ยามหน้าทางเข้าตระกูลนินจาขวางทางฉิงเฟิงฉินเซียนจื่อและโยชิโกะไว้ ซึ่งการที่ถูกปฏิบัติเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก
เธอเป็นถึงนายหญิงน้อยแห่งตระกูลนินจาผู้สูงส่งเธอจะถูกลิ่วล้อในตระกูลขวางทางเช่นนี้ได้อย่างไร
พวกแกจำชั้นไม่ได้รึไง ปล่อยให้ชั้นเข้าไป โยชิโกะกล่าวอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าที่น่ากลัว เธอมั่นใจว่าคนเหล่านี้รู้จักเธอเพราะพบหน้ากันเป็นประจำ
คุณหนูผู้อาวุโสมีคำสั่งเด็ดขาด ห้ามให้ท่านเข้าไปเพราะท่านเป็นข้ารับใช้ของผู้ชายชาวหัวเซี่ยไปแล้ว ท่านถูกขับออกจากตระกูลเพราะสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตระกูล ท่านไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก ยามขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา
ใบหน้าที่งดงามของโยชิโกะเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองเธอเติบโตมาในสถานที่แห่งนี้ มันเป็นบ้านของเธอ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้โยชิโกะปฏิบัติต่อฉิงเฟิงในฐานะเจ้านาย เธอจึงถูกขับออกจากตระกูล ตอนนี้เธอกลายเป็นคนไร้บ้านไปแล้ว
ใบหน้าที่งดงามของเธอเริ่มซีดขาวหัวใจของเธอเจ็บปวดและแตกสลาย ความจริงที่ว่าพ่อและตระกูลทอดทิ้งเธอทำให้เธอรู้สึกทรมาน
ฉิงเฟิงไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวหลังจากที่เห็นว่าโยชิโกะหน้าซีดแค่ไหนเขาเพียงแค่กุมมือน้อยๆของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อให้กำลังเธอ
มันไม่สำคัญว่าโยชิโกะเคยเป็นอะไรมาก่อนสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือโยชิโกะเป็นเพื่อนของเขาแล้ว ครอบครัวทอดทิ้งเธอเพราะมาอยู่กับเขา เขาต้องปลอบโยนเธอ
ชั้นไม่เป็นไรเข้าไปเอาตราประทับคืนกันเถอะ โยชิโกะกล่าวด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลือด้วยใบหน้าซีดเซียว
ฉิงเฟิงพยักหน้าและไม่รู้จะตอบสนองเธออย่างไรบางที เวลาที่ผันผ่านไปเท่านั้นจึงจะสามารถรักษาแผลในใจของโยชิโกะได้
หยุด! ข้าพูดไปแล้ว ที่นี่คือตระกูลนินจา ห้ามบุคลภายนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาต ยามกล่าวขณะที่ขวางทางฉิงเฟิงไว้
เปรี้ยง!
ฉิงเฟิงออกหมัดชกยามจนสลบไปอย่างไม่รู้ตัวในทันที
ยามคนที่เหลือพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมงานถูกทำร้ายแต่พวกเขาก็ถูกฟาดจนหมดสติอย่างรวดเร็ว
ฉิงเฟิงไม่หนักมือจนฆ่ายามเหล่านี้เพราะเห็นแก่โยชิโกะเนื่องจากพวกเขาต่างก็เป็นคนของตระกูลนินจาเหมือนกัน
จากนั้นฉิงเฟิงก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับโยชิโกะและฉินเซียนจื่อ
โยชิโกะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ตั้งแต่เด็กเธอจึงคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างมาก ใช้เวลาไม่นานเธอก็นำทางมาถึงที่ห้องนั่งเล่น
ทันทีที่โยชิโกะผลักประตูห้องนั่งเล่นเข้าไปฉิงเฟิงก็เห็นตราประทับหยกเก้ามังกรในมือของกระเรียนเหินซาโต้ ใบหน้าของเขากลายเป็นเย็นชาขึ้น เป็นอย่างที่คิด ตระกูลนินจาขโมยตราประทับนั่นเอง
เหล่าคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกใจเมื่อเห็นว่าโยชิโกะได้พาคนนอกเข้ามาพวกเขาหันหน้าไปมองทันที
ท่านลุงกระเรียนเหินกรุณาคืนตราประทับให้กับนายท่านด้วยเถอะ เขาจะไว้ชีวิตท่าน โยชิโกะพูดกับลุงของเธอ
กระเรียนเหินขโมยตราประทับมาดังนั้นจึงต้องเป็นเป้าหมายของฉิงเฟิงในทันที เขาคงไม่พ้นถูกสังหาร อย่างไรก็ตามโยชิโกะค่อนข้างสนิทกับลุงของเธอ เธอจึงพยายามโน้มน้าวให้เขายอมจำนนเพื่อขอให้ฉิงเฟิงไว้ชีวิต
โยชิโกะทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้ายอมเป็นข้ารับใช้ของหลี่ฉิงเฟิงไปแล้ว ในฐานะลุงที่เอ็นดูเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ข้าไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ข้าคงต้องเชื่อแล้ว เจ้ากล้าดียังไงถึงมาบอกให้ข้ามอบตราประทับกลับคืนให้มัน เป็นไปไม่ได้
กระเรียนเหินถอนหายใจและมองไปที่หลานสาวของเขาด้วยความผิดหวังอย่างยิ่ง
หัวหน้าตระกูลนินจาซาโต้ ไมโกะขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า โยชิโกะเจ้าเป็นลูกสาวของข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้า เอ่ยปากตัดความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจ้าหนุ่มหัวเซี่ยคนนี้ซะแล้วข้าจะอนุญาติให้เจ้ากลับเข้าตระกูล !
