หลี่ฉิงเฟิงข้าจะฆ่าแก ! ใบหน้าของกู่เซียวดำทะมึนและกล่าวคุกคามอย่างหนัก
เขาก้าวไปข้างหน้าและทำให้ก้อนหินใกล้ๆแตกละเอียดทันทีด้วยแววตาที่ดุร้าย
หยุดเห่าหอนแล้วก็เข้ามาได้เลย ฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างยโส
แน่นอนว่าตอนนี้ฉิงเฟิงไม่กริ่นเกรงพลังของกู่เซียวอีกต่อไปเพราะเขามาถึงขั้นปลายของขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์แล้ว
กู่เซียวได้ยินดังนั้นก็ไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไปเนื่องจากการยั่วยุของฉิงเฟิงเขามีศักดิ์ศรีในฐานะผู้อาวุโสของศาลากระบี่ !
วูบบบบบบ~
กู่เซียวชักกระบี่ออกมามันเป็นกระบี่ยาวสีแดงซึ่งเป็นสีเดียวกับกระบี่เพลิงคะนองของฉิงเฟิง มันเป็นผลพวงของการปรับแต่งธาตุไฟ นี่คือกระบี่ที่รู้จักกันดีในชื่อกระบี่เพลิงมัจฉามันถูกตั้งชื่อเช่นนั้นเนื่องจากมีปลาคาร์พสีแดงเรืองแสงสลักอยู่ที่ตัวกระบี่
ออร่าอันเกรี้ยวกราดพุ่งออกมาจากกระบี่มันทะลุอากาศมากกว่าสิบเมตร
อุปกรณ์วิญญาณกระบี่เพลิงมัจฉาเล่มนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณจริงๆ ! เพราะกระบี่ทั่วไปแม้แต่กระบี่ระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสุดท้ายก็ไม่อาจปลดปล่อยเจตน์กระบี่เช่นนี้ออกมาได้ มีเพียงกระบี่วิญญาณเท่านั้นที่สามารถ
ในที่สุดการแสดงออกที่สงบนิ่งของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไปเขาไม่ได้คาดคิดว่ากู่เซียวจะมีอุปกรณ์วิญญาณที่ไม่อ่อนด้อยเช่นกัน
ฉิงเฟิงสามารถบอกได้เลยว่ากระบี่เพลิงมัจฉาเล่มนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่อยู่ในระดับเดียวกันกับกระบี่เพลิงคะนองของเขา
แน่นอนว่าระดับของกระบี่วิญญาณของกู่เซียวนั้นยังคงอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับกระบี่เพลิงคะนองของเขาในจุดที่กระบี่เพลิงคะนองทลายผนึกแรกแต่เมื่อใดก็ตามที่กระบี่เพลิงคะนองทลายผนึกที่สองหรือสาม ยามนั้นเขาจะสามารถฆ่ากู่เซียวได้ในพริบตา
กระนั้นก็ตามจักรพรรดิราตรีได้บอกแก่ฉิงเฟิงสองอย่าง อย่างแรกเลยก็คือพลังแท้ของฉิงเฟิงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสิ่งนั้น อย่างที่สอง ทันทีที่ทลายผนึก ระดับและออร่าของกระบี่เล่มนี้จะพุ่งพรวดจนอยู่ในระดับสูงที่ยอดฝีมือทุกคนต่างก็ต้องการ ดังนั้นจักรพรรดิราตรีจึงยังไม่ให้ฉิงเฟิงปลดผนึกจนกว่าจะแข็งแกร่งพอเสียก่อน
ศาลากระบี่นั้นสมกับเป็นกองกำลังชั้นสูงที่มั่งคั่งพวกเขาสามารถมีอุปกรณ์ชั้นสูงไว้ในครอบครอง
เจ้าคิดว่าการต่อสู้คั้งนี้ใครจะชนะ กู่เซียวหรือหลี่ฉิงเฟิง ?
