ฉิงเฟิงนำสตูว์ซี่โครงมาที่ห้องของหลิวหรูหยานซึ่งเธอมีสีหน้าที่เริ่มดีขึ้นแล้วในตอนนี้ใบหน้าของเธอไม่ซีดเซียวอีกต่อไปและเริ่มมีสีเลือด
หลิวหรูหยานนั้นงดงามเสมอแม้แต่ตอนป่วย
หลิวเจียวเจียวนั่งอยู่ข้างๆหลิวหรูหยานและประคองเธอดื่มน้ำ
หรูหยานตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ฉิงเฟิงเดินไปตรงหน้าเธอและถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
หลิวหรูหยานพยักหน้าและกล่าวว่า คุณหมอฉีดยาให้ชั้นเข็มนึง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วล่ะ
เอ้านี่สตูว์ซี่โครง มันช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย
สตูว์ซี่โครงนี่อร่อยจังคุณสั่งให้ทำสดใช่ไหมคะ หลิวหรูหยานลองชิมไปคำหนึ่งและกล่าวชมเชยถึงความอร่อยของมัน
ฉิงเฟิงพยักหน้าและป้อนอาหารให้เธออย่างระมัดระวังหลังจากนั้นไม่นานเธอทานหมดเกลี้ยงทั้งชาม
หลังจากที่หลิวหรูหยานตั้งครรภ์เธอก็มีความอยากอาหารมากขึ้น ก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถทานสตูว์ซี่โครงให้หมดได้ แต่ตอนนี้เธอกลับทานหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่ลมหายใจ
แน่นอนว่าหลิวหรูหยานกินเผื่ออีกคนที่อยู่ในท้องของเธอนั่นเอง
กริ๊งงงงง
ทันทีที่ฉิงเฟิงป้อนอาหารให้หลิวหรูหยานเสร็จโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเขาไม่อยากรับสายในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าคนโทรมาคือเหมียวซิยี้เขาจึงรีบรับ
ฉิงเฟิงเดินออกไปรับโทรศัพท์นอกห้องและถามว่า โทรมามีเรื่องอะไรหรือ, ซิยี้ นายท่านคะพี่สาวเสวี่ยจะไปจังหวัดเจียงหนาน ชั้นเลยโทรมาบอกนายท่านก่อน
เจียงหนาน เธอจะไปทำไมกัน ซิยี้ทำไมไม่ห้ามเธอละ ?
ชั้นทำไม่ได้ค่ะนายท่านซีอีโอของบริษัทหยกมรกตบังคับทางอ้อมให้พี่สาวเสวี่ยต้องไปติดต่อธุรกิจด้วยตัวเธอเองเท่านั้น มิฉะนั้นถ้าให้คนอื่นไปเขาจะไม่ขายวัตถุดิบให้บริษัทเรา
บ้าเอ้ย! ไอ้บริษัทหยกมรกตนั่นมันใหญ่โตมาจากไหนกันถึงกล้ามาข่มขู่ให้ภรรยาของฉันต้องถ่อไปหาด้วยตัวเองแบบนี้ แล้วตอนนี้หลินเสวี่ยอยู่ที่ไหน
นายท่านพี่สาวเสวี่ย… ขึ้นเครื่องไปแล้วค่ะ … เธอรู้ว่าชั้นทำงานให้นายท่าน ดังนั้นเธอจึงทิ้งชั้นไว้และเดินทางไปคนเดียว
บ้าเอ้ย!, หลินเสวี่ยเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลและเป็นผู้หญิงคนเดียว เธอปล่อยให้หลินเสวี่ยไปได้อย่างไร ฉิงเฟิงบ่นออกมา ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ฉิงเฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหลินเสวี่ยในทันทีแต่พบว่าเธอปิดเครื่อง
หรูหยานผมไปธุระก่อนนะ เดี๋ยวผมจะกลับมา ฉิงเฟิงเดินออกจากห้องและสั่งให้คนดูแลหลิวหรูหยาน จากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลไป
เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนแค่ไหนเขาไม่อาจเสียเวลาได้จึงรีบขับรถไปที่สนามบินในทันที
ระหว่างทางฉิงเฟิงได้โทรหาฉินเซียนจื่อและขอให้เธอช่วยตรวจสอบความเป็นมาของบริษัทหยกมรกต
ฉิงเฟิงรู้อย่างชัดเจนว่าตำหนักโห่วเย่อหวงตี้นั้นยิ่งใหญ่และลึกลับที่สุดในหัวเซี่ยโดยมีเครือข่ายข้อมูลขนาดใหญ่ที่จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ
และฉินเซียนจื่อก็ไม่ได้ทำให้ฉิงเฟิงผิดหวังหลังจากวางสายผ่านไปแค่สิบนาทีเธอก็โทรกลับมาและบอกว่า วูฟคิง จากการตรวจสอบของข้า ซีอีโอของบริษัทหยกมรกตชื่อว่าเสวี่ยหลี่ เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายโลหิตสีชาด เจ้าของที่แท้จริงของ บริษัทนี้ก็คือเหลิ่งเสวี่ย
นิกายโลหิตสีชาด
!
สีหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินชื่อนี้เขาเป็นกังวลอย่างใหญ่หลวง
ฉิงเฟิงรู้จักนิกายโลหิตสีชาดพวกมันเป็นหนึ่งในสุดยอดกองกำลังในโลกของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต เขาเคยพบกับเหลิ่งเสวี่ยมาก่อนที่สุสานแกรนด์มาสเตอร์ คนผู้นี้เป็นนายน้อยของนิกายโลหิตสีชาดและแข็งแกร่งทีเดียว
ตอนนี้ซีอีโอของบริษัทหยกมรกตเป็นแค่หุ่นเชิดของนิกายโลหิตสีชาดพวกมันบอกให้หลินเสวี่ยเดินทางไปหา ที่ต้องเป็นแผนการร้ายอย่างแน่นอน
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาจะเสียเวลาไม่ได้อีกแล้วเขาวางสายกับฉินเซียนจื่อทันทีและรีบไปที่สนามบิน เมื่อเขามาถึงก็พบว่าเที่ยวบินของหลินเสวี่ยได้ออกไปแล้ว และเที่ยวบินถัดไปจะออกเดินทางชั่วโมงหน้า
บ้าเอ้ยทำไมมันช้าขนาดนี้!
