉิงเฟิงก็สกัดเม็ดยาลมปราณได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ซึ่งยาลมปราณเม็ดนี้สามารถเพิ่มพลังลมปราณของผู้กินเข้าไปได้สำหรับนักปรุงยาแล้ว หากปรุงยาสำเร็จในครั้งแรก ครั้งต่อๆไปก็จะง่ายขึ้นมาก
ไหนลองดูผลของมันหน่อยซิ ฉิงเฟิงยิ้มและยัดยาเข้าปากของเขา
หลังจากยาละลายมันก็ก่อตัวเป็นลมปราณสายหนึ่งและเสริมสร้างคุณลักษณะทั้งหมดของร่างกายเขา ในที่สุดมันก็ก่อตัวเป็นพลังที่แข็งแกร่งและถูกตันเถียนของเขาดูดซับเข้าไป
อีกนิดเดียว
หลังจากกินยาลมปราณเข้าไปฉิงเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเขาขาดพลังลมปราณอีกเพียงนิดเดียว
เดิมทีฉิงเฟิงอยู่ในระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นแรกแต่หลังจากกินยาเข้าไป เขาเหลืออีกเพียงนิดเดียวก็จะทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นกลางในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์
ถ้าหากฉิงเฟิงผลิตเม็ดยาลมปราณต่อไปเขาก็จะเข้าสู่ขั้นกลางได้แน่นอน แต่วัตถุดิบเขาเหลืออีกเพียงไม่มากแล้ว
ฉิงเฟิงไม่สามารถทำยาลมปราณได้อีกต่อไปเพราะเขาต้องใช้วัตถุดิบที่เหลือเพื่อสกัดยาอายุวัฒนะเนื่องจากทั้งเตาปรุงยาและวัตถุดิบทั้งหมดต่างก็เป็นฉินเซียนจื่อมอบให้ เขาต้องตอบแทนบุญคุณของเธอ
จากนั้นฉิงเฟิงก็เริ่มทำยาอายุวัฒนะเขาใส่วัตถุดิบลงไปและจุดไฟอีกครั้ง เขาทำตามคำแนะนำทีละขั้น
~ตูม ~
เขาล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย ยาอายุวัฒนะเป็นยาขั้นสูงมากและยากในการสกัดกลั่นอย่างยิ่งถึงแม้ฉิงเฟิงจะทำยาลมปราณได้สำเร็จ แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำยาอายุวัฒนะได้แม้แต่เม็ดเดียว
ฉิงเฟิงไม่ยอมแพ้และยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็ยังคงล้มเหลว
ในการทำยาอายุวัฒนะนี้ฉิงเฟิงล้มเหลวมากยิ่งกว่าตอนทำยาลมปราณ เขาล้มเหลวมากกว่าสามสิบครั้งตลอดทั้งคืน
ถ้าหากเป็นผู้อื่นพวกเขาคงยอมแพ้และวางมือ แต่ฉิงเฟิงไม่ใช่คนเช่นนั้น
ฉิงเฟิงรู้ว่ายิ่งยาระดับสูงมากเท่าไหร่ความยากในการทำก็จะยิ่งมากขึ้น เห็นได้ชัดว่ายาอายุวัฒนะช่างเป็นยาที่ทำได้ยากอย่างมาก
ฉันต้องทำให้ได้วัตถุดิบเหลืออีกเพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น…
ฉิงเฟิงมองไปที่วัตถุดิบและสีหน้ากลายเป็นซีเรียสจริงจังอย่างมาก เขาล้มเหลวไปหลายครั้งมากและผลาญวัตถุดิบไปแทบจะหมดสิ้นถ้าหากครั้งนี้เขาล้มเหลว เขาจะไม่มีวัตถุดิบเหลือพอในการทำยาอีกต่อไป
ฉิงเฟิงวางวัตถุดิบทั้งหมดในเตาปรุงยาและจุดไฟอีกครั้งเขาทำตามคำแนะนำทุกกระเบียดนิ้วพร้อมทั้งใส่ใจในทุกรายละเอียดโดยไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ขั้นตอนที่หนึ่ง…ขั้นตอนที่สอง ขั้นตอนที่สาม …
ฉิงเฟิงระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากเขากลัวที่จะทำผิดพลาด หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด เม็ดยาสีขาวเงินก็ปรากฏขึ้นภายในเตาปรุงยา
ใช่แล้วมันเป็นเม็ดยาสีขาวเงิน มันแตกต่างไปจากยาลมปราณที่มีสีแดงหรือสีฟ้าเขียว ยาอายุวัฒนะเป็นสีขาว ซึ่งหมายถึงมันมีคุณภาพสูงที่สุด
มันเต็มไปด้วยพลังชีวิต ฉิงเฟิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่สัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่แผ่ซ่านออกมาจากเม็ดยา
เขาประสบความสำเร็จในการสกัดยาอายุวัฒนะในที่สุด!