แกโง่รึไง แน่นอนว่าต้องกู่เซียวอยู่แล้ว เขาจะต้องสับเจ้าเด็กนั่นเป็นชิ้นๆ
ข้าก็คิดเช่นนั้นกู่เซียวเป็นถึงอาวุโสสามแห่งศาลากระบี่ หลี่ฉิงเฟิงเป็นแค่พลทหารกระจอก อย่างเจ้านั่นจะเทียบชั้นกับผู้อาวุโสของศาลากระบี่ได้อย่างไร
ฝูงชนต่างก็พูดคุยกันพวกเขาส่วนใหญ่มั่นใจว่ากู่เซียวจะเป็นผู้ชนะ ถึงแม้ว่าในระยะนี้ฉิงเฟิงจะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะชนะเพราะคนของศาลากระบี่นั้นแข็งแกร่งทรงอำนาจเกินไป
หลี่ฉิงเฟิงแกช่างกล้านักที่มีเรื่องกับกู่เซียว คราวนี้แกไม่รอดแน่ ! เฮยอาวกล่าวพร้อมกับมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมที่เต็มไปด้วยความดุร้าย
คุณหนูกู่เซียวจะฆ่าหลี่ฉิงเฟิงได้หรือไม่ขอรับ สาวกรุ่นเยาว์ของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ถามฉินเซียนจื่อ
เขาถามเพราะเขารู้ว่าคุณหนูของเขามีความสัมพันธ์พิเศษกับหลี่ฉิงเฟิง
ฉินเซียนจื่อไม่ตอบอันใดแต่อาวุโสที่อยู่ข้างๆเธอตอบแทนว่า นั่นเป็นคำถามที่โง่เง่านัก เจ้าคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงจะเอาชนะกู่เซียวได้งั้นหรือ
ผู้อาวุโสท่านอาจจะมองเขาผิดไป หลี่ฉิงเฟิงจะต้องชนะอย่างแน่นอน ฉินเซียนจื่อกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อยในขณะมองไปที่ผู้อาวุโส
อาวุโสคนนี้ไม่ใช่คนที่ดีนักเขาเคยพยายามที่จะร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เพื่อยึดอำนาจของพ่อเธอในตอนที่เขาได้บาดเจ็บ
ฉินเซียนจื่อรู้ดีว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบขี้หน้าฉิงเฟิงเพราะฉิงเฟิงได้กลั่นโอสถอายุวัฒนะที่ช่วยยืดอายุขัยให้กับจ้าวตำหนักนั่นเอง
ถ้าจ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เสียชีวิตจะมีสองคนที่มีโอกาสสูงที่สุดที่จะได้เป็นจ้าวตำหนักคนต่อไป ไม่รองจ้าวตำหนักก็อาวุโส
ผู้อาวุโสกระพริบตาและไม่ตอบกลับเพราะเขายังคงคิดว่าฉิงเฟิงจะต้องพ่ายแพ้
ท่านนักบุญคะหลี่ฉิงเฟิงผู้นั้นคงไม่รอดแน่ เขามีปัญหากับกู่เซียวเสียแล้ว หญิงสาวชุดเขียวกระซิบกับฮวาเซียนจือขณะที่มองไปยังจุดนั้น
ฮวาเซียนจือยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า เขียวน้อย ข้าบอกเจ้าหลายคราแล้วมิใช่หรือว่าอย่าผลีผลามสรุปอะไรง่ายๆเช่นนี้ หลี่ฉิงเฟิงมิใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา บางที… กู่เซียวอาจจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ก็เป็นได้
เหล่าสาวกจากนิกายแวมไพร์ต่างก็กำลังรอการต่อสู้นี้อยู่เช่นกันพวกเขาต่างก็ไม่พอใจกับฉิงเฟิงตั้งแต่ตอนที่เขาสังหารทุกคนจากนิกายโลหิตสีชาด
พวกเขาพยายามปกปิดเจตนาในการฆ่าฉิงเฟิงเอาไว้เนื่องจากคิดที่จะลอบโจมตีในตอนท้ายกระนั้น เมื่อพวกเขาเห็นว่ากู่เซียวจะฆ่าฉิงเฟิง พวกเขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้
กู่เซียวเดินตรงไปหาฉิงเฟิงอย่างดุร้ายด้วยกระบี่เพลิงมัจฉาในมือของเขา
เคล็ดวิชากระบี่เพลิงมัจฉา
!
