ฉันจะต่อให้คุณสามกระบวนท่าก็แล้วกัน ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งยิ่งกว่าชายร่างผอม
ท่าทางที่หยิ่งผยองของเขาทำให้ทุกคนในห้องขมวดคิ้วพวกเขาทั้งหมดต่างมองไปที่ฉิงเฟิงอย่างไม่พอใจ
เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างยโสโอหังนักเขากล่าวว่าจะปล่อยให้หลิวหยางลงมือก่อนสามกระบวนท่า โอ้อวดเสียเหลือเกิน
นั่นสิหลิวหยางเป็นแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลาย อีกทั้งยังมีไม้เท้าแก่นภา แม้แต่ข้าเองยังไม่กล้าพูดโอ้อวดขนาดนี้เลย !
ส่วนข้าคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงแค่เพียงต้องการดึงดูดความสนใจของทุกคนเขาไม่ใช่คู่มือของหลิวหยางด้วยซ้ำ
ผู้คนในห้องต่างพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวาขณะที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ฉิงเฟิง พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิวหยางและพวกเขาก็เป็นทีมเดียวกันซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ทั้งหมดต่างก็เอนเอียงไปทางหลิวหยางเมื่อพวกเขาเห็นท่าทางที่โอหังของฉิงเฟิง
แม้แต่ผู้อาวุโสหวังอี้เฮอก็คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจเขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ยโสเกินไป
อะไรนะ
จะให้ข้าลงมือก่อนสามท่างั้นหรือ
!
หลิวหยางผู้เป็นชายร่างผอมรู้สึกโกรธกริ้วอย่างมากเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงเขามีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปี ไม่เคยมีใครในยุทธภพที่กล้าดูถูกเขา !
หลิวหยางเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในยุทธภพเขาเป็นหนึ่งใน 81 แกรนด์มาสเตอร์ผู้ทรงอำนาจ เขาเป็นที่เคารพของทุกคนในโลก หากใครรู้เข้าว่าเขาถูกเด็กหนุ่มอย่างหลี่ฉิงเฟิงดูถูก เขาจะกลายเป็นตัวตลกของยุทธภพ
หลิวหยางโกรธมากเขาตัดสินใจว่าเขาจะทุบตีฉิงเฟิงและสอนบทเรียนให้อย่างสาสมเพื่อแก้แค้นต่อคำพูดที่หยิ่งยโส
ฉิงเฟิงเธอแน่ใจนะว่าจะต่อให้หลิวหยางลงมือก่อนสามกระบวนท่า ถ้าเธอแพ้ เธอจะไม่สามารถเป็นตัวแทนของทีมหัวเซี่ยในการแข่งขันครั้งนี้ได้ แม้ว่าฉันจะเป็นคนเอ่ยปากเชิญเธอก็ตาม จางหยวนเล่ยกล่าวเตือนข้างๆในขณะที่ขมวดคิ้ว
จางหยวนเล่ยมีความมั่นใจในความสามารถของฉิงเฟิงเขามั่นใจว่าฉิงเฟิงจะสามารถเอาชนะหลิวหยางได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็คิดว่าฉิงเฟิงเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ชายชาตรีอย่างเราทำตัวหยิ่งยโสได้แต่จำต้องมีความสามารถเพื่อสนับสนุนคำพูดยโสของตนเองด้วย ถ้าหากจ้าวตำหนักโห่วเย่อเป็นคนพูดอาจจะฟังดูแล้วเข้าท่า เพราะคนผู้นั้นคือแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุด แต่ทว่าฉิงเฟิงไม่ใช่เขาอีกทั้งพลังของเขายังอยู่แค่แกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลาย เขากล้าพูดโอหังขนาดนี้ได้อย่างไร
หัวหน้าจางถ้าเขาสามารถบีบให้ผมต้องออกจากวงนี้ภายในสามกระบวนท่า ผมจะยอมรับความพ่ายแพ้ ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เขาขีดวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตรรอบตัวเขา
วงกลมนี้ไม่ได้ใหญ่มากดูแล้วเป็นการยากมากที่ฉิงเฟิงจะปัดป้องการโจมตีได้
จางหยวนเล่ยหมดคำพูดเมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงยืนอยู่ในวงกลมนั่นเขาคิดในใจว่า
เฮ้อฉันแค่จะเตือนให้เธออ่อนน้อมถ่อมตนหน่อย แต่ทำไมเธอถึงจองหองมากกว่าเดิมอีก แค่จะต่อให้หลิวหยางสามกระบวนท่ายังไม่พอ นี่เธอทำให้เรื่องมันยากขึ้นเสียอีก
ไม่เพียงแค่จางหยวนเล่ยที่คิดว่าฉิงเฟิงยโสแต่ทุกคนก็คิดไปในทางเดียวกัน
หลิวหยางยิ่งโกรธมากขึ้นแต่เขาก็ยิ้มออกมาและกล่าวว่า ดี งั้นข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของข้า
ไม้เท้าแก่นนภาโจมตี !