ฉิงเฟิงหงุดหงิดมากเขาเดินไปเดินมารอบๆสนามบินและอยากจะขโมยเครื่องบินเหลือเกินถ้าทำได้
……………
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปฉิงเฟิงก็ได้ขึ้นเครื่องลำที่สองในที่สุด
เครื่องบินดังกล่าวมีจุดหมายที่จังหวัดเจียงหนานฉิงเฟิงมองดูเมฆสีขาวข้างนอกเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์แม้แต่น้อย เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง
หลังจากที่เขาพบว่าเหลิ่งเสวี่ยคือเจ้าของตัวจริงของบริษัทหยกมรกตเขาก็มั่นใจว่ามันต้องเป็นแผนการร้ายอย่างแน่นอน
ไม่สิเป้าหมายนั้นอาจไม่ใช่หลินเสวี่ยแต่แรก แต่เป้าหมายจริงๆอาจจะเป็นเขา ฉิงเฟิงมั่นใจว่าเหลิ่งเสวี่ยจะต้องตรวจสอบประวัติของเขาและมุ่งเป้าไปที่หลินเสวี่ย
หลินเสวี่ยเป็นเพียงคนธรรมดาดังนั้นเธอจึงไม่ทราบว่ามีคนชั่วร้ายและโหดเหี้ยมเช่นเหลิ่งเสวี่ย
เหลิ่งเสวี่ยฉันขอสาบาน ถ้าแกกล้าแตะต้องแม้เพียงเส้นผมของภรรยาฉัน ฉันจะฆ่าแกและฉีกแกเป็นชิ้นๆ
!
ฉิงเฟิงมองดูเมฆข้างนอกด้วยความโกรธแค้น
แอร์โฮสเตสสาวสวยคนหนึ่งที่เดินผ่านฉิงเฟิงต้องสะดุ้งจนล้มลงกับพื้นเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงที่แผ่ซ่านออกมา
ขะ…เขาน่ากลัวจัง แอร์โฮสเตสสาวหน้าซีดเผือดไร้สีสันและหัวใจเต้นแรง
เธอรีบลุกขึ้นยืนและเดินหนีไปโดยไม่กล้าพอที่จะมองดูฉิงเฟิงอีกครั้ง
หลินเสวี่ยอยู่ในเที่ยวบินแรกมันใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่เครื่องของเธอจะลงจอดที่สนามบินจังหวัดเจียงหนาน ขณะที่เธอลงจากเครื่องบินก็มีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งที่ย้อมผมสีแดงเดินเข้ามาหาเธอ
ผู้หญิงคนนี้สวยทีเดียวเธอมีใบหน้าที่ดึงดูดใจ ผิวขาวเนียน ดวงตามีเสน่ห์ขนตายาวและทาลิปสติกสีแดงที่ริมฝีปากซึ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่มาก
ถึงแม้ว่าเธอจะเซ็กซี่แต่กลิ่นอายรอบๆตัวเธอก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด หากมีใครตรวจสอบเธออย่างใกล้ชิดก็จะพบว่ามีเลือดปนเปื้อนอยู่กับตัวเธอซึ่งเป็นผลมาจากการฆ่าคนเป็นจำนวนมาก
ประธานหลินเสวี่ยใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะชั้นชื่อเสวี่ยเหมยเอ๋อ ท่านประธานเสวี่ยหลี่สั่งให้ดิฉันมารับคุณ เสวี่ยเหมยเอ๋อยิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าวขึ้น
หลินเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอไม่มีความประทับใจในตัวเสวี่ยเหมยเอ๋อในแรกพบหน้าแม้แต่น้อย ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะสวยเซ็กซี่น่าดูชม แต่กลิ่นอายรอบๆตัวเธอนั้นแปลกเกินไป แต่หลินเสวี่ยก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและเก็บซ่อนความกังวลไว้
ซีอีโอเสวี่ยหลี่ละคะ เขาอยู่ที่ไหน ? หลินเสวี่ยขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น เธอมาถึงจังหวัดเจียงหนานเพื่อพบกับซีอีโอของบริษัทหยกมรกตไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้
เชิญมากับชั้นค่ะชั้นจะขับรถพาคุณไปพบประธานเสวี่ย
เสวี่ยเหมยเอ๋อยิ้มเล็กน้อยและพาหลินเสวี่ยขึ้นรถเฟอร์รารี่ของเธอจากนั้นก็ขับออกจากสนามบิน
เสวี่ยเหมยเอ๋อขับรถในขณะที่หลินเสวี่ยนั่งอยู่ข้างๆเกิดเดดแอร์ขึ้นเพราะไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่น้อย
ยัยผู้หญิงน่าชังเอ้ยเธอทำท่ารังเกียจชั้นคิดว่าชั้นไม่รู้หรือไง
รอก่อนเถอะเมื่อไปถึงบริษัทชั้นจะรอดูว่าซีอีโอเสวี่ยและนายน้อยเหลิ่งเสวี่ยจะลงโทษเธอยังไง
!
เสวี่ยเหมยเอ๋อเหลือบมองหลินเสวี่ยและคิดในใจด้วยความเกลียดชัง