กู่เซียวส่งเสียงคำรามออกมาในขณะที่เหวี่ยงกระบี่ออกกระบี่แปรเปลี่ยนเป็นมัจฉาเพลิงสีแดงเข้มที่พวยพุ่งเข้าหาฉิงเฟิง
ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่จะสามารถใช้พลังแท้ให้เปลี่ยนรูปร่างได้เพราะมันยากเย็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม มันมีพลังโจมตีมหาศาลในตัวของมันเอง
ฉิงเฟิงยืนนิ่งเขาไม่แม้แต่จะขยับตัวหรือจริงจังกับการโจมตีของกู่เซียว
จนกระทั่งมัจฉาเพลิงโหมมาใกล้ตัวเขาฉิงเฟิงก็เหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองออกมาทันทีพร้อมกับคลื่นพลังที่แยกนภาได้ กระบี่นี้เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้มัจฉาเพลิงที่ร้อนแรงของกู่เซียวถูกผ่าครึ่งและสลายไปในอากาศ
กู่เซียวแทบตาถลนเมื่อเขาได้เห็นว่ามัจฉาเพลิงของเขาถูกหั่นเป็นสองส่วน
หลี่ฉิงเฟิงคาดไม่ถึงเลยว่าแกก็มีอาวุธวิญญาณชั้นสูง กู่เซียวกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่ริมฝีปากกระตุก
ในฐานะผู้อาวุโสแห่งศาลากระบี่แน่นอนว่ากู่เซียวย่อมรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง เพียงหนึ่งกระบวนท่าก็จะสามารถทุบทำลายอาวุธอีกฝ่ายที่ปะทะด้วยได้ในพริบตา !
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้พยายามปฏิเสธหรืออธิบายอะไรออกมา เขาจะไม่บอกกู่เซียวว่าแท้จริงแล้วกระบี่เพลิงคะนองของเขาเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ มันไม่ใช่อาวุธวิญญาณชั้นสูงอย่างที่กู่เซียวเข้าใจ
ในเมื่อกู่เซียวรู้ว่าเจตน์กระบี่แปรรูปของเขาไม่แกร่งพอที่จะทำอันตรายฉิงเฟิงได้เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้พลังเขตแดนของตนเองเพื่อหยุดการโจมตีของฉิงเฟิงไว้ก่อน
สุดยอดฝีมือในระดับแกรนด์มาสเตอร์ทุกคนจะเข้าใจถึงพลังของเขตแดนแต่พลังอำนาจของเขตแดนนั้นก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งแกรนด์มาสเตอร์ผู้ใช้มีพลังมากเท่าใด พลังของเขตแดนก็จะกินวงกว้างมากขึ้นเท่านั้น
พลังอำนาจของเขตแดนของแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุดย่อมเหนือกว่าพลังเขตแดนของแกรนด์มาสเตอร์ขั้นต้นยกเว้นจะเป็นการสะกดข่มธาตุของกันและกัน
ระดับของเขตแดนสามารถเลื่อนขั้นได้กู่เซียวรู้ว่าเขาเองมีพลังเขตแดนสายเพลิงเช่นเดียวกับฉิงเฟิง เพราะพวกเขาทั้งคู่ฝึกพลังแท้ธาตุไฟ เขาอย่างไรก็ตาม เขาเชื่อมั่นว่าตนเองจะชนะฉิงเฟิงได้เพราะระดับพลังของเขาเหนือกว่าฉิงเฟิงหนึ่งขั้นย่อย
เขตแดนเพลิงนรก
!
กู่เซียวแสยะยิ้มในขณะที่ปล่อยเขตแดนเพลิงนรกของเขาออกมาทันที
เปลวเพลิงดั่งนรกอเวจีปกคลุมทุกอย่างในระยะหลายไมล์ลูกไฟเพลิงจำนวนกว่า 150 ลูกกำลังลุกไหม้ราวกับว่าพวกมันจะสามารถแผดเผากลืนกินทุกสิ่งได้
ฉิงเฟิงหรี่ตาลงไม่ต้องสงสัยเลยว่ากู่เซียวใช้เขตแดนสายเพลิงได้ทรงพลังกว่าเขา เพราะชายคนนี้บ่มเพาะพลังและมีอายุมากกว่าเขามากนัก ดังนั้นเขาจึงสามารถสะสมพลังแท้ในร่างกายของเขาได้มากกว่า
ฉิงเฟิงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเอาชนะกู่เซียวได้ถ้าหากใช้เขตแดนเพลิงพินาศของเขาเพราะลูกไฟเพลิงของเขามีเพียง 100 ลูก เมื่อพิจารณาแล้วว่าพวกเขาต่างก็มีพลังเขตแดนเหมือนกัน ฉิงเฟิงต้องสู้ด้วยพลังใจและพลังแท้ของเขาเท่านั้น
แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าพลังแท้ในร่างของฉิงเฟิงย่อมน้อยกว่ากู่เซียวอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีแค่เขตแดนสายเพลิงเท่านั้น นอกเหนือจากเขตแดนเพลิงพินาศแล้ว ฉิงเฟิงยังครอบครองเขตแดนแรงโน้มถ่วงและเขตแดนพายุอีกด้วย เขตแดนพายุมีผลต่อเขตแดนสายเพลิงมากที่สุดเนื่องจากลมพายุสามารถทำให้ไฟลุกลามได้