หลิวหยางคำรามออกมาในขณะที่เขาใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาไม้เท้ายาวสีดำในมือของเขาเจาะทะลุอากาศจนเป็นรูขนาดใหญ่และพุ่งเข้าหาฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงเพียงขยับศีรษะของเขาเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีของไม้เท้า
นี่เร็วสุดหรือยัง ช้ามาก ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเฉยชาหลังจากที่หลบการโจมตี
ในสายตาของเขาการโจมตีด้วยไม้เท้าของหลิวหยางนั้นเชื่องช้าเกินไป หากสลับกันให้เขาโจมตีหลิวหยาง เขามั่นใจว่าตัวเองเร็วกว่าอย่างน้อยก็สองเท่า
การแสดงออกของหลิวหยางเปลี่ยนไปดวงตาแดงก่ำไปด้วยความโกรธคำพูดของฉิงเฟิงทำลายความภาคภูมิใจของเขา
หลี่ฉิงเฟิงข้ายังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดออกมา ทีแรกข้าตั้งใจจะเก็บมันไว้แสดงในการแข่งขันครั้งนี้ แต่ในเมื่อแกปากเสียและดูถูกข้า งั้นก็จงรับมันไปซะ
หลิวหยางกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่เขาหักไม้เท้าของตัวเองเป็นสองซีก
อื๋อ
กระบองสองท่อน
ประกายแห่งความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฉิงเฟิงเล็กน้อยเขาคิดว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหลิวหยางจะรุนแรงกว่านี้ แต่มันก็แค่เปลี่ยนจากไม้เท้าอันหนึ่งเป็นกระบองสองท่อน
ความจริงแล้วมันไม่ได้สลักสำคัญสำหรับฉิงเฟิงเท่าใดถ้าหลิวหยางเปลี่ยนอาวุธจากไม้เท้าเป็นกระบองสองท่อน แม้ว่าความแข็งแกร่งของไม้เท้าจะเพิ่มขึ้นหรือความเร็วเพิ่มขึ้น มันก็ยังคงไร้ค่าสำหรับฉิงเฟิง
กระบองแก่นนภา! หลิวหยางกล่าวขณะที่เขาพุ่งเข้าโจมตีฉิงเฟิงจากด้านข้างด้วยกระบองสองท่อนในมือ
หลิวหยางรู้ว่าความเร็วของฉิงเฟิงนั้นเร็วมากหากเขาไม่สามารถโจมตีฉิงเฟิงจากทิศทางเดียวได้ งั้นเขาก็ต้องโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จากนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ฉิงเฟิงจะหลบการโจมตีในรัศมีแคบๆเท่านี้
ความคิดของหลิวหยางนั้นเข้าท่าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินความคาดหมายของเขา ฉิงเฟิงไม่ได้หลบเลี่ยงเลย เขาแค่ยืนอยู่นิ่งๆที่จุดเดิม
เอ๋ หลี่ฉิงเฟิงเกิดขลาดเขลาอะไรหรือเปล่า ทำไมเขาถึงไม่หลบการโจมตี ?
ใช่มันเป็นการโจมตีจากแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายเชียวนะ พลังของมันเพียงพอจะทำลายร่างมนุษย์จนแหลกเป็นชิ้นๆ !
ใครจะไปรู้ละ ถ้าเขาไม่หลบการโจมตี เขาต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่ หรือไม่ก็ตาย
ผู้คนรอบๆทุกคนต่างมองฉิงเฟิงเหมือนเขาเป็นคนโง่เง่าชายคนนี้หยิ่งยโสเกินจะเยียวยา เขาไม่แม้แต่คิดจะหลบการโจมตีของแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลาย !
แม้แต่จางหยวนเล่ยก็ยังขมวดคิ้วแน่นเขาไม่รู้ว่าฉิงเฟิงคิดอะไรอยู่ในใจ ทำไมเขาไม่หลบการโจมตี มันเป็นการโจมตีระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายเชียวนะ
ตูม! ตูม !
ในที่สุดกระบองสองท่อนของหลิวหยางก็กระทบร่างของฉิงเฟิงจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้วยเสียงดังสนั่น
ฉิงเฟิงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเขาไม่มีแม้แต่แผลสักเสี้ยวเดียว การโจมตีระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายนั้นราวกับขนนกที่กระทบร่างเขา มันไม่ได้ทำให้เขาเกิดอาการบาดเจ็บใดๆ
จะจะ เจ้า ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไรเลย ! หลิวหยางพูดติดอ่างด้วยความตกใจ
ยอดยุทธ์ระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายตกใจจนพูดติดอ่างทุกคนสามารถมองออกได้เลยว่าเขาตกใจแค่ไหน แม้แต่หวังอี้เฮอผู้นำนิกายนกกระเรียนยังไม่กล้ารับการโจมตีของหลิวหยางด้วยร่างกายเพียวๆ แต่ฉิงเฟิงกลับรับการโจมตีด้วยร่างกายของเขาและไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อยนิด นี่เขาบ่มเพาะกายาอันใดกันถึงได้แกร่งเช่นนี้ !
ไม่เพียงแค่หลิวหยางแต่ทุกคนโดยรอบต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่บ่มเพาะกายาจนแข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน ร่างกายของชายหนุ่มคนนี้แข็งแรงมากจนพวกเขาหวาดกลัวเล็กน้อย
คุณอ่อนแอเหลือเกิน ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเบื่อหน่าย
ทั้งฉิงเฟิงและหลิวหยางต่างก็เป็นแกรนด์มาสเตอร์ขั้นปลายเหมือนกันแต่ร่างกายของฉิงเฟิงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าอมตะต่อคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเท่ากัน ไม่มีทางที่หลิวหยางจะสามารถทะลวงการป้องกันของร่างกายเขาได้ ดังนั้นเขาจะเอาอะไรไปทำร้ายฉิงเฟิง