ท่านพ่อช่วยบอกท่านลุงให้คืนตราประทับไปเถอะ แต่ข้าจะไม่ยอมหักหลังเจ้านายของข้าแน่ อีกอย่าง… พวกท่านก็ไม่ใช่คู่มือของเขา โยชิโกะอ้อนวอนต่อพ่อของเธอ
คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ซึ้งถึงพลังของฉิงเฟิงแต่เธอรู้ดีเพราะเธออยู่ใกล้ชิดกับเขามาตลอด ต่อให้ทุกคนในที่นี้ร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะเจ้านายของเธอได้
โยชิโกะขอร้องพ่อและลุงของเธอเพราะความปรารถนาดีต่อตระกูลแต่ทั้งสองกลับปฏิเสธเธออย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสอีกสามคนจากตระกูลเคนโด้,ซามูไรและคาราเต้ต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยันพวกเขา
ซาโต้โยชิโกะ เจ้ามันนังบ้า เจ้าไม่เพียงแค่เป็นผู้หญิงแห่งตระกูลนินจาเท่านั้นแต่เจ้ายังเป็นถึงหนึ่งในสี่หญิงงามของเกาะแปซิฟิก เจ้ายอมเป็นข้ารับใช้ของผู้ชายสวะชาวหัวเซี่ยได้อย่างไร ผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้มองโยชิโกะด้วยความเกลียดชัง
ใบหน้าของโยชิโกะเริ่มซีดลงเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้เธอได้ทรยศต่อตระกูลและประเทศของเธอเพื่อเป็นข้ารับรับใช้ของฉิงเฟิง เธอรู้สึกเศร้า, เจ็บปวดจนร้องไห้ออกมาหลังจากถูกคนร่วมชาติด่าทออย่างหนัก
โยชิโกะอย่าร้องไห้เลย ฉันจะลงโทษเจ้าแก่ที่มันด่าเธอเอง ฉิงเฟิงเช็ดน้ำตาให้โยชิโกะและกล่าวปลอบโยนเธอ
ผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้เรียกโยชิโกะว่านังบ้าแถมยังด่าเขาอีกด้วยตอนนี้เธอเป็นเพื่อนของเขาแล้ว เขาไม่ยอมให้เพื่อนถูกรังแกแน่นอน
หลี่ฉิงเฟิงไอ้หมูหัวเซี่ยโสโครก ! แกฆ่าซาบุโร่แล้วยังมีหน้ามาเสนอหน้าที่นี่อีกหรือ เตรียมตัวได้เลย วันนี้แกต้องตาย ! อาวุโสตระกูลเคนโด้สบถใส่ฉิงเฟิง
เขาดูถูกชาวหัวเซี่ยเพราะในสมัยหนุ่มๆช่วงสงครามเขาฆ่าชาวหัวเซี่ยเป็นจำนวนมาก
ดวงตาของฉิงเฟิงสาดประกายเย็นชาในขณะที่เขาเคลื่อนไหวร่างไปปรากฏที่ตรงหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเคนโด้และตบหน้าเขาทันที
เพี๊ยะ!
เมื่อฝ่ามือของเขาตกลงที่ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเคนโด้เสียงตบที่ดังลั่นก็ได้ยินไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น แก่จนหัวหงอกแล้วยังไม่รู้จักมารยาทในการเคารพผู้อื่นอีกหรือ ฉันจะตบหน้าสั่งสอนแกแทนพ่อแม่แกเอง ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา
แก…แก ไอ้หมูโสโครกหัวเซี่ย แกกล้าดียังไงมาตบหน้าข้า ! ผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้ยกมือกุมหน้าที่บวมเป่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความอัปยศ
เขาเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้ที่ทรงอำนาจและมีสถานะที่ยิ่งใหญ่ในเกาะแปซิฟิกแต่ตอนนี้เขากำลังถูกชายหนุ่มชาวหัวเซี่ยตบหน้านี่คือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ! เขาต้องตอบโต้ !
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้กลับหลงลืมไปว่า ตนเองมีพลังในระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุด แล้วหลี่ฉิงเฟิงลงมือต่อเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไรละ มันเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้าจึงได้ไม่ตระหนักถึงความแตกต่างในจุดนี้
หลี่ฉิงเฟิงข้าจะตัดหัวแกแล้วเอามาเตะเล่นเป็นลูกบอลเหมือนที่ข้าเคยทำกับชาวหัวเซี่ยอยู่เป็นประจำ ! ผู้อาวุโสตระกูลเคนโด้กล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
เมื่อก่อนเขาฆ่าชาวหัวเซี่ยที่ต่อต้านเขาและมีบางคนก็เอาศีรษะมาเตะเล่นเหมือนฟุตบอล
แกอยากตายแบบไหนว่ามา ฉันจะสนองให้แกตามนั้น ใบหน้าของฉิงเฟิงดูเย็นชา เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ผู้อาวุโสของตระกูลเคนโด้คนนี้ได้จี้จุดเดือดของฉิงเฟิงเขาสร้างความอัปยศให้ชาวหัวเซี่ยมาก่อน ฉิงเฟิงจำต้องฆ่าเขา